ตอนที่ 91 คุณชายถงผู้ทำตัวแปลกประหลาด (1)
ใบหน้าของหนิงเซ่าชิงในตอนนี้ผ่อนคลายเล็กน้อย “พี่เจี่ยนมาครั้งนี้ มีเรื่องอะไรหรือ”
สตรีช่วยกันพยุงเป็นเรื่องธรรมดา การกระทำของหนิงเซ่าชิง ทำให้เจี่ยนมั่วไป๋ไม่เข้าใจเล็กน้อย คิดถึงวิธีการช่วยชีวิตโดยการผายปอดที่ได้ยินในวันนั้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
มีเพียงบุรุษที่จะเข้าใจบุรุษ
ได้ยินหนิงเซ่าชิงเอ่ยถาม เจี่ยนมั่วไป๋อยากจะรู้ว่าชายผู้นี้เหมือนภรรยาของเขาหรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงบอกเจตนาของเจี่ยนเหล่าไท่จวินที่อยากจะรับนางเป็นหลานบุญธรรมให้ฟังอีกรอบหนึ่ง
หญิงสาวผู้นี้ช่างสร้างปัญหาเก่งเสียจริง!
ตระกูลขุนนางระดับสอง อยากจะให้สตรีของเขาเป็นหลานบุญธรรม? กราบแปดคำนับเก้า?!
ภายในใจของหนิงเซ่าชิงเย้ยหยัน ทว่าใบหน้าของเขากลับเยือกเย็น ไม่แม้แต่จะมองมั่วเชียนเสวี่ย เอ่ยปากปฏิเสธทันที หนักแน่นยิ่งกว่ามั่วเชียนเสวี่ยเสียอีก
การปฏิเสธเช่นนี้ เหนือความคาดหมายของเจี่ยนมั่วไป๋ และอยู่ในการคาดการณ์ของเขา เขานิ่งเงียบ!
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ตระกูลขุนนางไร้ค่าเช่นนี้ไปได้
ดูท่า โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว!
บุรุษทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องบทกวี พูดคุยกันด้วยความเกรงใจเป็นครั้งคราว
เดิมทีมั่วเชียนเสวี่ยอยากจะพาเจี่ยนชิงโยวเข้าไปในห้อง จะได้พูดคุยกันสะดวกยิ่งขึ้น ทว่ากลับถูกหนิงเซ่าชิงกดลงบนเก้าอี้ พูดเพียงคำเดียวแล้วทำให้นางต้องกลับมานั่ง
สุดท้าย ภายใต้แววตาลุ่มลึกที่ร้อนระอุนั้น นางจึงทำได้เพียงนั่งอยู่ในเรือน แลกเปลี่ยนสายตากับเจี่ยนชิงโยว ฟังทั้งสองพูดคุยกันด้วยความเกรงใจ
เดิมทีเจี่ยนมั่วไป๋เป็นคนทระนง หากไม่ใช่เพราะความสง่างามของหนิงเซ่าชิง เกรงว่าคงลุกออกไปเดินนานแล้ว
แม้บทสนทนาของทั้งสองจะไม่เข้มข้น แต่ทัศนคติและความสง่างามของหนิงเซ่าชิงในยามพูดทำให้เขาชื่นชอบยิ่งนัก
สถานการณ์ในวันนี้ดูท่าคงไม่เป็นไปตามปรารถนา
ในเมื่อไม่ได้รับการต้อนรับ ไม่นานหลังจากนั้นเจี่ยนมั่วไป๋ก็ขอตัวกลับ พาเจี่ยนชิงโยวเดินไปพร้อมกัน
พอกลับถึงตระกูลเจี่ยน เจี่ยนมั่วไป๋บอกเหล่าไท่จวินถึงความคิดของสองสามีภรรยา
เจี่ยนเหล่าไท่จวินเพียงถอนหายใจ “ข้าบอกแล้ว ใช่ว่าพวกเขาจะรับน้ำใจ”
นายท่านเจี่ยนและเจี่ยนฮูหยินพูดขึ้นพร้อมกัน “ลิงได้พลอย!”
เจี่ยนเหล่าไท่จวินไม่โมโหทว่ากลับหัวเราะ “เป็นการยากเสียจริงที่เจ้าทั้งสองจะใจตรงกันสักครั้ง!”
……
“ชิงโยวเป็นสตรีที่ดียิ่งนัก ทั้งอ่อนโยน รูปโฉมงดงาม ทั้งยังชาติตระกูลดีมีความสามารถ เหตุใดท่านต้องทำสีหน้าราวกับจะกัดนางให้ตาย ทำให้ตกใจกลัวจนต้องกลับไป”
ส่งรถม้าตระกูลเจี่ยนเสร็จ มั่วเชียนเสวี่ยมองหนิงเซ่าชิงด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“กัดนาง?” สีหน้าของหนิงเซ่าชิงราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ แววตาของเขาเยือกเย็น
อย่าคิดว่าเมื่อครู่ระหว่างที่เขาพูดคุยกับคุณชายเจี่ยนอะไรนั่น จะไม่เห็นนางส่งสายตาให้กับสตรีผู้นั้น
เขายังไม่ได้ทวงถามนาง ครานี้ นางกลับเป็นฝ่ายตำหนิเขา ทั้ง…ทั้งยังใช้คำว่า “กัด” เขาอยากจะกัดนางให้ตายเท่านั้น ในใจคิดเช่นไร ก็พูดเช่นนั้น “ตอนนี้ ข้าอยากจะกัดแค่เจ้าเพียงผู้เดียว!”
พูดจบ หญิงสาวคนหนึ่งถูกอุ้มเข้าไปในห้อง
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เจ้านายไม่อาจใจเย็น ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เจ้านายของพวกเขากลายเป็นคนรุนแรงเช่นนี้
เงาบางเงาไม่เข้าใจ ทำได้เพียงหยิบดอกฝ้ายด้านนอกมาทัดหู มีเสียงบางอย่าง ที่เด็กไม่ควรฟัง
นานครู่หนึ่ง เสียงร้องเงียบหายไปแล้ว
คนร่างเล็กจับรอยแดงบนใบหน้า จับคอที่ร้อนผ่าว แล้วร้องโอดครวญ ช่วงนี้มั่วเชียนเสวี่ยพูดอะไรผิดทำอะไรผิดหรือ
ไม่ได้ ห้ามเสียเปรียบเช่นนี้ ต้องกัดตอบ จากนั้น นางจึงพลิกตัวแล้วกระโจนเข้าหาคนร่างใหญ่จนล้ม
มองดูคนที่อยู่เบื้องล่างอย่างถี่ถ้วน ดูเหมือนว่าริมฝีปากแดงระเรื่อนั้นจะยั่วยวนที่สุด ฟันขาวสะอาด กำลังจะกัดลงไป…
ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เสียงของอาซานดังเข้ามา “ฮูหยินขอรับ นับของกำนัลเสร็จแล้ว เชิญฮูหยินไปตรวจรอบหนึ่งขอรับ”
เขาเห็นรถม้าตระกูลเจี่ยนเคลื่อนตัวออกไปแล้ว คิดว่าของกำนัลที่รับมาเมื่อครู่ควรให้ฮูหยินรู้ ดังนั้นจึงรีบวิ่งมา
มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
นางปีนลงมาจากตัวหนิงเซ่าชิง
ใบหน้าของหนิงเซ่าชิงเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต พูดตำหนิ “ไสหัวไป!” แม้อาซานจะไสหัวไปแล้ว แต่บรรยากาศในห้องไม่อาจกลับมาเย้ายวนดังเดิมได้อีก
หนิงเซ่าชิงเหยียดตัวขึ้นนั่ง กระแอมไอเบาๆ
ดวงตาทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน ความร้อนผ่าวที่คอทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเปลี่ยนจากเขินอายเป็นโมโห ยกมือเล็กเรียวขึ้นมาแล้วตีหนิงเซ่าชิง
……
แม่น้ำยังคงไหลเอื่อยๆ ดังนั้นน้ำในแม่น้ำจึงไม่ได้ก่อตัวเป็นน้ำแข็ง ภายในร้านอบอุ่น ร้านอาหารในฤดูเหมันต์จึงค้าขายได้ดีกว่าปกติเล็กน้อย
นับตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน หลังจากหารือกันในร้านอาหาร มั่วเชียนเสวี่ยมาที่นี่ทุกวันเพื่อทำหน้าที่เถ้าแก่เนี้ย เก็บเงินดูบัญชี ตรวจดูวัตถุดิบ กำชับเรื่องระเบียบวินัย…
เวลานี้อวิ๋นอิ๋นคือผู้ดูแลหลัก คอยดูแลเงินและบัญชีหน้าร้าน ทั้งเก็บกวาดโต๊ะ ไม่ได้ถึงขั้นต้องไปช่วยเป็นลูกมือให้จวี๋เหนียงแล้ว คนที่เป็นลูกมือของจวี๋เหนียงคืออวิ๋นเหนียงจื่อมิตรสหายคนสนิทของนาง
ตอนนั้นมั่วเชียนเสวี่ยให้จวี๋เหนียงแนะนำคนมาให้ด้วยตนเอง ให้นางหาคนที่ถูกใจ ทำเช่นนี้นอกจากจะเป็นการแสดงน้ำใจ เปิดบัญชีออมใจกับนางแล้ว การทำงานในครัวก็จะไม่มีปัญหา ตัวนางเองก็เบาตัวไปไม่น้อย
เสี่ยวเหลยทำหน้าที่ต้อนรับและส่งลูกค้า เขายังคงกระฉับกระเฉงว่องไว ตอนที่ร้านไม่มีลูกค้า เขาก็จะไปดูว่าบนท่าเรือมีเรือโดยสารหรือไม่ เรือสินค้ามาถึงหรือยัง โฆษณาร้านอาหาร
บางครั้ง ลูกค้าไม่อยากลงจากเรือ เขาก็จะยกอาหารไปให้ถึงเรือ ร้านอาหารทำกำไร เขาเองก็ได้เงินตอบแทน ดีกับทั้งสองฝ่าย
ซีซีเจ้าเด็กฉลาด ตอนนี้ไม่ได้เหนียมอายเหมือนครึ่งเดือนก่อนแล้ว ตอนนี้วิ่งไปทั่วร้าน เวลาร้านยุ่งๆ ก็คอยช่วยยกของเล็กๆ น้อยๆ ช่วยงานได้ไม่น้อย
รอให้มั่วเชียนเสวี่ยมาถึง ร้านอาหารก็เป็นระเบียบเรียบร้อยทุกครั้ง ทุกอย่างไม่ได้แตกต่างกับตอนที่นางอยู่ สิ่งเหล่านี้ทำให้นางวางใจไม่น้อย
นางคิดจะปล่อยทีละก้าว นี่เป็นศิลปะของการจัดการ หากนางต้องทำทุกอย่างเองทั้งหมด ต้องอยู่ที่นั่นตลอดเวลา แม้จะมีนางสิบคน ก็ไม่อาจทำได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวนาง เพราะตอนนี้นางมีเรื่องใหญ่ต้องทำ
ถั่วอยู่ในโกดังทั้งหมดแล้ว ตอนนี้นางต้องเตรียมตัวเพื่อโรงงานซีอิ๊วแล้ว
หาพื้นที่ขนาดใหญ่ เปิดโรงงานใกล้ท่าเรือ วันข้างหน้าไม่ว่าจะขนส่ง หรือดูแล ล้วนทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว มิเช่นนั้น ต้องขนย้ายยกเข้ายกออก ไม่เพียงจะยุ่งยากลำบาก แค่ค่าคนงานก็ต้องจ่ายไม่น้อยแล้ว
พอถึงเวลา ร้านอาหารแห่งนี้คือหน้าร้านขายของของนาง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่นางยืนกรานจะเปิดร้านอาหารที่ท่าเรือให้ได้
รอให้ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูผลิตเสร็จ นางแค่รอรับเงิน มีแหล่งรายได้ที่มั่นคง หลังผ่านช่วงต้นปีไปนางจึงจะวางใจพาหนิงเซ่าชิงไปหาหมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายา ค่ารักษา ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีก
สำหรับเรื่องการค้าต้องยกให้ซูชีดูแลแล้ว
หนึ่งเพื่อตอบแทนน้ำใจที่เขาแนะนำการค้าถั่วให้กับนาง อีกเรื่องหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่ธรรมดา เบื้องหลังของเขาต้องมีเส้นสายมากมายแน่นอน
แต่ตอนนี้นางยังขาดเงิน ขาดคน ขาดที่ดิน… สรรพสิ่งล้วนยุ่งยากในช่วงเริ่มต้น! ต้องค่อยๆ ทำให้เสร็จทีละอย่าง
เงิน?
นางยกมือขึ้นจับหยกที่อยู่ตรงหน้าอก… หรือว่าต้องจำนำหยกนี่แล้วจริงๆ
ไม่! นางทำใจไม่ได้!
ต้องคิดว่าวิธีอื่น เรือเมื่อถึงท่าแล้วอย่างไรเสียต้องออกจากฝั่ง เมื่อมีปัญหาย่อมมีทางแก้ อย่างมากถึงเวลาหากไม่มีเงินมากพอซื้อที่ดินเช่นนั้นก็เช่าเอา