บทที่ 243
ท่านอาจารย์
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินหมิงหยู่ หัวใจของสาว ๆ ก็เริ่มบ้าคลั่ง
ท่านพี่บ้าไปแล้วรึเปล่า? นางกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?
มีเพียงหนิงหลิงหลิงเท่านั้นที่ตกใจและโล่งใจ ดูเหมือนการรับรู้ของนางจะไม่ได้ผิดไป มันมีทักษะเจ็ดอย่างจริงๆ
เฉินหมิงหยู่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“ท่านพี่?” หนิงหลิงหลิงเรียกด้วยเสียงต่ำ แต่เฉินหมิงหยู่ดูเหมือนจะสูญเสียความมั่นใจของนางไป
ลั่วอู๋แตะคางของเขา เขาไม่ค่อยถนัดในเรื่องการปลอบประโลมคน
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่ามันมีถึง 7 ทักษะ ข้าคิดว่าต่อให้เป็นท่านอาจารย์จาง ก็สามารถทำอะไรแบบนี้ได้” เด็กสาวคนหนึ่งยืนขึ้นมาพูด ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
นางชื่อ ไป่ลั่วซู เป็นสมาชิกของตระกูลไป่ ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ตระกูลของนางเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง มีเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายคนในตระกูลของนางมีอิทธิพลอย่างมากในจักรวรรดิ
หญิงสาวคนอื่น ๆ เองก็เดินขึ้นมาคัดค้านเช่นกัน
การมี 7 ทักษะมันเหนือสามัญสำนึกของพวกนางเกินไป
ลั่วอู๋เดินไปที่ม้าผีและลูบหลังของมันอย่างอ่อนโยน “แสดงทักษะของเจ้าให้พวกนางดูสิ”
สัตว์วิญญาณในระดับนี้ความฉลาดไม่ได้ต่ำไปกว่ามนุษย์เท่าไหร่มันจึงเข้าใจคำพูดของลั่วอู๋
มันยังคงระวังลั่วอู๋อยู่บ้างเพราะเขาดูทรงพลัง แต่ด้วยที่มันรู้สึกขอบคุณลั๋วอู๋ที่ช่วยแก้ไขคุณสมบัติให้มัน มันจึงไม่ขัดขืนคำพูดของเขา
ใช้งานทักษะสะเทือนปฐพี ระดับ S
ม้าผีเหยียบย่ำไปที่พื้นส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งคฤหาสน์
ลั่วอู๋อุทาน “นี่มันที่พักของข้า เจ้าเพลา ๆ ลงหน่อยแสดงให้เห็นทักษะแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ”
ม้าผีลดหัวลงและกระดิกหาง เหมือนเด็กที่เพิ่งทำอะไรผิด ดูเหมือนว่ามันจะประมาทเกินไปจึงกะพลังพลาด จากนั้นมันก็เริ่มแสดงทักษะอื่น ๆ
พื้นดินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
[กัดกินความชั่วร้าย]: พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งธาตุความมืดมาบรรจบกันในอากาศ จากนั้นรอยกัดขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในอากาศ เป็นท่าแห่งการโจมตีอันรุนแรง
……
ทักษะถูกใช้ที่ล่ะทักษะไปเรื่อย ๆ
และความตกใจก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่าเด็กสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ในที่สุดก็ถึงคิวทักษะสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
ทักษะระดับ S [เชิญวิญญาณ]
ม้าผีกู่ร้องไปที่ความว่างเปล่าและจากนั้นพื้นดินก็ดูเหมือนจะกลายเป็นประตูอันมืดมิด และเปิดออกอย่างช้า ๆ
ร่างเงาที่มองไม่เห็นใบหน้าเดินออกมาจากประตูนั้น
ร่างวิญญาณเงาอันว่างเปล่านั้นสูงและเต็มไปไอของสงคราม เขาถือคทาคู่หนึ่ง มันอาบไปด้วยพลังแสงสีดำ มือของเขาดูเหมือนจะมีพลังมหาศาล และที่จะทำลายศัตรูทั้งหมด
ร่างเงานั้นหันกลับไปนั่งบนหลังม้า ด้วยพลังทักษะของม้าผี ลมปราณของเขาไม่ได้ทรงพลังนัก แต่ส่งอารมณ์อันเย็นชาทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่นไปหมด
“ชายที่ถือคทาสองข้างนั่นคือแม่ทัพของจักรวรรดิ เมื่อ 700 ปีก่อน ชื่อฉินเทียนเฉาไม่ใช่หรือ? แสดงว่าเจ้านายของม้าผีตัวนี้คือเขาคนนั้นงั้นเหรอ?” หนิงหลิงหลิงมีความสุขมาก
ฉินเทียนเฉาคือแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน เขามีชื่อเสียงในด้านพละกำลังและความดุร้าย คฑาคู่ของเขาได้ทำลายอาวุธและร่างของนายพลศัตรูมานับไม่ถ้วน เขาเป็นนายพลผู้เก่งกาจจนไม่มีใครเทียบได้
หนิงหลิงหลิงกอดม้าผีอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้มันมีถึงเจ็ดทักษะ ทักษะระดับ A สี่อัน และทักษะระดับ S อีกสาม นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทักษะเชิญวิญญาณเรียกวิญญาณของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์มาได้ ทำให้คุณค่าของมันเทียบได้กับทักษะระดับ SS
ลั่วอู๋หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “พวกเจ้าเชื่อกันแล้วรึยังล่ะ”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร … ” ไป่ลั่วซูหายใจอย่างไม่เป็นระเบียบ นางถอยห่างออกจากม้าผี
ข้อเท็จจริงอยู่ตรงหน้านางแล้วแท้ ๆ
แต่นางก็ทำใจเชื่อมันไม่ได้
จะบอกว่าทักษะในการปรับแต่งของผู้ชายคนนี้สูงกว่าของท่านพี่สาวมากงั้นเหรอ? เขาเป็นผู้ปรับแต่งระดับจักรพรรดิรึยังไงกัน?
มันยอดเยี่ยมมาก
เฉินหมิงหยู่จ้องมองที่ลั่วอู๋
นางรู้ว่านางแพ้ และนางก็ทำอะไรไม่ถูก
“ข้าแพ้แล้ว กลับกันเถอะ” เฉินหมิงหยู่กล่าวด้วยความยากลำบากว่า ราวกับว่านางหมดเรี่ยวแรงและสูญเสียแรงใจในการสู้ไปหมดแล้ว ความแวววาวในสายตาของนางหายไปจนหมดสิ้น
สาว ๆ มองไปที่แผ่นหลังของ เฉินหมิงหยู่อย่างไม่สบายใจ
อย่ามาทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้สิ!
ไป่ลั่วซูครุ่นคิดและอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา “เฉินหมิงหยู่! เจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ ความภาคภูมิใจของเจ้าไปอยู่ที่ไหนหมดแล้ว ? แค่การแพ้ครั้งเดียวเท่านั้น มันทำให้เจ้าเป็นแบบนี้เลยเหรอ ? เจ้าอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เฉินหมิงหยู่เงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่าและฉายแววตาอันสับสนในดวงตาของนาง
“เจ้าเป็นหัวหน้า เป็นท่านพี่สาวคนโตของพวกเรา ข้ามองขึ้นไปที่เจ้ายกย่องเจ้าตั้งแต่เด็ก เจ้าไม่ใช่คนที่จะมาล้มลงง่าย ๆ แบบนี้ ใคร ๆ ก็แพ้กันได้ทั้งนั้นน่า!” ไป่ลั่วซูอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
เฉินหมิงหยู่กะพริบตาและในที่สุดก็นำความมั่นใจกลับคืนมา ความมั่นใจในตัวเองหลั่งไหลกลับเข้าสู่ร่างกายของนาง
ใช่แล้ว ข้าคือเฉินหมิงหยู่
ข้าเป็นหลานสาวของเฉินซังเทียน ผู้ปรับแต่งระดับจักรพรรดิคนแรกในจักรวรรดิ
ข้าเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเมืองหลวงของจักรวรรดิ
พ่ายแพ้ไปแค่ครั้งเดียวแล้วมันจะทำไม? มันไม่สามารถกีดกันข้าจากความภาคภูมิใจและความสามารถของข้าได้
เฉินหมิงหยู่เงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างมั่นใจและภาคภูมิใจ นางมองไปที่ลั่วอู๋และพูดออกมาว่า “เจ้าชนะ และข้าแพ้แล้ว”
“เจ้าเองก็เก่งมาก” ลั่วอู๋กล่าวด้วยความจริงใจ
เฉินหมิงหยู่เริ่มยิ้มออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มคราวนี้นั้นมีเสน่ห์แพรวพราวมาก “ข้าดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว ว่าปู่ของข้าต้องการให้ข้าทำอะไร ดังนั้นข้าจะขอให้เจ้าเป็นอาจารย์เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับข้านับจากนี้”
สายตาของเหล่าเด็กผู้หญิงต่างมองไปที่เฉินหมิงหยู่ พวกนางยังคงเต็มไปด้วยความเคารพ
ทั้ง ๆ ที่นางแพ้ แต่ทำไมความสง่างามของนางถึงสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นี่เป็นเสน่ห์ของท่านพี่สาว
“ข้าจะขอแนะนำตัวเขาอีกครั้ง นี่คืออาจารย์ของข้าชื่อว่าลั่วอู๋ ซึ่งแม้แต่ปู่ของข้ายังยกย่องเขาในเรื่องพรสวรรค์ในการปรับแต่งของเขา” เฉินหมิงหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์” สาว ๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
เฉินหมิงหยู่โบกมือ “เอาล่ะเหล่าน้องสาว พวกเรามาขอโทษท่านอาจารย์กันเถอะ”
“อาจารย์พวกข้าผิดไปแล้ว พวกข้าไม่ควรสงสัยในฝีมือของท่าน” สาว ๆ ทุกคนพูดพร้อมกัน
ลั่วอู๋รู้สึกยินดีอยู่ครู่หนึ่ง
ใคร ๆ ก็ย่อมรู้สึกยินดีต่อการกระทำเช่นนี้อยู่แล้ว
“ท่านอาจารย์อย่าเพิ่งทะนงตัวไป สักวันหนึ่งข้าจะขอท้าสู้ท่านอีกแน่ในอนาคต ถ้าท่านแพ้ขึ้นมาจะเสียหน้าเอานะ” เฉินหมิงหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มเฝื่อน ๆ
“ได้ยินแบบนี้แล้ว ข้าไม่ภูมิใจเท่าไหร่เลย” ลั่วอู๋ไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้
ดวงตาของเฉินหมิงหยู่ แสดงให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์และพูดต่อ “เนื่องจากท่านกลายเป็นอาจารย์ของพวกข้าทุกคนแล้ว ท่านก็ควรจะให้ของขวัญแก่ลูกศิษย์สักหน่อยนะ”
ดวงตาของเหล่าเด็กสาวเป็นประกาย
ทุกคนต่างทราบกันดีว่าผู้ปรับแต่งมักจะร่ำรวย
ร่ำรวยมากกันทุกคน
“ใช่แล้ว ๆ”
“อาจารย์พวกข้าต้องการของขวัญ”
“อย่าถ่อมตัวเกินไปเลยน่า ท่านอาจารย์”
“ข้าเองก็อยากได้ ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน”
“หนิงหลิงหลิงเจ้าออกไปก่อนเลยเจ้ามีม้าผีแล้ว” เด็กผู้หญิงในกลุ่มต่างกรูกันเข้ามา
ลั่วอู๋รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อยกับความกระตือรือร้นของพวกนาง
“ได้เลย ๆ” ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “เอาละข้าจะช่วยพวกเจ้าแต่ละคน ปรับแต่งสัตว์วิญญาณคนละตัว มีใครต้องการให้ข้าปรับแต่งทักษะสัตว์วิญญาณของตัวเองบ้าง”
“ข้าข้า!” สาว ๆ ต่างยกมือขึ้น
ใครจะไม่อยากให้สัตว์วิญญาณของตนเองแข็งแกร่งขึ้น
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้ผู้ปรับแต่งระดับปรมาจารย์มาปรับแต่งให้
เฉินหมิงหยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านควรจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสักหน่อยนะเดี๋ยวพวกนางจะได้ใจกันเกินไป”
การให้ของขวัญเองก็เรื่องหนึ่ง แต่ค่าวัสดุในการปรับแต่งเองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พวกนางควรจะต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง
หากผู้ปรับแต่งสัญญาว่าจะทำการปรับแต่งให้ ค่าวัสดุก็ไม่ควรจะเป็นภาระของผู้ปรับแต่ง
ลั่วอู๋ไม่ได้คิดจะเก็บค่าใช้จ่าย เพราะความสามารถการแก้ไขคุณสมบัติของไหปีศาจใช้เพียงแค่พลังวิญญาณเท่านั้น มันไม่ได้ใช้แต้มเซียน
แต่จากที่เฉินหมิงหยู่พูด แสดงว่าพวกนางทั้งหมดน่าจะยอมรับว่า เขาสามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้รึเปล่า?
ลั่วอู๋ลองคิดเกี่ยวกับมัน เพราะยังไง ๆ ตอนนี้เขาก็ขาดคะแนนอยู่อีกมากกว่าจะไปถึงเป้าหมายที่ต้องการเขาจึงพูดว่า “ข้าจะเรียกเก็บคนละ 5000 คะแนน”
เหล่าหญิงสาวมองลั่วอู๋ด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง
“มีอะไรรึ?” ลั่วอู๋รู้สึกอายและพูดต่อ “ถ้ามันมากเกินไปข้าจะใช้ลดให้ก็ได้”
สาว ๆ ส่ายหัวอย่างดุเดือด
มันไม่ได้มากเกินไป มันแค่น้อยเกินไปต่างหาก
“ท่านอาจารย์เป็นคนใจดีมากเจ้าค่ะ”
“นี่เป็นของขวัญที่ดีมากเจ้าค่ะ”
“อาจารย์ ท่านเป็นเหมือนพ่อทูนหัวของข้าเลยเจ้าค่ะ”
ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่พักของลั่วอู๋จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความสุขเสียแล้ว