ไหปีศาจ – ตอนที่ 300 ข่าวลือ

บทที่ 300 ข่าวลือ
บทที่ 300 ข่าวลือ

ไม่มีใครคิดว่าเอ๋าเฉียนจุนจะลงมือทำถึงขนาดนี้เลย จริง ๆ

อาการบาดเจ็บของถู่เล่ยนั้นสาหัสร้ายแรงมาก คนที่มารักษาเขาต้องพยายามอย่างหนักในการปะติดปะต่อเส้นวงจรพลังวิญญาณที่กระจายแหลกเละของเขา ถึงจะสามารถดึง ถู่เล่ยกลับมาจากขอบเหวแห่งความตายได้

“เกิดอะไรขึ้น?” ฝูงชนเข้ามาถาม

ถู่เล่ยพูดอย่างอ่อนแรง “ข้ายังไม่ทันได้เห็นเขาเลยด้วยซ้ำ ข้ายืนอยู่ข้างนอกแล้วส่งเสียงเรียกเขาไปสองครั้ง จากนั้นก็ถูกแสงไฟบางอย่างผลักตกลงมา”

อะไรกัน!

นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ทุกคนต่างโกรธเกรี้ยว

อย่างน้อยเขาก็เป็นสมาชิกในสำนักเดียวกัน แล้วทำไมถึงต้องโจมตีกันหนักมากขนาดนี้ด้วย

เอ๋าหยู่ยืนอยู่ด้านหนึ่งอย่างสงบเห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเอ๋าเฉียนจุนนั้นเป็นดั่งสัตว์ประหลาดที่รักสันโดษ

ในสายตาของเขาไม่มีอะไรอื่น นอกจากความต้องการแสวงหาความแข็งแกร่ง

“เจ้าตะโกนอะไรใส่เขาไปน่ะ ? เจ้าไม่ได้ตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีหรอกใช่ไหม?” ใครบางคนถามขึ้นมา

ถู่เล่ยรีบตอบ“ แน่นอน ข้าไม่ทำแบบนั้นหรอก ข้าแค่ขอร้องให้เขาออกมาจากที่พัก เพื่อไปหารับการทดสอบของทางสำนักเฉียนหลงด้วยกันเท่านั้นเอง”

ทุกคนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

บางคนถึงกับตะโกนด่าเอ๋าเฉียนจุน

นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ถ้าเขาไม่อยากออกมา ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องลงมือกันขนาดนี้เลยก็ได้

“เขาเป็นบ้าอะไรของเขา ? ข้าอยากคุยกับเอ๋าเฉียนจุนสักหน่อยแล้ว ใครจะไปกับข้าไหม?” ใครบางคนพูดด้วยใบหน้าอันโกรธเกรี้ยว

นี่เป็นยุคแห่งความกล้าหาญและความเที่ยงธรรม ใครจะมามัวกลัวกัน

ทันใดนั้นมีคนตอบรับพร้อมไปด้วยกันมากกว่าสิบคน

ผู้คนมากกว่าหนึ่งโหลบุกขึ้นไปบนจุดสูงสุดของภูเขาวิญญาณ ไม่นานนักหลังจากนั้นคลื่นพลังวิญญาณอันน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นและคนมากกว่าสิบคนก็ถูกโยนลงมาพร้อม ๆ กัน

“ปัง”

คนมากกว่าหนึ่งโหลที่ขึ้นไปถูกโยนลงมากองกับพื้นเลือดอาบไม่ได้สติ จากนั้นคนอื่น ๆ ก็รีบไปเรียกอาจารย์พิเศษมาแล้วนำพวกเขาส่งโรงพยาบาลของสำนัก

ทุกคนได้แต่ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของเอ๋าเฉียนจุน

แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้มีพรสวรรค์ถึงขั้นระดับแนวหน้า แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ค่อนข้างสูง ถึงแม้จะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ควรจะพ่ายแพ้ในเวลาอันสั้นถึงขนาดนี้

“อาจารย์ เอ๋าเฉียนจุนมันได้ใจมากเกินไปแล้ว” มีการสอบถามอย่างโกรธแค้น

อาจารย์พิเศษไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบไปตามจริงว่า “ตามกฎของสำนัก การที่พวกเจ้าไปเรียกเขาหน้าประตูและตะโกนต่างถือเป็นการยั่วยุ เอ๋าเฉียนจุนจึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะขับไล่เจ้าออกไป”

ผู้คนต่างทำอะไรไม่ถูก

“เห็นแก่ตัวชะมัด!”

“ช่างเขาเถอะ ยังไงเขาก็มีอิสระในการเข้าร่วมการต่อสู้ชิงอันดับรายชื่อ”

“แต่นี่มันก็มากเกินไปแล้วไหม แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเข้าร่วมการต่อสู้ชิงอันดับรายชื่อ แต่เขาก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องโหดร้ายกับคนร่วมสำนักถึงขั้นนี้เลยนี่นา”

ในที่สุดฝูงชนก็แยกย้ายกันออกไป แต่แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วยังไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาโกรธมากกับพฤติกรรมของเอ๋าเฉียนจุน

ใบหน้าของลั่วอู๋หนักอึ้งเล็กน้อย

เพียงแค่ชั่วอึดใจเขาก็สามารถเอาชนะนักเรียนของสำนักเฉียนหลงมากกว่าสิบคนได้สบาย ๆ เกรงว่าความแข็งแกร่งของเอ๋าเฉียนจุนนั้นไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการหลักการทั่ว ๆ ไป

หลังจากสองเดือนของการฝึกอบรม ลั่วอู๋ก็ประสบความสำเร็จในการไปถึงระดับทอง มิติ 2 แต่เอ๋าเฉียนจุนนั้นหากเป็นตามข่าวลือแล้วล่ะก็เขาอยูในระดับทอง มิติ 5

นอกจากนี้บางทีเขาเกรงว่าช่องว่างระหว่างมิติวิญญาณเล็ก ๆ ทั้งสามนั้นอาจจะเพิ่มมากขึ้นเกินขอบเขตก่อนหน้านี้ไปแล้วก็ได้

“ไม่แปลกเลย ที่เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลลั่วหวังเพียงว่าข้าจะเอาชนะเอ๋าเฉียนจุนได้ในการชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลง การต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้ากับเขาดูจะเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ” ลั่วอู๋คิดอย่างเงียบ ๆ

ใช้เวลาในการฝึกฝนไปเรื่อย ๆ ก็พอ

ลั่วอู๋รู้สึกว่าตัวเขายังมีช่องว่างให้พัฒนาอยู่อีกมาก และบางทีเขาอาจจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายในการแข่งขันชิงรายชื่ออันดับเฉียนหลงได้

อีกหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างเงียบ ๆ

ว่ากันว่าคนบนเขาไม่มีทางได้รู้ถึงเรื่องภายนอก ซึ่งที่สำนักเฉียนหลงเองก็เช่นกัน เพราะที่นี่ไม่มีวิธีการติดต่อกับโลกภายนอกเลย ลั่วอู๋นั้นไม่ได้ติดต่อกับคนอื่น ๆ ในสำนักโล่พิทักษ์มานานแล้ว

ในเดือนนี้อันดับของลั่วอู๋ ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับเจ็ด

ส่วนเฉียนเหอซึ่งเดิมทีอยู่ในอันดับหกถูกผลักลงมาเป็นอันดับสิบ

น่าเสียดายที่ห้าอันดับแรกยังคงเป็นผู้คนจากสำนักหม่าเฉิน

แม้ว่าลั่วอู๋คิดที่จะไปชิงคะแนนของพวกเขามาจากการทดสอบการต่อสู้จริง แต่คนจากสำนักหม่าเฉินกลับพากันวิ่งหนีลั่วอู๋ ในทันทีที่พวกเขาเห็นลั่วอู๋เดินเข้ามา พวกเขาพยายามร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้อันดับสูง ๆ ของสำนักเฉียนหลงได้คะแนนจากพวกเขาไป

วิธีนี้ค่อนข้างได้ผล

นอกจากนี้หยู่เฮามักจะมาติดต่อกับ ลั่วอู๋และฉูจงฉวน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

เนื่องจากฉูจงฉวนขาดสัตว์วิญญาณคู่พันธะตัวที่สาม เขาจึงแทบไม่ได้รับชัยชนะในการทดสอบเลย และมักจะถูกหยู่เฮาเยาะเย้ยเสมอ

ส่วนการดวลระหว่างลั่วอู๋กับหยู่เฮานั้นตัดสินรู้ผลแพ้ชนะได้ยากมาก เพราะทั้งคู่นั้นไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มจึงไม่ได้รู้ผลแพ้ชนะกันจริง ๆ เลยสักครั้ง

ช่วงนี้ความขัดแย้งระหว่างสำนักเฉียนหลงและสำนักหม่าเฉิน เองก็ผ่อนคลายลงมามากเช่นกัน

เนื่องจากภายใต้ข้อจำกัดที่หยู่เฮาตั้งขึ้น คนจากสำนักหม่าเฉินจึงไปไม่เที่ยวท้าทายคนอื่นอีกต่อไป พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความยับยั้งชั่งใจที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

เพราะถึงยังไงมันก็เป็นเพียงความขัดแย้งทางการแข่งขัน ไม่จำเป็นจะต้องมองอีกฝ่ายเป็นศัตรูตัวฉกาจ

ทางสำนักหม่าเฉินยังคงรักษาข้อได้เปรียบของตัวเองเอาไว้ได้ เพราะมันเป็นอะไรที่ลอกเลียนกันไม่ได้

แม้ทางสำนักเฉียนหลงจะมีการแบ่งปันข้อมูลกัน แต่ก็ไม่ใช่ในระดับเดียวกัน

อีกฝ่ายนั้นมีข้อมูลประสบการณ์การฝึกฝนของท่านหม่าเฉิน มันจึงเป็นอะไรที่พวกเขาไม่สามารถหาสิ่งเทียบเคียงได้ เว้นแต่ว่าทางสำนักเฉียนหลงส่งข้อมูลประสบการณ์ฝึกฝนของเจ้าสำนักมาให้

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้

แม้ว่าทางสำนักเฉียนหลงจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี เพราะท่านเจ้าสำนักหายไปที่ไหนก็ไม่รู้

แม้ว่าสำนักหม่าเฉินจะไม่สามารถครอบครองรายชื่อสิบอันดับแรกทั้งหมด แต่พวกเขาก็สามารถทำให้สำนักเฉียนหลงเสียหน้าได้สำเร็จแล้ว

ชายลึกลับปรากฏตัวขึ้นมาอีกสองครั้ง

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการฆ่าหยู่เฮา แต่น่าเสียดายที่เขาทำไม่สำเร็จ และหลังจากประสบความล้มเหลวต่อกันถึงสองครั้ง ชายลึกลับก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย

ขณะเดียวกันเร็ว ๆ นี้มีข่าวลือแพร่กระจายออกไปในสำนักเฉียนหลง

ความหมายโดยทั่วไปของข่าวลือก็คือ เทพพิทักษ์ของภูเขาแห้งแล้งกำลังจะตาย ดังนั้นคนจากสำนักหม่าเฉินจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ครอบครองอันดับสูง ๆ ในรายชื่อเฉียนหลง เพื่อที่ท่านหม่าเฉินจะได้ตายอย่างหมดห่วงสบายใจ

ข่าวลือแพร่กระจายไปเร็วพอ ๆ กับโรคระบาด ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวันคนทั้งสำนักเฉียนหลงก็รู้กันถ้วนหน้า

ณ บ้านพักของลั่วอู๋

หยู่เฮาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พวกเจ้าไม่ได้พูดออกไปใช่ไหม?”

ลั่วอู๋และฉูจงฉวนส่ายหัว

เรื่องแบบนี้ไม่ใช่อะไรที่ควรพูดออกไปให้คนอื่น ๆ ได้รู้อย่างแน่นอน มันเป็นความลับ

“แปลกมาก ข่าวลือแพร่กระจายออกไปโดยใครกัน คนของสำนักหม่าเฉินไม่น่าจะแพร่งพรายเรื่องนี้กันอยู่แล้วนี่นา” หยู่เฮาสับสน

ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มันไม่ใช่ เรื่องที่เจ้าจะสามารถปิดบังไปได้ตลอดอยู่แล้วนี่ บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็ได้”

“เจ้าหมายความว่าไง” หยู่เฮากำลังงง

“แม้ว่าท่านหม่าเฉินจะไม่ได้เป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์มังกรเร้นกาย แต่พวกเราก็ยังคงเคารพเขาคนนั้นในฐานะ ชายที่แข็งแกร่ง บางทีพวกเจ้าอาจจะได้ผ่อนคลายกันมากขึ้นในอนาคตก็ได้”

หยู่เฮาไม่เข้าใจที่ ลั่วอู๋กำลังจะสื่อ

แต่ไม่นานหลังจากนั้น หยู่เฮาก็เข้าใจ เพราะไม่กี่วันหลังจากข่าวแพร่ออกไป นักเรียนของสำนักหม่าเฉินและสำนักเฉียนหลง ก็เริ่มเข้ากันได้ง่ายมากขึ้น พวกเขาแสดงความอดทนอดกลั้นอย่างมากเมื่อต้องเผชิญกับความหยิ่งยโสของนักเรียนจากสำนักหม่าเฉิน

นี่ทำให้หลายคนที่ชอบการต่อสู้รู้สึกหมดหนทางและหดหู่

“เจ้าพวกนี้มาทำอะไรที่สำนักเฉียนหลงกันแน่เนี่ย! อย่ามาทำตัวเป็นมิตรกันสิ ข้าอยากจะวิวาทแล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงมีท่าทีเป็นมิตรกับผู้คนจากสำนักหม่าเฉินกัน”บางคนเริ่มบ่น

เมื่อถึงช่วงนี้เหล่าคนที่รู้ว่าตัวเองไม่สามารถขึ้นสู่สิบอันดับแรกได้ ก็ทิ้งความต้องการที่จะก้าวสู่สิบอันดับแรกไป พวกเขาจงใจแพ้ และยอมจำนนให้คนที่มีอันดับสูงกว่าได้ไปต่อแทน

ตอนนี้ในรายชื่ออันดับเฉียนหลงมีราว ๆ 30 คนจากสำนักหม่าเฉิน โดยทุกคนนั้นอยู่ใน 50 อันดับแรกทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก

ขณะเดียวกันเหวินเสี่ยวกำลังนั่งอยู่ในคฤหาสน์ของเขา มองไปที่กระดาษในมืออย่างเงียบ ๆ

บนกระดาษนั้นเป็นประสบการณ์ของนักเรียนคนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมในการทดสอบ การรับรู้

“ระดับเจ็ดเป็นเช่นนี้เองสินะ” เหวินเสี่ยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นข้าก็น่าจะมีโอกาสผ่านมันไปได้ สองระดับ พร้อม ๆ กัน”

สิ่งที่เขาทำได้ดีคือการทดสอบการรับรู้

มันเป็นเรื่องแปลกที่ทุก ๆ คนเกือบจะผ่านระดับหกกันไปแล้ว แต่เหวินเสี่ยวยังคงติดอยู่ในระดับห้าไม่ขยับไปไหน คะแนนการทดสอบในด้านนี้ของเขาถูกทิ้งห่างไปไกลมาก

อย่างไรก็ตามอันดับของเหวินเสี่ยวนั้นยังคงอยู่ในอันดับที่แปดของรายชื่อเฉียนหลง เห็นได้ชัดว่าในด้านอื่น ๆ เขาก้าวหน้าขึ้นมาก

“ถ้าข้าผ่านสองระดับนี้ บวกกับคะแนนอันดับ ข้าก็จะได้รับเพิ่มอีก 12000 คะแนน ซึ่งสามารถแซงอันดับของหยู่เฮาได้” เหวินเสี่ยวยกปากขึ้นเล็กน้อย

นี่มันดีมาก

ได้เวลาที่เขาจะพลิกกระดานในช่วงสุดท้ายก่อนจบการแข่งขันแล้ว

ไหปีศาจ

ไหปีศาจ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ไหปีศาจลั่วอู๋ โดนไหหล่นใส่หัวจนข้ามมิติไปอยู่ในร่างของ นายน้อยลั่ว ผู้ถูกเนรเทศ เพราะไม่สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรได้ แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าไหที่เป็นปัญหาได้เชื่อมต่อกับเขา ความสามารถของเจ้าไหปีศาจนี้ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก เพียงแค่ ลั่วอู๋ใส่ ดอกหญ้าลงไปมั่วๆ มันสังเคราะห์สัตว์วิญญาณระดับเงินให้กับเขา ยิ่งเขาลองใส่ของลงไปมั่วซั่วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสังเคราะห์ สิ่งต่างๆออกมา ทั้ง ยาวิญญาณ อาวุธวิญญาณ สัตว์อสูร ภูต

Comment

Options

not work with dark mode
Reset