บทที่ 251 เล่กุย
ขณะนั้นเองจางฉีฮงก็เดินออกมาพร้อมกับใบสมัครในมือของเขา
“ทำไมหนิงหลิงหลิง หนิงฮัว พวกเจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?” จางฉีฮงถาม
ตระกูลของเขามีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับตระกูล หนิง ดังนั้นเขาจึงต้องดูแลรุ่นน้องที่มาจากตระกูลหนิงเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นหนิงหลิงหลิงยังเป็นเด็กผู้หญิงที่มีชีวิตชีวา น่ารักและรู้จักมารยาทเป็นอย่างดี ก็ควรค่าแล้วที่จะใส่ใจ
หนิงฮัวรีบเดินไปข้างหน้าและทำความเคารพอย่างมีมารยาท “ท่านอาจารย์จาง สัตว์วิญญาณของข้าต้องการการปรับแต่ง ท่านพอจะมีเวลาดูให้ไหมขอรับ?”
“โอ้ เวลาน่ะมีอยู่แล้ว สัตว์วิญญาณของเจ้าเป็นอะไรไปล่ะ?” จางฉีฮงตอบอย่างสบาย ๆ
หนิงหลิงหลิงกล่าว “เด็กโง่คนนี้โลภมาก เมื่อเขาเห็นทักษะที่ม้าผีของข้ามี ดังนั้นเขาจึงคิดว่าทักษะที่เล่กุยของเขามีมันยังน้อยเกินไป”
แม้ว่าหนิงฮัวจะไม่พอใจกับชื่อ “เด็กโง่” แต่เขาก็ไม่หักล้างมัน และตั้งหน้าตั้งตารอจางฉีฮงตอบ
จางฉีฮงมองไปที่หนิงหลิงหลิงด้วยความสงสัย
หญิงสาวนั้นเคยมาถามเขาเกี่ยวกับการปรับแต่งม้าผีเมื่อไม่นานมานี้
หลังจากนั้นไม่นาน ม้าผีก็ได้เรียนรู้ทักษะมากมายถึงขนาดนี้เลยหรือ?
เด็กสาวคนนี้ยอมทุ่มแต้มให้ม้าผีของนางจริง ๆ เขาเริ่มกังวลแล้วว่านางจะไม่มีคะแนนไว้ใช้จ่ายเรื่องอื่น ๆ
“ม้าผีของพี่สาวข้าได้เรียนรู้ทักษะเชิญวิญญาณ แต่เล่กุยของข้านั้นยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะที่ทรงพลังที่สุดของมันอย่างสายฟ้าผ่าพิภพเลย” หนิงฮัวกล่าวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
จางฉีฮงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเกรงว่ามันอาจจะยากไปสักหน่อยสำหรับทักษะสายฟ้าผ่าพิภพของเล่กุย เพราะมันไม่ใช่ทักษะธรรมดา ๆ”
เล่กุยเป็นสัตว์วิญญาณหายาก และยิ่งมันมีทักษะขั้นสูงสุดของมันอย่างสายฟ้าผ่าพิภพ มันจะยิ่งเป็นระดับที่หายากยิ่งขึ้น
“ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน” หนิงฮัวกล่าวอย่างกังวล
จางฉีฮงพยักหน้า “ข้าจะพยายาม”
หนิงฮัวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาจึงมอบเหรียญประจำตัวของตนให้ จางฉีฮงด้วยความเคารพ “ข้ารู้กฎดี นี่คือค่าใช้จ่าย 50000 คะแนน”
มันคือกฎสำหรับการปรับแต่งที่สำนักย่อยการปรับแต่ง
ตามธรรมเนียมแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณต้องแบกรับค่าใช้จ่าย
ดังนั้นหากต้องการเข้ามาใช้บริการสำนักย่อยการปรับแต่งก็จำเป็นต้องจ่าย 50000 คะแนน เป็นเงินมัดจำหากการใช้ทรัพยากรมากเกินไปก็ต้องจ่ายเพิ่ม
จางฉีฮงหันศีรษะและมองไปที่ ลั่วอู๋ “ข้าช่วยให้ลงสมัครและรับรองคุณสมบัติความสามารถในการปรับแต่งของเจ้าให้แล้ว เจ้าเชี่ยวชาญในการปรับแต่งทักษะใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นจงช่วย หนิงฮัวปรับแต่งเล่กุยซะ นี่คืองานประเมินแรกของเจ้า”
หลังจากนั้นจางฉีฮง ได้มอบ 50000 คะแนนในเหรียญประจำตัวของหนิงฮัวให้กับลั่วอู๋
ลั่วอู๋พยักหน้ายอมรับเห็นด้วย
หนิงฮัวตกตะลึงในทันที
นี่มันอะไรกัน?
ให้เขามาปรับแต่งสัตว์วิญญาณของข้าได้ยังไง!
หนิงหลิงหลิงหัวเราะเบา ๆ และมองไปที่น้องชายผู้โง่เขลาของนางอย่างเห็นใจ
หนิงฮัวกล่าวอย่างรีบร้อน “อาจารย์จาง มีอะไรผิดปกติรึเปล่า ? ทำไมท่านถึงให้คนธรรมดาแบบเขามาช่วยปรับแต่งสัตว์วิญญาณของข้าได้กัน?”
“เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปหรอก ระดับการปรับแต่งของเขาคนนี้สูงมาก ข้ากำลังช่วยเขาให้ได้รับการรับรองจากสำนักย่อยการปรับแต่งอยู่” จางฉีฮงกล่าว
หนิงฮัวรู้สึกประหลาดใจ
หากต้องการสมัครเข้าร่วมสำนักย่อยการปรับแต่ง เขาคนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรับแต่งระดับสูงเป็นอย่างต่ำ และจะต้องได้รับการแนะนำจากประธานของสำนักย่อยการปรับแต่ง
อย่างไรก็ตามประธานของสำนักย่อยการปรับแต่งนั้นงานยุ่งมาก หากไม่สนิทกันจริง ๆ หรือมีความสามารถเข้าตามาก ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปกตินั้น จึงมีเพียงแค่ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณของสำนักเท่านั้น ที่สามารถสมัครเข้าร่วมสำนักย่อยการปรับแต่งได้
“เขามีระดับการปรับแต่งที่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” หนิงฮัวยิ้มแห้งเล็กน้อย“ ท่านอาจารย์จาง นี่ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม เล่กุยนั้นมีค่ามากสำหรับข้านะ”
“ไม่ ไม่ต้องกังวลไป ข้าเคยเห็นผลลัพธ์ในการปรับแต่งของเขาแล้ว อย่างน้อยในเรื่องการปรับแต่งทักษะ ข้าก็ไม่ได้มีฝีมือดีเท่าเขา เพื่อที่จะประเมินความสามารถของเขา ข้าจึงอยากจะให้เขาได้ปรับแต่งสัตว์วิญญาณอย่างจริงจัง ส่วนค่าใช้จ่ายก็ให้เป็นราคามัดจำปกติไป เรื่องค่าใช้จ่ายขาดเหลือยังไงข้าจัดการให้ ไม่ต้องขอบคุณข้า “จางฉีฮงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ท่าทีของหนิงฮัวค่อย ๆ ดูบิดเบี้ยว
นี่มันเหมือนว่าเขากำลังใช้ประโยชน์จากความสามารถของลั่วอู๋เลยไม่ใช่เหรอ?
ดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็พูดออกมาไม่ได้
“เข้ามาข้างในกับข้า” จางฉีฮงพาทั้งสามคนเข้าไปด้านในสำนักย่อยการปรับแต่ง
ด้านในสำนักย่อยการปรับแต่งนั้นเหมือนกับบ้านเก่า ๆ ที่ดูลึกลับ
ที่นี่มีชายชราคนหนึ่งกำลังหลับอยู่ที่ทางเข้า
รูปแบบการตกแต่งภายในนั้นเรียบง่ายมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกแห่งความสงบ มีตู้หนังสือโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
เสียงการเหยียบย่ำบนบันไดสามารถรู้สึกถึงไม้เนื้อแข็งและเสียงการเดินได้อย่างชัดเจน
หนิงฮัวเรียกเล่กุยออกมา เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการประเมินสถานะของเล่กุย แล้วประกาศว่ามันพร้อมที่จะได้รับการปรับแต่งแล้วหรือยัง
เมื่อลั่วอู๋กำลังจะพาเล่กุยเข้าไปในห้องลับสำหรับการปรับแต่ง คำขู่เล็ก ๆ ก็ดังมาข้าง ๆ หูของเขา “เฮ้ เจ้าควรระวังไว้นะ ถ้าเจ้าปรับแต่งเล่กุยของข้าพลาด ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”
ไม่จำเป็นต้องเดาว่าใครเป็นคนพูด แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ หนิงฮัวพูดออกมาแน่ ๆ
ลั่วอู๋ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าถ้าผิดพลาดข้าจะคืน 50000 คะแนนของเจ้าให้เลย”
“เจ้า…”หนิงฮัวกัดฟัน
ลั่วอู๋ไม่สนใจและตรงเข้าไปในห้องลับ
หนิงฮัวพ่นควันออกมาด้วยความหงุดหงิด ส่วน หนิงหลิงหลิงก็ได้แต่กลอกตาและพูดว่า “เจ้าโกรธอะไร? แต่เดิมเจ้าก็ไม่ได้คิดว่าค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 50000 คะแนน จะสามารถปรับแต่งมันจนสำเร็จได้ไม่ใช่รึไง”
50000 คะแนนนั้นเป็นแค่ค่าใช้จ่ายมัดจำ
ค่าใช้จ่ายจริง ๆ นั้นจำเป็นต้องคำนวณ หลังจากการปรับแต่งเสร็จสิ้นแล้วอีกที
หากการปรับแต่งล้มเหลวก็จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกลับมาด้วยส่วนหนึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะช่วยให้เล่กุยเรียนรู้ทักษะสายฟ้าผ่าพิภพ 50000 คะแนนนั้นไม่มีทางเพียงพอแน่
ดวงตาของหนิงฮัวดูคร่ำครวญ “ความจริงก็คือความจริง ลั่วอู๋ได้รับคะแนนข้าไป และมันไม่สมดุลกับความสามารถของเขา ถ้าข้าต้องการให้เขาปรับแต่ง ข้าจะมาที่สำนักย่อยการปรับแต่งทำไม ข้าควรจ่ายให้มันเพียงแค่ 30000 คะแนนเท่าเดิม ”
“ก็เจ้าไม่ยอมเชื่อข้าเองนี่” หนิงหลิงหลิงตะคอก
……
……
ในห้องลับ
ลั่วอู๋ตรวจดูข้อมูลของเล่กุย
เผ่าพันธุ์: เล่กุย
ระดับ: ทอง
มิติ : ระดับทอง มิติ 2
ทักษะ: กลองศึกสายฟ้า (ระดับ S) , เหยียบย่ำ (ระดับ A), ฉีกกระชากสายฟ้า (ระดับ S), สะเทือนปฐพี(ระดับ A), ลมปราณ (ระดับ B)
พื้นเพ: สัตว์ลึกลับที่สามารถควบคุมพลังสายฟ้าได้
เล่กุยนั้นมีลักษณะเหมือนวัว มันตัวใหญ่มากและมีเท้าเพียงข้างเดียว มันไม่มีเขาบนหัวและผิวของมันมีสีเทาทั่วทั้งตัว มีเสียงดังราวกับฟ้าร้อง
“มันเป็นสัตว์วิญญาณที่แปลกมาก รูปร่างอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เลว” ลั่วอู๋พูดกับตัวเอง
เมื่อนำสัตว์วิญญาณเข้ามาในมิติไห หนังสือสัตว์วิญญาณจะป้อนข้อมูลของสัตว์วิญญาณเข้ามาโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี หลังจากได้ปรับแต่งสัตว์วิญญาณมาหลายครั้ง ความสมบูรณ์ของหนังสือก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก
เงื่อนไขข้อกำหนดของหนิงฮัวนั้นง่ายมาก
เขาต้องการทักษะ “สายฟ้าผ่าพิภพ”
ดังนั้นลั่วอู๋จึงไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับมันมากเกินไปกว่านี้ ทว่าพอดู ๆ ไปแล้วเขาก็รู้สึกว่าเล่กุยนั้นมีทักษะที่เหมาะกับต้าหวงอยู่มาก
ดวงตาของลั่วอู๋สว่างขึ้น
……
……
เวลาผ่านไป
เพียงแป๊บเดียวเวลาทั้งวันก็ผ่านไป
หนิงฮัวกังวลมาก “ทำไมยังไม่ออกมา”
“ไม่ต้องกังวลไปน่า การปรับแต่งเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างช้า ๆ หากเขาจะใช้เวลาสามหรือห้าวัน มันก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก” จางฉีฮงกล่าว
หนิงฮัวถอนหายใจและเดินออกไปรอนอกห้อง
ส่วนหนิงหลิงหลิงนั้นแปลกใจมาก
ก่อนหน้านี้ตอนท่านอาจารย์ช่วยปรับแต่งม้าผีให้กับนาง เขาทำมันอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ในตอนที่ปรับแต่งสัตว์วิญญาณให้กับพี่สาวคนอื่น ๆ ในกลุ่มของนางเองก็เช่นกัน เขาไม่ได้ใช้เวลาปรับแต่งมากนัก แต่ทำไมคราวนี้มันถึงช้ากว่าปกติ
เพื่อทำให้มันไม่สะดุดตาเกินไปรึเปล่า?
หนิงหลิงหลิงคิดว่านางเข้าใจเหตุผลแล้ว
ความเร็วในการปรับแต่งของท่านอาจารย์นั้นเร็วเกินไป มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่ใช่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงความสามารถของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดความอิจฉาขึ้น
หากเป็นจุดสนใจมากเกินไปก็อาจจะถูกความริษยาเข้าทำลาย
วันต่อมา ลั่วอู๋ก็เดินออกมาจากห้องลับอย่างเหนื่อยล้า “ข้าเหนื่อยมาก … ”
เวลาสองวันข้างนอก มันเท่ากับว่าเขาอยู่ในมิติไหเป็นเวลาเจ็ดวัน