ตอนที่ 62 ยืนกรานความกระสับกระส่ายของคุณชายเจ็ด
ณ ตรอกซอยเล็กๆ ในเมืองเทียนเซียง
คนกลุ่มหนึ่งบังคับชายหนุ่มซึ่งดูท่าทางเหมือนขโมยเสียจนมุม ผู้ที่นำหน้ามาตะโกนด่าขึ้นว่า “หวังเสี่ยงไฉ ไอ้สารเลว! เจ้าจะหลบพวกข้าไปถึงเมื่อไร รับเงินจากเลี่ยวเหยียของเราไปแล้ว แต่กลับไม่ทำงานตามที่สั่ง เจ้าคิดว่าจะมีเรื่องดีๆ เช่นนี้หรือ บอกมาเสียว่าสูตรทำเต้าหู้นั้นอยู่ที่ใด”
“ข้าไม่ได้มันมาหรอก เหนียงจื่อนั่นร้ายกาจยิ่งนัก คนในตระกูลและผู้อาวุโสต่างพากันปกป้องนาง ข้าจึงไม่มีปัญญาเอามาได้ และเพื่อทำธุระนี้ให้แก่พวกท่าน บิดาของข้ายังต้องชดใช้เงินไปอีกจำนวนสามสิบห้าตำลึง”
“ไม่ได้มาอย่างนั้นหรือ บิดาเจ้าจะชดเชยเงินไปเท่าไรนั่นเป็นเรื่องของเขา อย่านำมาโยนให้เลี่ยวเหยียเจ้าว่ามา เมื่อไรจะชดใช้เงินคืน”
“ขอร้องเถิด ช่วยยืดเวลาออกไปได้หรือไม่”
“ยืดเวลางั้นหรือ”
“ข้าขอร้องท่านล่ะ…”
“เจ้าเอาเงินไปแต่ไม่ทำงานให้นายท่าน หึๆ พวกเจ้าไปจัดการมันเสีย!”
ลูกน้องกลุ่มหนึ่งของเขาเข้าไปรุมเตะหวังเสี่ยงไฉเป็นพัลวัน ส่วนผู้เป็นหัวหน้ากลับเดินไปยังส่วนลึกของตรอก เลี้ยวเข้าไปในมุมแล้วโค้งคำนับคนๆ หนึ่งอย่างนอบน้อม
“เลี่ยวเหยียขอรับ ดูเหมือนว่าสูตรทำเต้าหู้นั้นจะไม่สามารถนำมาได้ง่ายๆ ท่านว่า…”
“จะว่าอย่างไรได้อีก! บัดนี้แขกที่มากินอาหารทุกคนล้วนต้องการสั่งเต้าหู้ เมื่อเราไม่มีให้ พวกเขาก็พากันไปยังไป๋อวิ๋นจวีจนสิ้น”
“หรือว่าพวกเราจะให้นายท่านไปจ้างแม่นางเสี่ยวเถาหงจากหอหงชุ่ยฟังมานั่งในร้านดี”
ผู้จัดการเลี่ยวแห่งอิ๋งเค่อเซวียนตอบกลับ “จ้างอะไรเล่า แม่นางเสี่ยวเถาหงค่าตัวแพงโข สภาพกิจการเช่นนี้จะนำเงินที่ใดไปจ้างนางมา อีกอย่างหนึ่งแม่นางเหล่านั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี การแสดงของนางเหล่านั้นผู้คนดูจนเบื่อแล้ว บัดนี้ล้วนพากันไปฟังนักขับเล่าเรื่องเสียมากกว่า”
“เช่นนั้นเราก็เลียนแบบพวกเขาเป็นไร จ้างบัณฑิตมาเล่าเรื่องในร้านบ้าง?”
“จ้างกะผีนะสิ! นักเล่าเรื่องในเมืองเทียนเซียงลงนามกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่ไปเล่าเรื่องที่ร้านอาหารใด แต่ละเดือนนั่งๆ นอนๆ ก็ได้เงินเดือนละหนึ่งร้อยอีแปะ หากผิดสัญญาจะต้องชดใช้หนึ่งพันตำลึง ข้าขอถามเจ้าว่าจะมีผู้ใดกล้ามาหรือไม่”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดีเล่า”
“ไม่ต้องห่วงไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล เถ้าแก่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าวันพรุ่งนี้เขาจะเดินทางไปที่หมู่บ้านหวังจยาด้วยตนเอง…”
……
บัดนี้ ณ หมู่บ้านหวังจยา อาซ้อฟางพาสตรีสองสามคนที่ดูกระฉับกระเฉงและชายหนุ่มหน้าดำคนหนึ่งมาตรงกลางลาน
ต่อจากนี้มั่วเชียนเสวี่ยไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของการทำเต้าหู้แล้ว จึงได้มอบหมายหน้าที่แก่อาซ้อฟางจัดการ ให้นางเป็นผู้รับผิดชอบดูแลโดยเพิ่มค่าตอบแทนให้อีกสองร้อยอีแปะ ส่วนฟางต้าถังช่วยนางดูแลเรือน และเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นางจึงให้ค่าตอบแทนเขาหกร้อยอีแปะ
การเป็นผู้ดูแลไม่ได้มีเพียงเงินค่าตอบแทนแต่ละเดือน ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยกล่าวว่านางจะแบ่งรายได้จากการขายเต้าหู้บางส่วนมาให้สองสามีภรรยาด้วย เมื่ออาซ้อฟางได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจยิ่ง
บัดนี้สองสามีภรรยาสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจมาจัดการเรื่องนี้ให้นางได้อย่างเต็มที่ ในใจของอาซ้อฟางรู้สึกเคารพนับถือนางจากใจจริงยิ่งกว่าเดิม เคารพนางเป็นเจ้านายอย่างแท้จริง
ทั้งสี่คนนั้น มีสตรีสองคนทำเต้าหู้และสินค้าอื่นซึ่งทำจากถั่ว โดยมีอาซ้อฟางและเยี่ยนชุนเป็นคนนำ ชายหนุ่มหน้าดำทำงานใช้แรงอื่นๆ และทำโต้วจาแผ่น[1]กับฟางต้าถัง
ส่วนสตรีอีกนางหนึ่งนามว่าจวี๋เหนียง ได้ติดตามมั่วเชียนเสวี่ยไปยังท่าเรือเพื่อเป็นลูกมือทำอาหาร ร้านอาหารที่ท่าเรือนั้น นางไม่ต้องการจ้างพ่อครัวเนื่องจากค่าจ้างแพงโข เย่อหยิ่งและทำอาหารใหม่ๆ หลากหลายไม่เป็น
ทุกคนเหล่านี้ มั่วเชียนเสวี่ยคัดเลือกมาจากอุปนิสัยและภูมิหลัง
สตรีสองนางมาจากตระกูลหลี่ ส่วนชายหนุ่มหน้าดำเป็นคนตระกูลเกา
ส่วนจวี๋เหนียง เป็นภรรยาของหลี่ซานเหล่ยที่เคยช่วยแบกนางกลับมาจากคูน้ำ เมื่อตอนที่สร้างบ้านนางก็มาช่วยด้วย นางไม่เอ่ยมากความและมีจิตใจดี อีกทั้งฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศ มั่วเชียนเสวี่ยชื่นชมนางและพานางมาที่นี่ด้วย
หากมีคนคอยช่วยงานในครัวก็คงดีไม่น้อย มั่วเชียนเสวี่ยได้แต่แอบนึกอยู่ในใจว่าผู้ใดมีความเหมาะสมที่สุด ควรเป็นผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่เอ่ยวาจามากความ สามารถทำงานหนักและยอมรับคำติชมได้
แต่นางก็ไม่ได้รีบร้อน เพิ่งเปิดร้านคงไม่มีคนมากมายนัก แรกเริ่มคงจะไม่เป็นไร ประเดี๋ยวค่อยๆ หาก็ย่อมได้
หลังจากทักทายกับพวกเขาทั้งหลาย จิตใจก็ปลอดโปร่งขึ้นมาก จากนั้นนางก็กำชับอาซ้อฟางและคนอื่นๆ ให้ทำความสะอาดบริเวณรอบโรงงาน สิ่งของใดควรวางอยู่ใดก็วางไว้ให้ถูกตำแหน่ง ในวันพรุ่งนี้เมื่อมาถึงก็สามารถเริ่มงานได้อย่างราบรื่น
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าพบว่าเย็นมากแล้ว หนิงเซ่าชิงซึ่งเดินทางไปทำธุระในเมืองคาดว่าควรกลับมาถึงแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยจึงทำอาหารแล้วยืนรอที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อครู่นางได้ขอให้ซวนจื่อไปยังเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน และซวนจื่อกลับมารายงานว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านกลับมาถึงนานแล้ว
เมื่อตอนที่ซวนจื่อกลับมายังกล่าวอีกว่า สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านดูไม่ดีนัก
มั่วเชียนเสวี่ยแอบสงสัยอยู่ในใจ ไม่รู้ว่านิสัยอันแปรปรวนของหนิงเซ่าชิงกำเริบขึ้นอีกครั้ง แล้วไปใส่อารมณ์กับหัวหน้าหมู่บ้านหรือไม่
มั่วเชียนเสวี่ยยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าประตู ในใจของนางว่างเปล่า ก่อนหน้านี้ หากว่านางเดินทางกลับจากข้างนอก หนิงเซ่าชิงจะเป็นผู้มายืนคอยนางเสมอ
เซียนเซิงสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง อีกทั้งไร้เงินติดตัว หากเขาไม่ได้กลับมาพร้อมรถม้าจะเกิดสิ่งใดขึ้นเล่า หรือเขาจะเดินลากสังขารซึ่งเต็มไปด้วยโรคภัยโรยรานี้กลับมาจากเมืองเทียนเซียง? ทำอย่างไรดี! นิสัยดื้อรั้นของเขานี้เมื่อไรจะปรับปรุงสักที
เมื่อคิดไปคิดมา มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้เอ่ยโทษหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ในใจ ตาเฒ่าผู้นี้ก็ใจแคบเสียจริงเชียว เป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านเสียเปล่า…
นางได้แต่ด่าทอเขาอยู่ในใจนับร้อยนับพันครั้ง…
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบร่างอันสง่างามเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ เเสงอาทิตย์ยามอัสดงส่องเป็นประกายสีทอง ตกกระทบไปยังร่างของเขา ราวกับกำลังสวมเสื้อคลุมสีทองเป็นประกายสว่างไสว ทำให้เงาของเขาที่ตกไปยังพื้นดินดูยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา
……
ณ ไป๋อวิ๋นจวี เมืองเทียนเซียง
เถ้าแก่หลี่เข้ามารายงานด้วยท่าทางรีบร้อนดุจดั่งมดที่อยู่ในหม้อต้ม “คุณชายเจ็ดขอรับ ได้ยินมาว่าเถ้าแก่อิ๋งเค่อเซวียนจะเดินทางไปยังหมู่บ้านหวังจยาด้วยตนเองในวันรุ่ง เพื่อต้องการใช้เงินก้อนโตซื้อสูตรทำเต้าหู้ของหนิงเหนียงจื่อ ท่านรีบหาวิธีเข้าเถิด”
“ไม่ต้องกังวลไป!” คุณชายเจ็ดส่ายพัดเบาๆ อย่างสง่างามไม่ร้อนรน
“บ่าวทราบดีว่าคุณชายและหนิงเหนียงจื่อลงนามสัญญากันไว้แล้ว เต้าหู้ของนางจะขายให้แก่ไป๋อวิ๋นจวีของเราเท่านั้นจนถึงสิ้นปี แต่ว่าคุณชายขอรับ ได้ยินมาว่าเถ้าแก่อิ๋งเค่อเซวียนจะใช้เงินก้อนโตเข้าซื้อนะขอรับ! แม้หนิงเหนียงจื่อจะเป็นคนดีทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกเงินก้อนโตนี้ทำให้เห็นผิดไป…”
“นั่นสิขอรับคุณชาย ไป๋อวิ๋นจวีของเราพยายามอย่างยิ่งในสองเดือนที่ผ่านมา กว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เถ้าแก่ร้านอิ๋งเค่อเซวียนนั่นเจ้าเล่ห์นัก เขาอาจขุดเอาอุบายต่างๆ น่ารังเกียจออกมาใช้ เถ้าแก่เซวียเป็นบิดาของแม่นางที่เศรษฐีอู๋ชื่นชอบยิ่งนัก ได้ยินมาว่าหาจัดการยากไม่ใช่ย่อย หากสามารถทำให้ภัตตาคารของเราปิดตัวลงได้ คาดว่าแม้จะต้องใช้เงินมากเพียงใดเขาก็ยอม”
อาลู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวเสริมจากประโยคของเถ้าแก่หลี่เมื่อครู่ เขาจำได้ดีว่าเมื่อครั้นที่คุณชายเจ็ดได้รับคำสั่งให้มาปรับปรุงภัตตาคารนี้ บรรดาคุณชายที่เกิดจากอนุภรรยาได้พากันออกมาเยาะเย้ยถากถางอย่างเยือกเย็นว่า ไป๋อวิ๋นจวีนี้จะดำเนินกิจการได้นานเพียงไร ประเดี๋ยวก็ต้องปิดตัวลงอยู่ดี บ้างก็ว่าคุณชายเจ็ดอย่างมากดูแลกิจการได้สามเดือนก็ไม่คงเละเป็นท่า รอยยิ้มอันเยาะเย้ยดูถูกเหล่านั้นช่างน่ารังเกียจนัก เขาจึงไม่ต้องการให้คุณชายเป็นตัวตลกในสายตาผู้อื่นอีก
[1] โต้วจาแผ่น ทำจากกากถั่วเหลือง สามารถนำโต้วจาแผ่นมาผัดหรือต้มแกงก็ได้