บทที่ 284 อู่หลัน
บทที่ 284 อู่หลัน
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินทางอย่างระมัดระวัง
เพราะเขากำลังอยู่ในบริเวณการทดสอบการต่อสู้จริง
แม้ว่าการพ่ายแพ้ต่อหนึ่งครั้งจะเสียคะแนนเพียงแค่ 100 คะแนน แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องต่อสู้กับผู้คนในภูเขาแห้งแล้งนี้มากกว่าหนึ่งครั้งในหนึ่งวัน
ดังนั้นการรักษาอัตราการชนะให้สูงเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสทำกำไรได้
นับเป็นความโชคดีของเขา ชายหนุ่มคิ้วหนาคนนี้คิดในใจอย่างมีความสุข เขาได้พบแต่พวกนักเรียนมือใหม่จากสำนักเฉียนหลงมาโดยตลอด วันนี้เขาจึงได้รับคะแนนมามากถึง 400 คะแนน
หลังจากสิ้นสุดการทดสอบนี้ อันดับในรายชื่อเฉียนหลงของเขาน่าจะสูงขึ้นมาบ้าง
“เจี๊ยบ!”
นกหลายชนิดกำลังกู่ร้องจากด้านบนท้องฟ้า
ชายหนุ่มคิ้วหนาเงยหน้าขึ้นและเห็นนกหลากหลายสีบินไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่
มันเป็นเรื่องแปลกที่วันนี้มีนกอยู่มากมาย
“ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตามการเก็บเกี่ยวของวันนี้ก็ดีแล้วถึงเวลาที่ต้องประเมินให้เสร็จ” ด้วยคะแนนที่ได้รับมานี้ชายหนุ่มคิ้วหนาก็พร้อมแล้วที่จะเดินทางออกจากภูเขาแห้งแล้ง
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามอง
หัวใจของชายหนุ่มคิ้วหนาบีบแน่น เขารีบเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เขาระวังตัวมากขึ้นและมองไปรอบ ๆ แต่เขาก็เห็นเพียงแค่นกตัวหนึ่ง
นกสีขาวที่ดูหล่อเหลากำลังมองมาที่เขา ขนแผงคอที่มีสีสันขนเก้าสีที่ลอยไปกับสายลมดูมีเกียรติและลึกลับ
เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นนกหายากที่มีค่ามาก ชายหนุ่มคิ้วหนาจึงยิ่งมีความสุขในใจ
ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ.
สัตว์วิญญาณหายากตัวนี้มาจากสำนักเฉียนหลงอย่างนั้นเหรอ?
ทันทีที่ชายหนุ่มคิ้วหนาพร้อมที่จะเขาจับเจ้านกตัวใหญ่ เขาก็ได้ยินเสียงที่ดูสบาย ๆ เหมือนกำลังเยาะเย้ยดังมาจากข้างหลังเขา
“ใช่เลย มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากเจ้านกโง่ ข้าขอยกความดีความชอบให้กับเจ้าเลย”
นกโง่กลอกตาอย่างเป็นมนุษย์
ชายหนุ่มคิ้วหนาหันหน้ามาอย่างรีบร้อน แต่หลังจากได้เห็นลั่วอู๋ ความระมัดระวังบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
“เป็นเจ้าเองหรอกเหรอเนี่ย?” ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ
ลั่วอู๋ไม่ใส่ใจกับการยั่วยุของเขา แต่พูดอย่างไม่รีบร้อน
“อู่หลันมาจากเผ่าอีแร้งอยู่ในอันดับ 79 ของรายชื่อเฉียนหลง เจ้าเป็นนักเรียนที่มีอันดับต่ำที่สุดในสำนักหม่าเฉินใช่ไหมล่ะ เอาล่ะข้าจะลองวิชากับเจ้าก่อนก็แล้วกัน”
หลังจากฟังคำพูดของลั่วอู๋ ชายหนุ่มก็ขมวดด้วยความโกรธ“ เจ้าหมายความว่ายังไง ? เจ้าคิดว่าข้าอ่อนแอที่สุดงั้น เหรอ ? อันดับรายชื่อเฉียนหลงไม่ได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งจริง ๆ หรอกนะ เจ้ารู้ใช่ไหม?”
ถ้าลั่วอู๋คิดว่าเขาอ่อนแอที่สุด เขาคงจะรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
“แน่นอนว่าอันดับไม่ใช่ข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่ง แต่คนที่มีอันดับต่ำก็หมายความว่าเขายังแข็งแกร่งไม่พอด้วยเช่นกันใช่ไหมล่ะ ?” ลั่วอู๋ปล่อยลมปราณออกมา
จากนั้นร่างเงาสามร่างก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขาอย่างช้า ๆ
สุนัข ผีเสื้อ และภูต
การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ
อู่หลันคำราม “แม้ว่าเรื่องความแข็งแกร่งข้าจะอยู่ในระดับล่างสุดของพวกเขา แต่ข้าก็เป็นหนึ่งในหัวกะทิที่มีความสามารถมากที่สุดของสำนักหม่าเฉิน เจ้าคิดผิดแล้วที่กล้าดูถูกข้า!”
นักเรียนทั้ง 30 คนที่สำนักหม่าเฉินส่งมา ล้วนเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นของพวกเขาและไม่มีใครที่นับว่าอ่อนแอสักคน
ในอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง อู่หลันมีชื่อเสียงดังว่อนในหลายชนเผ่า
“ไม่ต้องห่วง เจ้าแค่ได้เป็นคนแรกและเจ้าจะไม่ใช่คนสุดท้ายอย่างแน่นอน” ลั่วอู๋กระซิบกับตัวเองแล้วเข้าจู่โจม
ดาบระบำแห่งความตายถือในมือของเขาเปล่งพลังวิญญาณอันดุร้ายและกระหายเลือดออกมา
เปิดใช้ทักษะระดับ S ดาบแห่งการทำลายล้าง
พลังวิญญาณแห่งการต่อสู้อันทรงพลังเขาปกคลุม ดาบระบำแห่งความตายทำให้มันทรงพลังขึ้นอย่างมาก เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งการพิพากษา เปลวไฟนกอมตะ ไฟแห่งความว่างเปล่า และไฟทมิฬลุกโชนอยู่ข้างหลังลั่วอู๋
“ข้าจะฆ่าเจ้า” ดวงตาของอู่หลันกลายเป็นสีแดง
ในการทดสอบการต่อสู้จริงจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการฆ่าผู้อื่น ๆ อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะห้ามการฆ่าไม่ให้เกิดขึ้น ตราบใดที่ฆ่าอีกฝ่ายลงได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมรับความพ่ายแพ้ ก็ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ว่าผู้กระทำมีเจตนาฆ่า
ลมปราณของอู่หลันระเบิดออกมา
ระดับทอง มิติ 2
ร่างเงาเสมือนสามเงาปรากฏขึ้นด้านหลังเขา
พวกมันเป็น นกแร้ง ลิงยักษ์ และมังกร
ลั่วอู๋แปลกใจเล็กน้อย นี่คือคนที่อ่อนแอที่สุดของอีกฝ่ายจริง ๆ เหรอ? มังกรระดับทองนั้นมีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจจะประมาทได้
“ทลายภูผา!” อู่หลันคำราม
มือของเขาลดลงเหมือนกับค้อนจากนั้นหมัดของเขาก็เข้าปะทะกับดาบระบำแห่งความตาย
“ตูมมมม”
พื้นดินระเบิดออก เศษหินกระเด็นว่อนไปทั่ว
ลั่วอู๋ก้าวถอยหลัง เขาไม่มีการลังเลใด ๆ เขาใช้ทักษะระดับ A [พิธีศพกางเขนคลั่ง] เพื่อโจมตีอีกครั้งจากนั้นกลุ่มเปลวไฟทั้งสี่ที่อยู่ข้างหลังเขาก็พุ่งเข้าใส่อู่หลัน
อู่หลันรู้สึกเจ็บปวดที่หมัดของเขา เขามองลงไปและเห็นว่ามีรอยแผลและคราบเลือดอยู่บนหมัดของเขา
“นั่นมันดาบอะไรกัน ถึงสามารถทำลายการป้องกันของลิงยักษ์และมังกรของข้าได้!”
อู่หลันค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่ทว่าตอนนี้เขากำลังเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้
อย่างไรก็ตามเขามีประสบการณ์มากมายในการต่อสู้และจะไม่ยอมเสียเวลากับมัน ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง เขาหันหมัดของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บและโจมตีเข้าใส่ลั่วอู๋ อย่างรุนแรง
ทักษะระดับ S [กรงเล็บมังกร]
พลังวิญญาณของมังกรหลั่งไหลออกมาทั่วทุกหนทุกแห่ง
เงาเสมือนจริงจากทักษะพิธีศพกางเขนคลั่งทั้งสิบหายไป แต่จู่ ๆ ร่างของลั่วอู๋ก็หายไปด้วยเช่นกัน วินาทีต่อมาเขาปรากฏตัวข้างหลังของอู่หลัน และเปิดใช้ทักษะระดับ S [พิชิตโค่นล้ม]
“ออกไปซะ” เสียงของอู่หลันดังขึ้นดั่งฟ้าร้อง ทำให้ลั่วอู๋ต้องถอยหลังอย่างกะทันหัน และนำไปสู่ความล้มเหลวในการใช้ทักษะ พิชิตโค่นล้ม
ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ
ผู้คนเหล่านี้จากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งล้วนเป็นนักรบโดยธรรมชาติ
สัญชาตญาณการต่อสู้และทักษะการต่อสู้ของพวกเขาแกร่งมาก
“ดีล่ะ” ลั่วอู๋กลับเข้าไปโจมตีพร้อมกับดาบของเขา
ทั้งสองคนต่อสู้กันอีกครั้ง
ลั่วอู๋อาศัยทักษะที่หลากหลายเพื่อทดแทนช่องว่างในประสบการณ์การต่อสู้ของพวกเขา แต่เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อดำเนินต่อไป ลั่วอู๋ก็ค่อย ๆ พัฒนา
ทั้งในเรื่องของการตัดสินใจในการต่อสู้ และการจัดลำดับในการใช้ทักษะต่าง ๆ ลั่วอู๋ เริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกันอู่หลันนั้นรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างการต่อสู้ ทักษะของอีกฝ่ายนั้นแพรวพราวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาเริ่มจับทางของอู่หลันได้ และที่แย่ที่สุดก็คือเขาเริ่มรับมือการโจมตีของอู่หลันได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
“ต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่” อู่หลันผลักลั่วอู๋ออกไปด้วยหมัดของเขา จากนั้นก็หายไปจากตรงนั้น
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะลั่วอู๋ได้ เขาจึงเลือกที่จะวิ่งหนี
ในการทดสอบการต่อสู้จริง เมื่อสู้ไม่ได้ก็ควรจะหนีโดยต้องห่วงเรื่องเสียหน้า
“คิดว่าจะหนีพ้นงั้นเหรอ ?”
ลั่วอู๋ไม่ได้กังวลเลยสักนิด เมื่อเขาหันมือออกก็มีแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาขึ้นมาอยู่ที่ฝ่ามือของเขา
แมลงกินวิญญาณระดับนางพญาส่งเสียงความถี่ต่ำที่คนปกติไม่มีทางได้ยินออกมา
อู่หลันที่เพิ่งวิ่งออกจากระยะ ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในเส้นวงจรพลังวิญญาณ เขารู้สึกว่าพลังวิญญาณในร่างหลั่งไหลไปกลับอย่างลึกลับ จนเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลย
เขาตกลงมาจากกลางอากาศ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังดิ้นรนที่จะกลิ้งหนี
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น! เจ้าวางยาพิษข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?” ใบหน้าของอู่หลันแสดงให้เห็นถึงอาการตื่นตระหนก
เขาไม่ได้บอกว่าลั่วอู๋ใช้วิธีการสกปรก
ในการต่อสู้ที่มีชีวิตและความตายเป็นเดิมพัน การวางยาพิษเองก็เป็นวิธีการหนึ่งในการเอาชนะ
เขาแค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายวางยาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ลองเดาดูสิ” ลั่วอู๋เงื้อดาบระบำแห่งความตาย
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางบอกอีกฝ่ายว่ามันไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นแค่แมลงกินวิญญาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในไพ่ตายที่สำคัญมากของเขา
ดวงตาของอู่หลันปิดลง เขารีบตะโกนออกมา “ข้ายอมแพ้แล้ว เจ้าพอได้แล้ว”
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ข้าอยากจะขอยืมเลือดเจ้าสักนิด” ลั่วอู๋แทงไปที่ต้นขาของอู่หลันด้วยปลายดาบระบำแห่งความตาย
อู่หลันนั้นไม่ได้ร้องไห้ ความเจ็บปวดแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขาได้ไปรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่งที่บาดแผล แต่มันกลับไม่ไหลออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
ใบดาบของดาบระบำแห่งความตายเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย
จังหวะนั้นเอง จู่ ๆ อาจารย์พิเศษวัยหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามลงมือฆ่านะ”
“ข้าไม่ได้คิดจะฆ่าเขา”
ลั่วอู๋เก็บดาบระบำแห่งความตายกลับมาแล้วพูดอย่างไร้เดียงสา
อาจารย์พิเศษมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยคิ้วที่ขมวดอย่างหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาก็ใช้แผ่นหินสีเขียวของลั่วอู๋ เพื่อดึงคะแนน 100 คะแนนของอู่หลันออกมาให้กับเขา จากนั้นก็หายไปพร้อมกับอู่หลัน
ลั่วอู๋มองไปแผ่นหินสีเขียว คะแนนของเขาได้เพิ่มขึ้นมาแล้ว 100 คะแนน
แม้ว่ามันจะไม่มาก แต่เขาก็สามารถชิงมันจากคนอื่น ๆ มาได้อย่างไม่สิ้นสุด
นั่นหมายความว่าตราบใดที่เขามีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งเพียงพอ คะแนนการประเมินก็จะสูงขึ้นมากตามไปด้วย