บทที่ 252 ความผิด
ผู้อาวุโสหลายคนที่คอยตรวจสอบการรับรองมองไปที่ลั่วอู๋ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอผลลัพธ์อยู่
ขณะเดียวกันก็เห็นได้ชัดว่าหนิงฮัวไม่ใช่คนที่มีความอดทน เขารีบพุ่งไปจับมือของลั่วอู๋ แล้วถามอย่างกังวล “เล่กุย ของข้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ต้องห่วงไปน่า” ลั่วอู๋ถามช้า ๆ “ข้าแค่อยากมาถามเจ้าว่า เจ้ายังมีคะแนนเหลืออีกเท่าไหร่?”
หนิงฮัวดูงง ๆ “เจ้าต้องการอะไรนะ?”
“ตอบข้ามาเร็ว”
“เหลืออีกประมาณ 7000 คะแนน ถ้าการปรับแต่งสำเร็จ ข้าจะพยายามหามาจ่ายตามที่เจ้าต้องการสำหรับวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้” หนิงฮัวกล่าว
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ เอา 7000 ที่เหลือมาให้ข้าก็พอแล้วล่ะ”
“เจ้าจะรีบเอามันไปทำไมล่ะ?” หนิงฮัวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็มอบแต้มทั้งหมดให้กับลั่วอู๋ “เล่กุยของข้าอยู่ที่ไหน?”
ลั่วอู๋ตอบอย่างเคร่งขรึม “เจ้าทำข้าเจ็บมือ ข้าจะไปซื้อยา”
“อา?”
ทุกคนต่างงุนงง
ใบหน้าของหนิงฮัวเปลี่ยนเป็นสีแดงและกำลังจะโกรธ แต่ลั่วอู๋ก็ปล่อยเล่กุยออกมาทันที “นี่เล่กุย ของเจ้า”
ร่างกายขนาดใหญ่ของเล่กุยแทบจะยึดพื้นทั้งหมดในห้องไป แต่ยังโชคดีที่ห้องนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่และสามารถรองรับมันได้
ลมปราณของมันดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นมาก ส่วนโค้ง เล็ก ๆ บนร่างกายของมันเด่นชัดมากขึ้น ราวกับว่ามันเพิ่งก้าวออกจากที่วางทุ่นระเบิดมาได้อย่างปลอดภัย
หนิงฮัวเริ่มตรวจสอบสภาพของเล่กุย
แน่นอนว่าผู้อาวุโสที่มีหน้าที่ในการประเมินเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ พวกเขาเริ่มตรวจสอบผลการปรับแต่งเช่นกัน
จางฉีฮงจ้องมองไปที่เล่กุย ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาถอนหายใจและพึมพำในใจ “คนของตระกูลลั่วงั้นเหรอ ช่างเป็นอัจฉริยะระดับปีศาจตัวน้อยจริง ๆ ข้าเกรงว่าระดับการปรับแต่งของเขาจะเข้าสู่ระดับสูงไปไกลแล้ว เขาอายุเท่าไหร่เองล่ะเนี่ย ไม่เกินยี่สิบห้าด้วยซ้ำ?”
เนื่องจากมาตรฐานในการลงทะเบียนเข้าสำนักเฉียนหลงจะต้องมีอายุต่ำกว่า 25 ปี
การแสดงออกบนใบหน้าของหนิงฮัว นั้นมีแต่ความตกตะลึง ทั้งประหลาดใจและหัวเราะคิกคักกับสภาพที่เปลี่ยนไปของเล่กุยประมาณไม่ถึงหนึ่งนาที
โอ้พระเจ้า
นี่คือเล่กุยที่ดีที่สุดเลย มันเป็นของข้างั้นหรือ?
มันเป็นของข้าจริงๆเหรอ?
หนิงฮัวรู้สึกเหมือนตัวเองได้ฝันไป
สายฟ้าผ่าพิภพ (ระดับ SS), สายฟ้าทำลาย (ระดับ S), สะเทือนปฐพี (ระดับ A),อสุนีบาตคำรน (ระดับ A) , ฉีกกระชากสายฟ้า (ระดับ S), ทลายพื้นพิภพ (ระดับ A), เสียงคำรามแห่งความกล้า (ระดับ S)
ไม่เพียงแต่มันจะได้ทักษะสายฟ้าผ่าพิภพ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมันมาด้วยแล้ว แต่มันยังมีได้ทักษะดี ๆ มาอีกมากมาย ทั้งอสุนีบาตคำรนที่สามารถใช้กำจัดสถานะเชิงลบได้ หรือทักษะการโจมตีหมู่บนพื้นอย่างทลายพื้นพิภพ และแม้แต่ทักษะเสียงคำรามแห่งความกล้าที่ไม่มีธาตุชัดเจนทำให้รับมือได้ยาก
เสียงคำรามแห่งความกล้านั้นเป็นทักษะที่มีพลังอันน่าทึ่งในการโจมตีไปที่หัวใจของศัตรูโดยตรง
เรียกได้ว่ามันเป็นการปรับแต่งที่สมบูรณ์แบบ
ผู้อาวุโสหลายคนที่รับผิดชอบการประเมินมองหน้ากันและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ลั่วอู๋นั้นมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมสำนักย่อยการปรับแต่ง
“เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว” ผู้อาวุโสชายชราคนหนึ่งประกาศ
หนิงหลิงหลิงเดินไปหาหนิงฮัวและตบหน้าเขา “อย่ามาหัวเราะคิกคัก เจ้านี่มันโง่จริง ๆ”
หนิงฮัวเหมือนตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะพูดกับนาง “เจ้าไม่เข้าใจ มันไม่ใช่แค่ทักษะสายฟ้าผ่าพิภพ แต่มันยังได้เรียนรู้ทักษะเสียงคำรามแห่งความกล้าอีกด้วย ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมาก”
“เจ้ามีความสุขแล้วสินะ?” หนิงหลิงหลิงกล่าว
หนิงฮัวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้าเจ้ามีความสุขกับมัน เจ้าก็ต้องไปขอบคุณท่านอาจารย์ซะ” หนิงหลิงหลิงจ้องมองไปที่น้องชาย
ใบหน้าของหนิงฮัวแข็งกระด้าง แม้ว่าเขาจะรู้สึกขอบคุณ แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ “ก็ข้าจ่ายคะแนนให้เขาไปแล้วนี่”
ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกไป บรรยากาศโดยรอบก็ตึงขึ้นมาแปลก ๆ
ใบหน้าของจางฉีฮงและเหล่าผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการตรวจสอบเปลี่ยนไปในทันที พวกเขามีใบหน้าที่ค่อนข้างไม่พอใจ
ที่นี่คือสำนักย่อยการปรับแต่ง
ผู้คนทั้งหมดที่นี่เป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณ และผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณนั้นเป็นอาชีพที่ใคร ๆ ต่างก็เคารพนับถือทั่วจักรวรรดิ
หลังจากการปรับแต่งเสร็จสิ้น การขอบคุณถือเป็นความเคารพขั้นต่ำที่พึงจะปฏิบัติ เนื่องจากมีผู้ปรับแต่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะมีความสามารถสูงถึงระดับนี้
บางคนไม่ได้ต้องการแค่เงินเป็นสิ่งตอบแทน พวกเขาต้องการความเคารพและการยอมรับอีกด้วย
หนิงหลิงหลิงเป็นคนเริ่มในการตอกกลับ นางตะโกนออกมาว่า “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรของเจ้าน่ะ?!”
“ไม่เป็นไร ๆ” ลั่วอู๋ส่ายหัวเพราะเขาเห็นว่ามันเป็นไปตามข้อตกลง และเขาก็ต้องการคะแนน
จากนั้นลั่วอู๋ก็หันไปบอกจางฉีฮง “ข้ามีข้อมูลเชิงลึกที่อยากไปค้นคว้าหลังจากการปรับแต่งครั้งนี้ และข้าหวังว่าจะสามารถกลับไปตรวจสอบมันได้โดยเร็ว ข้าพอจะสามารถวานให้ท่านอาจารย์จางจัดการขั้นตอนการติดตามผลสำหรับการปรับแต่งให้กับข้าได้หรือไม่?”
มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ปรับแต่งจะต้องคอยตรวจสอบเกี่ยวกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ได้เจอ ทันทีหลังการปรับแต่ง
จางฉีฮงพยักหน้า “ได้สิ เจ้าไปได้เลย การติดตามผลสำหรับการปรับแต่ง ข้าจะจัดการกับมันให้เอง”
ลั่วอู๋เดินจากไปในทันที
หนิงฮัวรู้สึกโล่งใจ “เจ้าเห็นไหม เขาบอกว่ามันไม่สำคัญ ข้าได้ให้คะแนนกับเขาไปแล้ว และยังให้มากกว่าที่ตกลงกันไว้ตั้ง 7000 คะแนนเสียด้วย”
“หุบปาก” จางฉีฮงหันศีรษะไปทางเขาแล้วมองด้วยแววตาอันเย็นชา
หนิงฮัวได้แต่ยื่นทื่อหนาวไปถึงหัวใจ
จางฉีฮงนั้นเป็นยิ่งกว่าผู้ปรับแต่งระดับอาวุโส เขาเป็นอดีตนักเรียนของสำนักเฉียนหลง ในช่วงปีแรก ๆ เขายังเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองที่ทรงพลังมากอีกด้วย
“อาจารย์จางข้า … ” หนิงฮัวกำลังใจแป้ว
เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป ถึงทำให้อาจารย์จางโกรธมากขนาดนี้
จางฉีฮงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเพียง 57000 คะแนน จะสามารถปรับแต่งเล่กุย ได้ถึงระดับนี้เลยงั้นเหรอ ? เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อตระกูลหนิง ข้าจึงได้คิดเจ้าที่ราคามัดจำ 50000 คะแนนสำหรับการปรับแต่ง หากข้าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้า 100000 คะแนนก็อาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ ทั้งที่เจ้ากำลังใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบอันยิ่งใหญ่นี้ เจ้ากลับไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณเขา ทำไมตระกูลหนิงถึงอบรมให้เจ้าเป็นคนโง่เขลาและที่หยิ่งผยองได้ถึงขนาดนี้กัน? ”
พูดจบจางฉีฮงก็ถ่มน้ำลายแล้วเดินจากไป
ขณะเดียวกันเหล่าผู้อาวุโสก็มองไปที่หนิงฮัวด้วยสายตารังเกียจ พวกเขาเต็มไปด้วยคำพูดในใจ
ด้วยฐานะของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเก็บซ่อนอารมณ์โกรธแต่อย่างใด เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขากลัวได้
เสียงของผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดกับตัวเอง “โอ้ ดูเหมือนว่าผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณอย่างเรา ๆ จะไม่แตกต่างไปจากพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปสินะ มันก็เป็นเพียงแค่ธุรกิจ เพื่อรับเงินเท่านั้น และนักธุรกิจรู้ว่าพวกเขาควรจะรับลูกค้าแบบไหน ลูกค้าที่ไม่ดีย่อมไม่มีเหตุผลสำหรับพวกเราที่จะให้บริการ ในเมื่อพวกเราแทบจะไม่มีมีทักษะพิเศษอะไรเลยไม่ต่างจากพ่อค้า ข้าเองก็มีเงินออมอยู่บ้าง ไม่ทำงานก็คงจะดีกว่า ”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างช้า ๆ
จากนั้นพวกเขาก็เดินจากไป
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักตัวตนของพวกเขา พวกเขาต่างก็เก็บตัวศึกษาอยู่ในสำนักย่อยการปรับแต่งมาหลายสิบปีหรืออาจจะหลายร้อยปี
อย่างไรก็ตามไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเหล่าผู้อาวุโสในสำนักย่อยการปรับแต่ง ถึงติดต่อหาจ้างไม่ได้ง่าย ๆ นั่นก็เพราะพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นผู้มีฝีมือระดับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่น่ากลัวและมีตัวตนสูงส่ง
หนิงฮัวพูดอย่างไม่สบายใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นข้า ทำไม่พวกเขาดูเดือดร้อนกัน ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“ใช่ มันเป็นเพราะเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ยแหละ” หนิงหลิงหลิงกัดฟันแน่น “เจ้าเพียงแต่พูดคำที่เป็นการดูถูกผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณทั้งโลก พวกเขาถึงขุ่นเคืองยังไงล่ะ”
จู่ ๆ พลังวิญญาณก็หลั่งไหลออกมาอย่างรุนแรงผลัก หนิงฮัวและหนิงหลิงหลิงออกจากตัวอาคาร
หนิงหลิงหลิงที่อยู่นอกสำนักย่อยการปรับแต่ง มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที นางรีบเข้าไปที่สำนักย่อยการปรับแต่งอีกครั้ง แต่ก็พบว่านางถูกกีดกันด้วยพลังวิญญาณและไม่สามารถเข้าไปได้อีก
“นี่มัน … ” หนิงหลิงหลิงเงยหน้าขึ้นไปมองที่ด้านบนของสำนักย่อยการปรับแต่ง
มีลูกบอลหินสีขาวเหมือนประภาคารปล่อยแสงไฟออกมาปกคลุมอาคารแบ่งแยกสรรพสิ่งทั้งหมด
ในเวลาเดียวกันเสียงของผู้อาวุโส ที่ดูมั่นคงมากก็ดังขึ้นไปทั่วสำนักเฉียนหลง
“ตระกูลหนิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสำนักย่อยการปรับแต่งอีกเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี”
ทันใดนั้นใบหน้าของหนิงฮัวก็ซีดลง
เขารู้แล้วว่าตอนนี้เขากำลังตกที่นั่งลำบากจริง ๆ