บทที่ 248
ภูตสงครามกลายพันธุ์
ลั่วอู๋ฝึกฝนอยู่ในมิติไหอย่างสบายใจ
ตอนนี้เขาได้เข้าใกล้การเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 10 มากแล้ว และเมื่อเขาไปถึงระดับเงิน มิติ 10 เขาก็จะได้โอกาสเลื่อนขั้นมิติวิญญาณไปสู้การเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงได้
สามวันต่อมาลำแสงพุ่งปริศนาก็ได้พุ่งเข้ามาในที่พักของลั่วอู๋
นั่นทำให้ลั่วอู๋ลืมตาตื่นขึ้น
มันเป็นจดหมายที่ส่งมาจากห้องโถงหวันฝา
“มีคนอยากจะให้ข้าปรับแต่งสัตว์วิญญาณให้งั้นสินะ? ข้าเข้าใจถูกแล้วใช่ไหม?” ลั่วอู๋คิดถึงเรื่องนี้แล้วรีบออกจากที่พักไป
การช่วยให้ไข่ที่เขาครอบครองอยู่ฟักออกมาเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นเขาจึงต้องยอมทำงานหนักเพื่อให้ได้คะแนนมา การทำงานปรับแต่งสัตว์วิญญาณให้เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้เขาได้คะแนนมาจำนวนมาก
เมื่อลั่วอู๋มาถึงที่ห้องโถงหวันฝา เขาได้เจอกับลูกค้าชื่อว่ามู่ฉิง
มู่ฉิงนั้นดูเหมือนจะเพิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ นางมีเสน่ห์ของผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ และแรงกดดันวิญญาณของนางก็โดดเด่นมาก จนถึงขึ้นทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอำนาจที่เหนือกว่าของนาง
เห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่นักเรียน แต่เป็นอาจารย์พิเศษ
เมื่อมู่ฉิงเห็นลั่วอู๋นางก็แปลกใจ “เด็กมากเจ้าเป็นนักเรียนใช่รึเปล่าเนี่ย?”
“ใช่แล้ว” ลั่วอู๋พยักหน้า
มู่ฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ว่าแล้วเชียว คิดราคาถูกขนาดนี้ เจ้าไม่ใช่คนของสำนักย่อยการปรับแต่งจริง ๆ ด้วย ข้าน่าจะคิดได้”
“เจ้าต้องการให้สัตว์วิญญาณเรียนรู้ทักษะใหม่รึเปล่า?” ลั่วอู๋ถาม
“ไม่เป็นไรแล้ว” มู่ฉิงส่ายหัว “ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของข้าได้ ระดับการปรับแต่งของเจ้าอย่างน้อยก็ควรจะอยู่ในระดับสูง”
หลังจากนั้นมู่ฉิงก็ดูเหมือนพร้อมที่จะเดินจากไป
ลั่วอู๋รีบหยุดนางไว้แล้วพูดอย่างจริงจัง “ทำไมเจ้า ไม่ให้ข้าลองดูก่อนล่ะบางที ข้าอาจช่วยเจ้าแก้ปัญหานั้นได้ ถ้าไม่ข้าทำไม่สำเร็จข้าจะไม่คิดคะแนนเลย”
“แต่สัตว์วิญญาณที่ข้าต้องการให้เจ้าปรับแต่งมันอยู่ในระดับเพชรเลยนะ ?” มู่ฉิงลังเล
ใบหน้าของลั่วอู๋ยังคงแน่วแน่ไม่เปลี่ยนไป “ให้ข้าได้ลองเถอะ”
หัวใจของมู่ฉิงหวั่นไหวเล็กน้อย นางไม่มีคะแนนมากพอที่จะเชิญเหล่าปรมาจารย์จากสำนักย่อยการปรับแต่งมาจัดการกับปัญหานี้ แต่นางก็ยังไม่เต็มใจที่จะขอความช่วยเหลือจากลั่วอู๋เท่าไหร่
“ช่วยไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าลองดูก็ได้” มู่ฉิงถอนหายใจ
จากนั้นนางก็พาลั่วอู๋ไปยังคฤหาสน์อันเงียบสงบ
มู่ฉิงปล่อยแสงสีม่วงออกมาจากแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นสัตว์วิญญาณลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของสัตว์วิญญาณตัวเล็ก ๆ ตัวนี้นั้นเหมือนกับของมนุษย์ มันมีขนาดเท่ากับเด็กอายุเจ็ดหรือแปดขวบ สวมชุดเกราะสีม่วงและมีปีกนางฟ้าสีม่วงงอกออกมาจากหลังของมัน
ภูตตนนี้ถือดาบพลังวิญญาณแสงไว้ในมือ มันดูสงบและเยือกเย็นราวกับจะตัดสินความอยุติธรรมของทั่วทั้งโลก
“ภูตปีกแสง?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
สัตว์วิญญาณตัวเล็ก ๆ ตัวนี้ค่อนข้างคล้ายกับภูตปีกแสง
มู่ฉิงส่ายหัว “มันไม่ใช่ภูตปีกแสง แต่เป็นภูตสงคราม ภูตปีกแสงถือกำเนิดจากแสงเหนือ แต่ภูตสงครามถือกำเนิดขึ้นจากแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ปัดเป่าความมืด ภูตปีกแสงมีพลังในการรักษา แต่ภูตสงครามเป็นตัวตนที่ตรงกันข้ามกับมัน ภูตสงครามนั้นเกิดมาเพื่อการต่อสู้”
ลั่วอู๋พยักหน้า แต่เขาก็ยังสงสัย “ข้าคิดว่าภูตสงครามตัวนี้มีอะไรผิดปกตินะ”
“ใช่ เจ้าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปหรอก” มู่ฉิงกุมหัวแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่ ภูตสงครามธรรมดา มันเป็นภูตสงครามกลายพันธุ์”
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็เข้าใจ
มันไม่น่าแปลกใจเลยที่แสงของมันเป็นสีม่วง
ภูตสงครามปกตินั้นจะมีแสงเป็นสีขาว แต่นี่มันต่างออกไป
“งั้นก็ดีเลยนี่ มันไม่เหมือนใครดี” ลั่วอู๋กล่าว
มู่ฉิงดูเหมือนจะไม่อยากทำร้ายจิตใจของมัน นางจึงพูดด้วยเสียงเบา “ภูตสงครามควรจะเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ควรเปล่งแสงสีม่วง”
เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการให้ภูตสงครามกลายพันธุ์เป็นแบบนี้
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องปกติที่สัตว์วิญญาณจะกลายพันธุ์ไปเป็นรูปร่างที่น่าเกลียดกว่ารูปแบบปกติทั่วไปของเผ่าพันธุ์มัน การกลายพันธุ์นั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเสมอ บางคนก็ชอบบางคนก็ไม่
ซึ่งลั่วอู๋ก็ไม่หักล้างความเป็นจริงที่ว่าแต่ละคนมีรสนิยมของตัวเอง
“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรล่ะ ?” ลั่วอู๋ถาม
มู่ฉิงดูรู้สึกไม่สบายใจก่อนจะกล่าวว่า “เพราะการกลายพันธุ์ มันจึงกลายเป็นภูตสงครามที่มีลักษณะพิเศษ อย่างไรก็ตามในด้านความสามารถในการต่อสู้ มันอ่อนแอกว่าภูตสงครามทั่วไปเล็กน้อย”
ลั่วอู๋เริ่มเห็นใจพี่สาวคนนี้ขึ้นมา
นี่มันแย่เกินไปแล้ว
มันไม่ใช่แค่ว่าการกลายพันธุ์ทำให้มันมีรูปร่างที่ดูไม่ดี แต่การกลายพันธุ์ยังทำให้มันอ่อนแอกว่าภูตสงครามทั่วไปอีกด้วย
ภูตสงครามได้กลายพันธุ์ทำให้ความสามารถในการต่อสู้อ่อนแอลง มีประโยชน์อะไรจากการกลายพันธุ์บ้างล่ะเนี่ย?
“ดังนั้น ข้าจึงหวังว่าเจ้าจะช่วยให้มันเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการต่อสู้ของมันได้น่ะ” มู่ฉิงมองไปที่ภูตสงครามด้วยความปวดใจ
ภูตสงครามดูเหมือนจะสังเกตเห็นอารมณ์ของเจ้านาย ความดุดันบนใบหน้าของมันกลายเป็นความขมขื่นจากนั้นกระบี่แสงในมือของมันก็สลัวลง
มันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวมันจึงไม่ต้องการที่จะปฏิบัติตามการเรียกร้องของสัญชาตญาณ และกลายเป็นภูตสงครามที่ทรงพลัง เพื่อกวาดล้างความมืดทั้งมวล
รูปแบบร่างกายของมันในตอนนี้นั้นยับยั้งพลังวิญญาณส่วนมากในเลือดทำให้ไม่สามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่
ลั่วอู๋ตบหน้าอกของเขา “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะจัดการให้เอง”
มู่ฉิงมองไปที่ลั่วอู๋
เขาคนนี้มาจากที่ไหนกัน ถึงได้มีความมั่นใจมากมายขนาดนี้
……
……
ลั่วอู๋ยืมห้องลับของมู่ฉิง และนำภูตสงครามเข้ามา
“ผ่อนคลายไว้ ๆ” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ
ในฐานะที่มันเป็นภูตสงครามดูเหมือนว่าพวกมันจะอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา
ภูตสงครามนั้นเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย มันไม่คิดจะทำร้ายลั่วอู๋ แต่มันก็ไม่เต็มใจที่จะปลดตัวเองออกจากสถานะเตรียมการต่อสู้ มันดื้อรั้นเกินกว่าจะยอม
ลั่วอู๋ตรวจดูข้อมูลของมัน
เผ่าพันธุ์: ภูตสงคราม (กลายพันธุ์)
ระดับ: เพชร
มิติ: เพชร มิติ 1
ทักษะ: แสงแห่งวันพิพากษา (ระดับ S), ดาบแห่งการชำระแค้น (ระดับ S), ชำระล้าง (ระดับ A)
พื้นเพ: ภูตที่กำเนิดจากแสงแรกของดวงตะวันเพื่อสลายความมืด ร่างกายเปี่ยมไปด้วยเลือดแห่งการต่อสู้อันแข็งแกร่ง มีพลังในการต่อสู้แข็งแกร่งพอที่จะขจัดความชั่วร้ายทั้งหมด
เนื่องจากมีเจตจำนงในการต่อสู้ ภูตสงครามจึงมีภูมิคุ้มกันต่อสถานะเชิงลบทั้งหมด
ลั่วอู๋ถอนหายใจ
เพชร มิติ 1 ?
ภูตสงครามตัวนี้เป็นระดับเพชร?
ครั้งหนึ่งในชีวิต ลั่วอู๋เคยได้รู้สึกได้ถึงลมปราณของปีศาจไม้แห่งความตายที่เพิ่งก้าวเข้าสู่มิติวิญญาณระดับเพชร พลังของปีศาจไม้แห่งความตายนั้นสามารถทำให้ผู้คนใจสั่นและหวาดกลัวได้
แต่ลั่วอู๋กลับไม่รู้สึกถึงความน่าเกรงขามใด ๆ จากภูตสงครามตนนี้
ทั้ง ๆ ที่นี่คือภูตสงครามที่มีชื่อเสียงในด้านพลังการต่อสู้
อย่างไรก็ตามทั้ง ๆ ที่เป็นภูตสงคราม มันกลับมีทักษะเพียงแค่สามอย่าง ซึ่งเป็นความล้มเหลวอย่างหนัก
“เจ้าได้พบกับการกลายพันธุ์ ซึ่งมีโอกาสเพียงแค่ 1 ในแสน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่แล้วมันกลับเกิดขึ้นในทิศทางที่ไม่ดีได้อย่างไร?” ลั่วอู๋รู้สึกเสียใจแทน
เขาหวังว่าเขาจะสามารถช่วยให้มันมีทักษะมากขึ้นได้ อย่างน้อย ๆ นี่ก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำให้มันได้
ลั่วอู๋เริ่มใช้ความสามารถการแก้ไขคุณสมบัติของไหปีศาจ
แสงสีขาวสาดส่องลงบนตัวภูตสงคราม
จากนั้นออร่าแสงสีม่วงบนร่างของภูตสงครามก็ค่อย ๆ จางลงอย่างช้า ๆ และถูกแทนที่ด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์
มันระเบิดลมปราณอันน่ากลัวออกมาราวกับว่ามีบางอย่างกำลังเริ่มตื่นขึ้น หรือมีบางอย่างเริ่มเดือดขึ้นในร่างของมัน
ภูตสงครามฉายแววสับสนเล็กน้อยในดวงตาของมัน แต่ในไม่ช้ามันก็สงบและมั่นคง
กระบี่แสงในมือของมันดูเหมือนจะควบแน่นเป็นสสารและปีกสีม่วงก็เปลี่ยนเป็นสีขาว แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างครอบคลุมห้องทั้งหมด
ภูตสงครามลอยไปในอากาศอย่างช้า ๆ นัยน์ตาของมันย้อมด้วยสีทอง ปีกของมันเปิดออก โดยมีเกราะสีทองติดอยู่บนร่างกาย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เองก็พลุ่งพล่าน
ความตกตะลึงปรากฏขึ้นในดวงตาของลั่วอู๋
วิวัฒนาการ? การยกระดับมิติวิญญาณ? ไม่ ไม่ ไม่สิ สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรกัน?
จู่ ๆ มันแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง