บทที่ 220 สงสัย
เฉินเฉียงรู้สึกได้ว่าผู้อาวุโสระดับราชาที่ชื่อฮั่นจุยนั่นแค้นฝังลึกต่อตัวเขา
เขายังรู้สึกอีกว่าฮั่นจุยนั้นต้องทำให้เขาตกตายให้ได้หากมีโอกาส
หากว่าเขา ฉิงเชิน และคนอื่นๆที่เขารู้จักได้รู้ว่าเขานั้นเข้ามาที่เขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้ ตราบใดที่เฉียวกังยืนยันว่าเขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ฮั่นจุยต้องใช้เป็นโอกาสในการฆ่าเขาอย่างแน่นอน
เพราะทุกคนต่างก็รับรู้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์นั้นอันตรายขนาดไหน
หลายครั้งหลายหนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ใช้ข้ออ้างเกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์นี้ในการหักหาญชีวิตผู้คน
และเมื่อสถานการณ์ไปถึงจุดนั้น ไม่เพียงเขาจะเสียชีวิต แม้แต่กองกำลังเทียนเว่ยเองก็ต้องอยู่อย่างลำบาก
อย่างน้อยๆเจิ้งยี่ก็คงจะไม่รอดเป็นแน่แท้
เมื่อคิดถึงภาพรวมแล้ว เฉินเฉียงจึงทำได้เพียงอดทนไว้เท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็ทำเป็นจับธนูในมือยกขึ้นลงราวกับชั่งน้ำหนักแล้วพูดออกมา “โฮ่ สาวน้อย เจ้ารู้จักธนูนี่ด้วยรึ”
“มันก็แค่ของใกล้มือสำหรับข้าเพียงเท่านั้น”
“เจ้าคิดว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเฉินเฉียงอะไรนั่นมีมันคนเดียวได้รึไง”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้โยนธนูดำทิ้งไปอย่างปวดใจ ก่อนที่จะนำกระบี่ที่แหลมคมออกจากแหวนมิติ “ฮี่ฮี่ฮี่ สาวน้อย งั้นหมอนั่นก็คงมีดาบนี่ด้วยสินะ”
เมื่อพูดออกมา เฉินเฉียงก็สยายปีกและพุ่งตรงไปยังเว่ยฉิงเชิน
เฉินเฉียงพูดออกมาอย่างดังนี้ทำให้หลู่ฟางและพวกที่ป้องกันฉิงเชินทันทีที่ได้ยิน
แม้เฉินเฉียงจะมาถึงแล้วเอาดาบมาจ่อฉิงเชินเอาไว้แล้ว ฉิงเชินที่ถูกอาวุธจ่อก็ไม่มีแม้แต่เจตนาที่ต้องการจะป้องกัน เธอมองไปที่เฉินเฉียงด้วยท่าทีสงบนิ่ง
เฉินเฉียงในตอนนี้เองไม่กล้าที่จะสบตาฉิงเชินแม้แต่น้อย หัวใจของเขาในตอนนี้รู้สึกหนักอึ้ง เขากัดฟันแน่น ก่อนที่จะยกดาบขึ้นด้วยท่าวงกว้างและฟาดเข้าใส่ฉิงเชิน
แต่ก็นะ คำพูดของเฉินเฉียงได้ทำให้หลู่ฟางและพวกนั้นรู้ตัวมาแล้วก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นว่าฉิงเชินตกอยู่ในอันตราย หลู่ฟางก็รีบวิ่งเข้ามาขวางไว้ เขาโยกลำตัวครึ่งบนไปด้านหลัง แล้วทำการเกร็งพลังที่ท้องและคำรามลั่นในทันที “ฮู่มมมมมมมม”
ราชสีห์คำราม
ด้วยทักษะที่ไม่เหมือนใครของหลู่ฟางนี้ เมื่อเฉินเฉียงนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาประลองกับหลู่ฟางและจดจำมันได้ฝังใจ แน่นอนว่าเขารู้ว่าทักษะนี้ของพี่ใหญ่เขานั้นทรงพลังขนาดไหน
เขาคำนวณแล้วว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเขานั้นตั้งพุ่งตรงมาช่วยฉิงเชินเอาไว้ หลังจากที่เขาพูดออกมาซะดังลั่นขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่คิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของตนเมื่อมาถึงก็จัดหนักให้เขาซะขนาดนี้เหมือนกัน
เฉินเฉียงในตอนนี้ที่ผละขึ้นไปอยู่บนอากาศแล้วด้วยกำลังที่เหลืออยู่ ก่อนที่จะมีคนมาเพิ่มแล้วทำให้เขานั้นหนีไปไม่ได้
ในตอนนี้เฉินเฉียงนั้นราวกับเรือน้อยที่กำลังลั่นฝ่าท้องทะเลที่บ้าคลั่งเผชิญโลกหล้าตามลำพัง
นั่นก็เพราะ ท่าราชสีห์คำรามนี้ไม่ใช้การโจมตีคลื่นเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่มันยังส่งผลกระทบต่อการเต้นของหัวใจอย่างแรงกล้า
และด้วยแรงกระแทกนี้ส่งผลให้เขากระเด็นขึ้นฟ้าไป
เฉินเฉียงที่ในตอนนี้กำลังอยู่บนอากาศ ได้โยนดาบในมือทิ้งไปและบินออกไปนับร้อยเมตรในขณะที่กอดหัวตัวเองแน่น เลือดได้ไหลรินออกมาจนลดลาดเข้ากับร่างของนายพลทักษะพิเศษหลายตนเลยทีเดียว
“ศิษย์พี่ใหญ่เฉินเฉียง”
ฉิงเชินที่เหตุการณ์ทั้งหมดได้กรีดร้องออกมา เธอต้องการพุ่งตามไปแต่ก็ถูกหยุดไว้ด้วยหลู่ฟาง
“คุณหนูเว่ย นี่ท่านพูดอะไรออกมา มนุษย์กลายพันธุ์ตนนั้นจะเป็นศิษย์น้องของข้าได้เช่นไร”
หลู่ฟางพูดออกมาในขณะที่กำลังฟาดฟันใส่นายพลทักษะพิเศษตนหนึ่งเพื่อเปิดทาง
ฉิงเชินเองก็นิ่งอึ้งไปอีกครั้งในทันทีเมื่อได้ยิน
มันก็จริง หากว่าคนคนนี้คือพี่ใหญ่เฉินเฉียงของเธอล่ะก็ ด้วยสถานะของเขาแล้วจะไปมีที่อยู่ของเขาในเผ่าพันธุ์อีกได้ยังไง
นี่จะเป็นเธอเข้าใจผิดจริงๆงั้นเหรอ
แต่เมื่อมองไปที่ธนูดำที่เฉินเฉียงได้โยนทิ้งไว้แล้ว ฉิงเชินได้ยื่นมือไปเก็บมันไว้ในแหวนเก็บของของเธอ
ด้วยธนูดำอันนี้ เมื่อเธอออกจากเขตแดนจักรพรรดิไปแล้ว ทุกสิ่งจะกระจ่างเมื่อเธอได้พบพี่ใหญ่เฉินเฉียงของเธอ
อีกฟากฝั่งหนึ่ง เมื่อจางหยวน กัวเหลียงและพวกเห็นเฉินเฉียงบาดเจ็บจากวิชาราชสีห์คำรามของหลู่ฟางก็ร้อนรนใจในทันใด
-ศิษย์น้องเล็กบาดเจ็บ พวกเราเอาไงดี-
กัวเหลียงส่งเสียงถามออกมาผ่านทางจิตวิญญาณในขณะที่ตอบโต้ศัตรู
หลังจากหันไปมองเฉินเฉียงที่กำลังจากไป เจิ้งยี่ได้ตอบทุกคนด้วยการส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณเช่นกัน –ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าไปดูเอง-
หลังจากนั้น เจิ้งยี่ได้ทะยานขึ้นไปกลางอากาศ และไล่ตามเฉินเฉียงไปพลางตะโกนลั่น “รีบจัดการศัตรูที่นี่ซะ ส่วนไอ้เจ้านักล่านั่นข้าจะไปล่ามันเอง”
ไม่นานหลังจากเจิ้งยี่จากไป นายพลทักษะพิเศษทั้งหลายก็ตกตายสิ้น
หลังจากวิกฤตได้ผ่านพ้น ทุกคนที่กำลังเก็บกวาดสนามรบ เว่ยฉิงเชินก็ได้วิ่งเข้าไปหาคนในกองกำลังเทียนเว่ยในทันที
“จางหยวน กัปตันของเจ้าอยู่ไหน”
“ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่”
“ไม่ใช่ว่ากัปตันของพวกเราถูก….” หลางซานเอ๋อได้มีท่าทีไม่สบอารมณ์แล้วกำลังจะพูดอย่างดังลั่นเว่ยฉิงเชิน แต่เป็นจางหยวนได้เอามือปิดปากแล้วพูดออกมา
“คุณหนูเว่ย พวกเราแค่ผ่านทางมาแล้วมาพบเจอพวกเจ้าถูกโจมตีโดยบังเอิญเพียงเท่านั้น”
“ส่วนเรื่องกัปตันของพวกเรานั้น พวกเราต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่นับแต่พวกเราเข้ามาในนี้พวกเรายังไม่พบเจอกัปตันของเราเลยสักนิด เป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสฮั่นจุยไม่ยอมให้กัปตันของพวกเราเข้ามาที่นี่”
“นั่นน่ะสิ ฮึ่ม ผู้อาวุโสฮั่นจุยนั้นรู้ทำไมเหมือนกันที่ราวกับจะหาเรื่องกัปตันของเราอยู่ตลอด นี่ทำแม้กระทั่งไม่ยอมให้กัปตันของพวกเราเข้ามาที่นี่”
เว่ยฉิงเชินเมื่อได้ยินก็สับสนในทันที
เป็นไปได้จริงหรือที่เธอนั้นจะเข้าใจผิด
เป็นไปได้งั้นเหรอ
นั่นสิ มนุษย์จะไปมีปีกแบบนั้นได้ยังไงกัน
ไหนจะเรื่องที่ศิษย์พี่เฉินเฉียงใช้ดาบดั้นเมฆ แต่มนุษย์กลายพันธุ์นั้นใช้กระบี่ยาว
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม….
เว่ยฉิงเชินได้มองไปที่ธนูดำที่มนุษย์กลายพันธุ์ตนนั้นทิ้งเอาไว้ ก่อนที่จะนิ่งคิดไปเล็กน้อยแล้วถามออกมา “จริงสิ จางหยวน พวกเจ้าได้ยินข้อมูลเรื่องที่ศิษย์พี่ใหญ่นั้นเป็นมนุษย์กลายพันธุ์บ้างรึเปล่า”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว กัวเหลียงเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นมาและพูดออกตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอ้นรกเฉียวกังนั่นมันสร้างเรื่องโกหกอย่าหน้าไม่อาย”
“มันยังแค้นฝังลึกกัปตันของพวกเราอยู่เห็นๆ”
“ก่อนที่จะเข้ามาที่นี่ เฉียวกังนั้นถูกลงโทษโดยมีกัปตันของเรานั้นเป็นตัวตั้งตัวตี ทั้งๆที่มันเองก็ทำผิดแต่กลับเก็บเรื่องนี้เป็นความแค้นไว้ฝังใจ แล้วตอนนี้ยังใช้ชื่อของเขามาใส่ร้ายแล้วหาความดีความชอบใส่ตัวเอง”
“ฮึ่ม ข้าละอยากรู้จริงๆว่าตอนที่ออกไปจากที่นี่ มันจะทำหน้ายังไง ข้าจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
“จริงด้วย กัปตันของพวกเรานั้นไม่ได้เข้ามาในนี้แม้แต่น้อย แล้วเขาจะไปมีปีกอยู่กางหลังแบบที่เฉียวกังมันบอกได้ยังไง”
“นั่นน่ะสิ หากกัปตันของพวกเราเข้ามาในนี้จริง ทำไมเขาถึงไม่ติดต่อมาหาพวกเรา เอ้อ ใช่ อย่าบอกนะว่าคุณหนูเว่ยเคยพบกัปตันของพวกเรามาแล้วน่ะตั้งแต่มาถึงที่นี่”
เว่ยฉิงเชินนั้นเดิมทีเองก็อยากจะหาข่าวของเฉินเฉียงจากกองกำลังเทียนเว่ยเหมือนกัน แต่กลายเป็นว่านอกจากจางหยวนจะไม่รับรู้แล้วยังมาถามข่าวคราวจากเธอเสียอีก
จากมุมมองนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าเฉินเฉียงนั้นไม่ได้เข้ามาในเขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้
“ฮึ่ม เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้อาวุโสฮั่นจุยแท้ๆ เขาต้องโดนผู้อาวุโสฮั่นทำอะไรแน่ๆ ไม่งั้นเขาก็คงเข้ามาที่นี่ไปแล้ว”
เว่ยฉิงเชินเองก็เริ่มที่จะเชื่อในเรื่องนี้
“นั่นน่ะสิ คุณหนูเว่ย พวกเราก็คิดเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกเราได้พบกันแล้ว เอาเป็นว่าพวกเรารวมกลุ่มกันและสำรวจเขตแดนแห่งนี้ไปด้วยกันจะดีรึเปล่า”
“ใช่แล้วศิษย์พี่ใหญ่ ยิ่งคนมาก ยิ่งดูแลกันได้อย่างทั่วถึง ท่านคิดว่ายังไง”
หลู่ฟางพยักหน้ารับในทันที “ข้าเห็นด้วย กองกำลังของข้าเองก็เสียหายอย่างหนัก พวกเราควรจะรวมกลุ่มกันเอาไว้นับแต่นี้”