คนอื่นต่างก็ประหลาดใจมาก กิ่งไม้สีดำนั่นคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เหรอ ตาฝาดไปแล้วหรือไม่
แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ การที่มู่เฉียนซีไปแย่งชิงเช่นนี้ มันต้องไม่ใช่ของที่ไร้ประโยชน์เป็นแน่ ดังนั้นทุกคนต่างแห่กันไปที่มู่เฉียนซีราวกับสายน้ำหลาก
“บัดซบ!” สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น ไป๋อู๋ห่ายนำพาความวุ่นวายใหญ่หลวงมาให้นางแล้ว
นางยังไม่ทันได้เก็บฝักกระบี่ไว้ในมิติเลย ฝักกระบี่ก็สั่นไหวและเคลื่อนตัวกลับไปที่เดิมของมันแล้ว
มู่เฉียนซีตกใจชะงักงัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หรือว่าฝักกระบี่จะไม่ยอมรับเจ้านายอย่างนาง ว่ากันตามหลักแล้วฝักกระบี่กับเจ้าพิฆาตวิญญาณแตกต่างกันมาก
มังกรเพลิงอธิบายว่า “นายท่าน ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ! เสี้ยวเสี้ยวบอกว่าที่นี่ปิดผนึกสัตว์ร้ายตัวหนึ่งไว้ หากมันออกไป ที่แห่งนี้ก็จะไม่มีสิ่งใดยับยั้งเจ้าสัตว์ร้ายนั่น เมื่อถึงตอนนั้นนายท่านจะเป็นอันตรายได้ขอรับ”
“ดังนั้น มันจึงกลับไปแล้ว! ฮือ ๆ ๆ! เสี้ยวเสี้ยวผู้น่าสงสาร ได้เจอนายท่านแล้วแท้ ๆ แต่ไม่อาจอยู่กับนายท่านได้ เสี้ยวเสี้ยวชอบนายท่านมาก!”
มังกรเพลิงสะอึกสะอื้นพลางกล่าวอย่างน่าสงสาร
ส่วนคนอื่น ๆ ก็ได้เห็นว่ามันมีวิญญาณอยู่ด้วย แถมยังหนีได้อีก!
ทันใดนั้นพวกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นแล้ว “บางที นั่นอาจจะเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของจริงก็ได้!”
“ต้องเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แฝงตัวอยู่เป็นแน่!”
“สาวน้อยมู่เฉียนซีนั่นไม่สามารถทำให้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ยอมรับเป็นนายได้ โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว!”
ฝักกระบี่ไม่ยอมไป นางก็ไม่มีทางยอมให้คนพวกนี้บังคับเอาฝักกระบี่ไปได้แน่นอน
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“บัวแดงพิฆาต”
มังกรทรงพลัง และบัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งออกมา มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าได้เข้ามาใกล้เด็ดขาด!”
“มู่เฉียนซี กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่ยอมรับเจ้าเป็นนาย เจ้าฝืนต่อไปมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!”
“ใช่! เจ้าหลอกลวงพวกข้ามานานมากแล้ว ที่แท้กระบี่ของเจ้าเล่มนั้นมันก็ไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์”
“ในเมื่อเจ้าไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้านายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ งั้นเจ้าก็ถอยไปและมอบโอกาสนี้ให้พวกข้าซะเถอะ!”
มังกรเพลิงโกรธเกรี้ยวมาก “ข้าโกรธแล้วนะ ข้าโกรธจริง ๆ แล้วนะ เจ้าพวกโง่พวกนี้พูดบ้าอะไร ข้ายอมรับนายท่านเป็นเจ้านายแล้ว นายท่านจะไม่ใช่เจ้านายของข้าได้ยังไง!”
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรเพลิง เปลี่ยนความโกรธเป็นพลัง ให้บทเรียนแก่คนพวกนี้สักหน่อยเถอะ!”
มังกรเพลิงกล่าว “ได้เลย!”
พลังธาตุอัคคีของมังกรเพลิงปะทุออกมาทำให้คนพวกนั้นรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย นึกไม่ถึงเลยว่ากระบี่ที่มีพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์
อู๋ตี้ก็เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว
ในตอนนี้เอง กลิ่นอายมืดมนกลิ่นอายหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายนั้นก็คือคนชุดดำที่อยู่กับไป๋อู๋ห่ายผู้นั้นนั่นเอง เขาโจมตีมู่เฉียนซีด้วยพลังฝ่ามือที่ดูร้ายกาจอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานกับพลังของคนชุดดำปะทะกันอย่างรุนแรง การปะทะนี้ทำให้ทั้งสองต่างกระเด็นลอยออกไป
“รีบไปแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาเร็วเข้า!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังพัลวันอยู่กับคนชุดดำนั้น ก็มีคนพุ่งไปที่ฝักกระบี่
เพื่อแย่งชิงฝักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ พวกเขาต่อสู้กันอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้
คนเหล่านี้มองไปที่ฝักกระบี่ด้วยสายตาที่เร่าร้อนแผดเผา นี่มันเป็นถึงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เชียวนะ
มู่เฉียนซีถูกคนชุดดำพัวพันอย่างไม่อาจสลัดหลุดได้ นางรู้สึกเป็นห่วงฝักกระบี่มาก
มังกรเพลิงกล่าว “นายท่าน เราพยายามต่อสู้ให้เต็มกำลังก็พอแล้ว ถึงแม้ว่าเสี้ยวเสี้ยวจะไม่มีกำลังในการต่อสู้ แต่กำลังในการป้องกันตัวเองนั้นแข็งแกร่งมาก หากมันไม่ยอมให้คนพวกนั้นเอามันไปได้ คนพวกนั้นก็ไม่อาจแตะต้องมันได้แน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เป็นเช่นนั้นก็ดี งั้นเรามาสนุกกับคนพวกนี้ให้เต็มที่กันเถอะ!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปแล้ว
คนชุดดำรีบหลบหลีก ร่างของทั้งสองพัวพันกันไปมา และต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่าแล้ว
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ดูท่า เจ้าจะได้รับบาดเจ็บจากแดนลวงตามาไม่น้อย พลังก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก”
คนชุดดำกล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “แม้ว่าข้าจะบาดเจ็บสาหัส แต่สำหรับข้าแล้ว เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ข้านึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าองค์ชายจิ่วเยี่ยจะชอบหญิงสาวที่เปรียบดั่งมดปลวกเช่นเจ้าได้”
“เจ้ามันรนหาที่ตายชัด ๆ!”
มู่เฉียนซีกระโจนขึ้นไปกลางอากาศ พลังวิญญาณได้ก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือนางอย่างบ้าคลั่ง
“ทักษะโยวหลัว!”
ทักษะวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังการทำลายล้างโจมตีออกไป พลังสีดำขวางการโจมตีของมู่เฉยนซีเอาไว้ได้
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น พลังของมู่เฉียนซีหายไปแล้ว
เขากล่าว “ทักษะวิญญาณยอดเยี่ยมมาก แต่ต้องรอให้พลังของเจ้าถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน ตอนนี้พลังของเจ้า ไม่ไหวจริง ๆ!”
ครั้งนี้ คนชุดดำลงมืออย่างจริงจังแล้ว!
คนชุดดำไล่โจมตีมู่เฉียนซีอย่างโหดเหี้ยม และในตอนนี้ร่างในชุดขาวก็ถูกโจมตีจนร่วงลงมาจากกลางอากาศ
พรวด! ไป๋อู๋ห่ายกระอักเลือดคำโตออกมา เนื้อตัวมีบาดแผลถูกกระบี่ฟันนับไม่ถ้วน
ตอนที่อยู่ในแดนลวงตาเขาถูกหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านั้นโจมตีได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ตอนนี้ต้องมารับมือกับกู้ไป๋อีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาเช่นนี้อีก ผ่านไปสิบกว่ากระบวนท่า เขาก็ได้พ่ายแพ้ลงแล้ว!
กู้ไป๋อีโจมตีไป๋อู๋ห่ายจนร่วงลงมา และเขาก็หันไปเห็นมู่เฉียนซีกำลังถูกคนชุดดำล้อมโจมตีอยู่
ทันทีที่ปลายกระบี่เคลื่อนไหว กลางอากาศก็ปรากฏวงจันทร์ขึ้นเจ็ดวง!
วงจันทร์ทั้งเจ็ดดุจดั่งบัวน้ำแข็งดอกหนึ่งที่บานสะพรั่งก็มิปาน ภายในชั่วพริบตาเดียวกลีบดอกบัวอันแหลมคมอีกทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารพุ่งตรงไปที่คนชุดดำผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของกระบี่ทั้งเจ็ดเร็วมากจนทำให้คนชุดดำผู้นี้ตั้งตัวไม่ทันจริง ๆ
และในขณะที่เขาถูกกระบี่ห้อมล้อมจนไร้หนทางหนี เขาก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะตกตะลึงปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจ!
หนีเหรอ! เขายังมีโอกาสหนีได้เหรอ?
ไร้หนทางแล้ว!
พรวด! กระบี่ทั้งเจ็ดพุ่งแทงเข้าร่างของเขา!
ฉึก! เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวลมหายใจแห่งชีวิตของเขาก็ถูกปลิดไปเสียแล้ว!
มู่เฉียนซีเองก็ตกใจมาก เสี่ยวไป๋โจมตีด้วยพลังกระบี่เจ็ดเล่มพร้อมกัน แข็งแกร่งยิ่งนัก
คนชุดดำที่ถูกฆ่าตายนั้นยังไม่ยอมแพ้ แม้ว่าร่างกายของเขาถูกทำลายไปแล้ว แต่วิญญาณของเขายังไม่ถูกทำลาย
อย่างไรเสีย เขาก็เป็นคนของแดนนรก
ไม่นานนัก เขาก็ใช้พลังจิตโจมตีไปที่มู่เฉียนซี
การโจมตีเพียงเล็กน้อยนี้สำหรับมู่เฉียนซีนั้นเป็นเพียงแค่หยาดฝนที่ตกลงมากระทบขนแขนก็เท่านั้น มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ดูท่าทำลายแค่ร่างของเจ้า เจ้ายังคงไม่พอใจ อยากจะให้ข้าทำลายวิญญาณของเจ้าด้วยใช่หรือไม่!”
บดขยี้! ต้องบดขยี้! เอาวิญญาณของเขามาบดขยี้อย่าให้เหลือซาก
อ๊า!
ชายชุดดำผู้นั้นส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาทันที
“เป็นไปได้ยังไง เหตุใดพลังจิตของเจ้าถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “รออีกไม่นานข้าจะส่งท่านหมิงจีของเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็ค่อยถามนางก็แล้วกันนะ!”
กู้ไป๋อีเคลื่อนตัวไปอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
มู่เฉียนซีส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้าไม่เป็นไร! แต่เสี่ยวไป๋ เจตจำนงกระบี่ของเจ้าแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมากจริง ๆ!”
กู้ไป๋อีตอบกลับ “ตอนที่เข้าไปในแดนลวงตาพบเจอกับอันตรายเข้า ข้าจึงตระหนักถึงเจตจำนงที่แข็งแกร่งขึ้นของกระบี่ได้ ก็นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายกระมัง!”
ตุบ! กล่าวจบ ร่างของกู้ไป๋อีก็ล้มลงไปตรงหน้ามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีรีบเข้าไปพยุงตัวเขา “เสี่ยวไป๋!”
ไป๋อู๋ห่ายถูกหุ่นเชิดเพลิงสีทองไล่ฆ่าได้รับบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น แต่เสี่ยวไป๋ไม่ใช่ เสี่ยวไป๋ได้รับบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก ที่สำคัญอาการก็สาหัสมากด้วย
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังอดทนจนกระทั่งเอาชนะไป๋อู๋ห่ายได้ แถมยังใช้กระบวนท่ากระบี่ที่แข็งแกร่งเช่นนั้นอีก
หลังจากที่มู่เฉียนซีตรวจดูอาการของกู้ไป๋อีเสร็จ นางไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเสี่ยวไป๋ผ่านความอันตรายมามากเพียงใดในแดนลวงตานั้น “เจ้าสิงโตทองลวงตาบัดซบ! ข้าอยากจะสับเนื้อเจ้าให้ไป๋อู๋ห่ายกินจริง ๆ!”
.
.