บทที่ 362 ชาตินี้ ฉันก็จะทำให้เธอรักฉันให้ได้
บนยอดเขาสูง ฉู่ชวิ๋นกับจิงหงยืนอยู่เคียงข้างกัน
“เด็กคนนั้นดูไม่ชอบหน้าข้าเท่าไหร่” จิงหงทอดสายตามองจิ่วโยวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าโลงศพน้ำแข็งและกำลังพูดคุยกับฮวาชิงหวู่
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกลำบากใจ เขารู้ว่าทำไมจิ่วโยวถึงทำตัวแบบนี้ นั่นเป็นเพราะเด็กหญิงกำลังหึงหวงเขาแทนฮวาชิงหวู่นั่นเอง
จิงหงจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา ทำให้จิ่วโยวจึงตั้งตัวไม่ทันและเธอสนิทสนม กับฮวาชิงหวู่มากกว่า จึงไม่ชอบผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาใกล้เขานอกจากฮวาชิงหวู่
“สงสัยจิ่วโยวจะยังไม่คุ้นกับเธอมากกว่า” ฉู่ชวิ๋นพยายามหาข้อแก้ตัว
จิงหงหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยดวงตาแจ่มใส แววตาของเธอเป็นประกาย
“นางกำลังหึงหวงท่านแทนเสี่ยวหวู่”
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงไม่คิดเลยว่าจิงหงจะสังเกตเห็นเช่นกัน
“จิ่วโยวอยู่กับเสี่ยวหวู่มาก่อน จิ่วโยวก็เลยค่อนข้างผูกพันด้วยน่ะ” ฉู่ชวิ๋นไม่ปิดบังอีกต่อไป จิงหงเป็นคนฉลาด เขาไม่อาจปิดบังอะไรจากเธอได้เลย
จิงหงไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องมองจิ่วโยวแนบใบหน้าเข้ากับโลงน้ำแข็ง และพูดคุยกับฮวาชิงหวู่อย่างต่อเนื่อง
จิงหงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ข้าอยากแลกชีวิตเพื่อทำให้เสี่ยวหวู่ฟื้นขึ้นมา”
“ไม่ได้” ฉู่ชวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาสาบานเอาไว้แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องทำให้ฮวาชิงหวู่ฟื้นขึ้นมาให้ได้
“ฉู่ชวิ๋น ท่านมีภรรยากี่คนกันแน่?” จิงหงพลันถามออกมาโดยที่ฉู่ชวิ๋นไม่ทันคาดคิด
ฉู่ชวิ๋นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนตอบ “นอกจากเสี่ยวหวู่แล้ว ก็มีแต่เธอนี่แหละ…” เขาไม่ได้หลอกลวงจริง ๆ นะเขากับถางโร้วยังไม่ได้แต่งงานกันเพราะงั้นไม่ถือว่าตอบผิด!
จิงหงมองหน้าฉู่ชวิ๋นอย่างเงียบงัน เธอไม่พูดอะไรเลยจนชายหนุ่มรู้สึกใจคอไม่ดี แต่แล้วในที่สุดหญิงสาวก็กล่าวออกมา “ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านเลย บางทีข้าอาจจะจำมันไม่ได้ตลอดไป”
“ไม่สำคัญ ชาตินี้ ฉันก็จะทำให้เธอรักฉันให้ได้” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไม่รู้ตัว
จิงหงเลิกคิ้วขึ้น “นิมิตที่เห็นในหยดน้ำตาของเสี่ยวหวู่เป็นความจริงใช่ไหม? ถ้าข้าคือจิงหงจริงๆ ก็แปลว่าข้าเป็นคนรักของท่านในดินแดนเซียน”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า เมื่อลองคิดดูแล้ว เขาก็อดรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้ที่ทำให้สาวงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนเซียนมาแต่งงานกับเขาได้สำเร็จ
จิงหงยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย แต่ฉู่ชวิ๋นกลับรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาชอบกล
“ว่าแต่ช่วงหลังเธอเลื่อนระดับพลังได้แล้วใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม “ตาเฒ่าอ๋าวบอกว่าเธอกำลังจะเลื่อนระดับได้แล้ว”
จิงหงส่ายหน้า
ฉู่ชวิ๋นพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ “ตาเฒ่านั่นไม่ตั้งใจสอนหรือยังไง”
“ท่านอาจารย์บอกว่ายังไม่ต้องฝึกอะไรมาก” จิงหงตอบ “ท่านอาจารย์บอกให้ข้าออกไปเก็บประสบการณ์ต่อสู้จริงให้ได้มากกว่านี้เสียก่อน”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าก่อนพูด “ใช่ เธอเพิ่งมาอยู่โลกมนุษย์ได้ไม่นาน แต่เลื่อนระดับพลังเร็วเกินไป ทำให้พื้นฐานยังไม่มั่นคง ตาเฒ่าอ๋าวทำถูกแล้วล่ะ”
จิงหงจ้องมองฉู่ชวิ๋น ในตอนนี้จักรพรรดิอ๋าวหวงเป็นอาจารย์ของเธอแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกไม่ดีต่อชายชราอยู่ดี เธอไม่เข้าใจว่าทำไม
ฉู่ชวิ๋น จู่ ๆ ก็มองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาจริงจัง จนจิงหงตื่นตกใจ ฉู่ชวิ๋น กำลังจะทำอะไรกันแน่?
“จิงหง เธอต้องจำเอาไว้นะ จักรพรรดิอ๋าวเป็นแค่อาจารย์ของเธอ แต่ฉันเป็นสามีของเธอ เพราะงั้นเธอจะต้องอยู่ข้างฉัน เข้าใจไหม”
จิงหงไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้าก่อนหัวเราะพร้อมกับดุฉู่ชวิ๋น “ไปได้แล้ว!”
“อืม…เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะแวะมารับไปปราสาทจตุรเทพนะ” ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับไปตะโกน ในขณะที่เดินออกมาจากภูเขาหลงฉีพร้อมกับจิ่วโยว
…
ระหว่างที่เดินทางกลับ จิ่วโยวมีสีหน้าบูดบึ้ง แง่งอนจนแก้มป่อง
“เป็นอะไรไป?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความเอ็นดู
จิ่วโยวหันมาจ้องมองเขา แต่ก็ไม่ตอบอะไร
“แหม ไม่เจอกันพักเดียว เดี๋ยวนี้เธอเป็นคนพูดน้อยลงไปเยอะเลยนะ”
“คนหลายใจ” เสียงใสของจิ่วโยวพูดด้วยความขุ่นเคือง
ฉู่ชวิ๋นถึงกับไม่อยากเชื่อหู เขาดึงแก้มเด็กหญิงจนมันยืดออกมาเป็นรูปทรงประหลาด
“ใครสอนให้เธอพูดแบบนี้?”
“ดูเอาจากในเน็ต คนแบบนายเขาเรียกกันว่าคนเจ้าชู้หลายใจ” จิ่วโยวพยายามปัดมือของฉู่ชวิ๋นออกไปหลายต่อหลายครั้ง
นี่ก็เป็นเด็กอีกคนที่โดนอินเทอร์เน็ตเล่นงาน! ดูเหมือนว่าถางโร้วกับจิ่วโยว จะต้องถูกสั่งห้ามเล่นอินเทอร์เน็ตเสียแล้ว
“จากนี้ไปเธอห้ามดูละครน้ำเน่าในเน็ตอีกแล้วนะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จิ่วโยวทำตาโตใบหน้าบูดบึ้ง มีแต่เพียงตอนที่อยู่กับฉู่ชวิ๋นเท่านั้นที่เธอจะทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้
ฉู่ชวิ๋นอธิบายที่มาที่ไปของจิงหงให้เด็กหญิงฟัง
จิ่วโยวเงยหน้าจ้องมองตาฉู่ชวิ๋น แววตาของเธอปรากฏความเหยียดหยาม จิงหงเป็นเทพธิดามาจากต่างโลก? แล้วข้ามมิติมาที่โลกมนุษย์?
“นายคงคิดว่าฉันจะเชื่อคำโกหกเหมือนเด็กสามขวบสินะ ฉันบอกนายเองนะว่า ให้ดูละครน้ำเน่าน้อยลงหน่อยและอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงให้มากกว่านี้ แต่นายมันเพ้อเจ้อแล้วละ ใจเย็น ๆ แล้วตั้งสติหน่อย”
“…” ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก เจ้าเด็กคนนี้มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ
เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงวังมังกรเพลิง ก็เรียกประชุมพวกหยานชง ให้จัดการแต่งตั้งถางโร้ว จิ่วโยว และแม่หม้ายสาวทำหน้าที่กวาดล้างหนอนบ่อนไส้ในวังมังกรเพลิง
ในเวลาเดียวกัน ทุกสำนักที่อยู่ในการปกครองของตระกูลฉู่ ก็ได้รับคำสั่งให้จัดการล้างบางหนอนบ่อนไส้เช่นกัน
พวกของถางโร้วไฟแรงมาก พร้อมแสดงฝีมือให้ทุกคนได้ประจักษ์
วันต่อมา
ฉู่ชวิ๋น จิงหง หยานหวูซวง พากันออกเดินทางไปที่ปราสาทจตุรเทพ
เมื่อเครื่องบินร่อนลงจอด ก็เป็นยามดึกสงัดแล้ว ฉู่ชวิ๋นไม่ได้แจ้งเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยว่าเขาจะมา
เพราะว่าอยู่ในสภาวะผีดิบอาละวาด เมืองหลันโจวยามดึกจึงเงียบสงบเป็นพิเศษ มีแต่เพียงคนของปราสาทจตุรเทพกับนายทหารจากกองทัพเท่านั้นที่เดินลาดตระเวนอยู่ตามท้องถนน
ระหว่างทาง พวกของฉู่ชวิ๋นต้องหยุดเท้าลงเมื่อแว่วเสียงการต่อสู้ลอยตามลมมาจากที่ไกลๆ และหลังจากนั้น พวกเขาก็รีบรุดไปยังทิศทางของเสียงทันที
ขณะนี้ ในตรอกที่มืดมิดแห่งหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับผีดิบสามตัว
คนกลุ่มนี้ฝีมือไม่ใช่ชั่ว แต่ละคนล้วนแล้วมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ขึ้นไปทั้งสิ้น
ถึงอย่างนั้น ผีดิบทั้งสามตัวนี้ก็แข็งแกร่งมาก ยิ่งสู้กันนอกจากจะไม่เสียเปรียบแล้ว ยังมีทีท่าว่าพวกมันจะเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าอีกด้วย
“ตายซะเถอะ!”
หนึ่งในกลุ่มคนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ในมือของเขาถือดาบที่ยาวสามฟุตสีเขียวมรกต ซ้ำระดับฝีมือยังสูงส่ง
คนสองคนจะรุมเล่นงานต่อผีดิบหนึ่งตัว
คมดาบส่องแสงเป็นประกายแหวกท้องฟ้ายามราตรี กำปั้นถูกต่อยรัว การต่อสู้ดุเดือดยิ่ง
“ปาเหลียน โจมตีที่หัวของมัน”
ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มผู้ถือดาบจะเป็นหัวหน้ากลุ่มคนเหล่านี้ เขาออกคำสั่งในระหว่างต่อสู้
คนที่ชื่อว่าปาเหลียนเป็นชายร่างกายกำยำ มีพลังระดับจักรพรรดิ ด้วยร่างกายที่แข็งแรง พลังหมัดของเขาจึงหนักหน่วงมาก ชายหนุ่มเดินเข้าหาผีดิบอย่างไม่กลัวตาย
แต่ผีดิบทั้งสามตัวนี้แข็งแกร่งมาก พวกมันเล่นงานจอมยุทธ์คนหนึ่งหงายท้องไปแล้ว
“ปาเหลียน ฝากด้วยนะ ฉันจะไปช่วยพี่จู่เฟย” เด็กหนุ่มตะโกน
ปาเหลียนควงหมัดต่อยหน้าผีดิบ ยิ้มกริ่มตอบกลับ “ได้เลยครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หันกลับมาบอกให้ระวังตัว ก่อนจะหันขวับโถมเข้าไปหาผีดิบตัวหนึ่ง
เด็กหนุ่มเป็นคนมีไหวพริบไม่น้อย ในเมื่อใช้สองรุมหนึ่งไม่ได้ผล ก็ต้องเป็นสามรุมหนึ่งแล้วล่ะ
เด็กหนุ่มตวัดดาบในมือ พลังลมปราณห่อหุ้มคมดาบ คมดาบตัดลงไปบนตัวของผีดิบ บังเกิดเสียงดังฉู่ฉ่า ก่อนจะตามมาด้วยความว่างเปล่า
เปรี้ยง!
เด็กหนุ่มลอยกระเด็นกลับออกมา เมื่อดาบของเขาถูกเจ้าผีดิบยกแขนขึ้นปัดป้องเอาไว้ได้
“ตาย!” เด็กหนุ่มลุกขึ้น ควงดาบกลับเข้าไปอีกครั้ง
พวกเขาสามคนรุมโจมตีผีดิบหนึ่งตัว ไม่นานก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ ผีดิบตัวนั้นส่งเสียงร้องคำรามก่อนที่จะถูกเด็กหนุ่มตัดศีรษะทิ้ง ส่วนร่างกายของมันก็ถูกตัดแยกเป็นหลายส่วนจากบรรดาผู้ติดตามของเขา
ผลั่ก!
ในเวลาเดียวกันนี้ ปาเหลียนส่งเสียงร้องโหยหวน ถูกกรงเล็บของผีดิบตะปบเข้าอย่างจังและเกือบจะโดนควักหัวใจออกมาอยู่แล้ว
“ปาเหลียน” เด็กหนุ่มร้องอุทาน พร้อมกับกระโดดเข้าไปช่วยเหลืออย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
โชคดีที่เขารวดเร็วมากพอ จึงช่วยเหลือคนไว้ได้ทัน
โฮก!
ผีดิบตัวหนึ่งถูกฆ่าตายไปแล้ว ยังคงเหลืออีกสองตัวที่แผดเสียงคำรามกึกก้อง
เด็กหนุ่มสีหน้าแปรเปลี่ยนไปก่อนตะโกนเสียงดัง “รีบฆ่าพวกมันเร็วเข้า นี่เป็นสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือ”
แต่โชคไม่ดีที่ช้าเกินไป หลังจากที่ผีดิบตัวหนึ่งส่งเสียงคำราม ก็มีเสียงคำรามตอบรับกลับมาจากที่ไกลลิบ
เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวบนท้องฟ้ายามราตรี
“เจ้าพวกมนุษย์ผู้ต่ำต้อย พวกเจ้าฆ่าเผ่าพันธุ์ของข้าอีกแล้ว จงตายซะเถอะ!” ผีดิบตัวนี้ยังมาไม่ถึง แต่มวลพลังงานสีดำก็ลอยฟุ้งในอากาศแล้ว
เปรี้ยง…!
หลังจากที่พื้นดินระเบิดขึ้นหลายจุด พวกของเด็กหนุ่มก็ตกตะลึงตาค้าง
“พวกเราถอยก่อน!”
เด็กหนุ่มสีหน้าแปรเปลี่ยนผีดิบตัวนี้น่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
“จะหนีไปไหน พวกแกต้องตาย!”
หมอกสีดำพวยพุ่งเข้ามา แล้วในทันใดนั้นก็แผ่ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมี 100 เมตร
หนึ่งในผู้ติดตามของเด็กหนุ่มคำรามในลำคอพร้อมกับก้าวถอยหลัง มือของเขาบังเอิญไปกระทบถูกหมอกสีดำโดยไม่รู้ตัว ผิวหนังจึงถูกกัดกร่อน เลือดแดงสดไหลทะลักน่ากลัว
“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย กล้าสู้กับเผ่าพันธุ์ของข้าเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ” ผีดิบผู้มาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ ไม่เห็นมนุษย์อยู่ในสายตา
เมื่อเป็นดังนี้ เด็กหนุ่มจึงล้วงหยิบนกหวีดทองคำออกมาเป่าอย่างแรง
เสียงนกหวีดกรีดแหลมแผดดังแสบแก้วหู
แต่เพียงพริบตาเดียว ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็บิดเบี้ยว ไม่เหลือเรี่ยวแรงเป่านกหวีดได้อีกแล้ว
“อยากส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือใช่ไหม?” ผีดิบกระซิบกระซาบเย้ยหยัน “มนุษย์นี่น่ารำคาญเสียจริง เราแค่ต้องการหัวใจของคนธรรมดา ทำไมพวกแกต้องมาขัดขวางด้วย?”
เด็กหนุ่มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ปีศาจร้ายอย่างพวกแกไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้”
“มนุษย์ผู้ต่ำต้อยอย่างพวกเจ้าหลงระเริงคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกใบนี้ แต่ไม่ว่าเป็นใครก็ล้วนทราบดี ตลอดหลายพันล้านปีที่ผ่านมา พวกเจ้ามันก็เป็นได้แค่เพียงทาสผู้โสมมเท่านั้น” ผีดิบพูด
เด็กหนุ่มพลันตวัดดาบ ไม่ได้ฟันไปที่ผีดิบ แต่เขาฟันใส่ท้องฟ้าที่มืดมิด คมดาบเป็นประกายระยิบระยับกลางท้องฟ้ายามราตรี ดูโดดเด่นสะดุดตาราวกับเป็นรัศมีดาวตก
“เจ้ามนุษย์ผู้ชั่วช้า พวกเจ้าต้องตายกันไปให้หมด” ผีดิบคำรามด้วยความโกรธแค้น เข้าใจแล้วว่าประกายดาบเมื่อสักครู่นี้เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือนั่นเอง
ในเวลาเดียวกันนี้ มีคนพบเห็นประกายดาบบนท้องฟ้า เป็นพวกคนอื่นๆ ที่รีบยกกำลังพลมาช่วยเหลือ
“ยังคิดว่าพวกแกจะรอดกลับไปได้อีกไหม?” เด็กหนุ่มหัวเราะเยาะ ดาบในมือของเขาเป็นประกายสว่างจ้า
“ฮึ นอกจากตาแก่เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยแล้ว ใครจะสู้กับข้าได้อีก?” ผีดิบตัวนี้มีความมั่นใจในฝีมือของตัวเองเป็นอย่างสูง เพราะว่ามันมีพลังมากกว่าขั้นจักรพรรดิระดับ 8 เลยทีเดียว
บนชั้นดาดฟ้าของอาคารที่ตั้งอยู่ห่างมาไม่ไกล พวกของฉู่ชวิ๋นทั้งสามคนทอดสายตามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านล่าง พวกเขารับชมการต่อสู้มาได้พักใหญ่แล้ว
“ไอ้ผีดิบตัวนี้มันแข็งแกร่งเกินไป” หยานหวูซวงพูด
“เดี๋ยวฉันไปจัดการเอง” ฉู่ชวิ๋นว่า “มันจะได้ไม่ตามพรรคพวกออกมาอีก”
ฟึบ!
แต่จิงหงกระโดดลงจากชั้นดาดฟ้าไปก่อนใครเพื่อน ร่างของเธอลอยตรงเข้าไปทางผีดิบผู้ร้ายกาจตัวนั้น ดูสง่างามชวนตกตะลึงเป็นที่สุด
เส้นผมสีเงินของเธอปลิวไสว ผิวเปล่งแสงสว่างเรืองรองกลายเป็นรัศมีที่แผ่ออกมาจากร่างกาย หมอกดำกระจายตัวหนีไปเมื่อเธอเคลื่อนกายผ่าน
ในช่องว่างระหว่างฝ่ามือของเธอ ปรากฏแส้สีขาวเป็นประกายสว่างไสว
ควับ! ควับ!
หัวของผีดิบตัวหนึ่งถูกตัดขาดลอยกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศ
ก่อนหน้านี้พวกมันมีอยู่ด้วยกันสามตัว ตอนนี้เหลือเพียงสองแล้ว อดรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาไม่ได้
ใบหน้าของผีดิบที่มีพลังเทียบเท่าขั้นจักรพรรดิระดับ 8 กระตุกเต้นระริก มันเห็นกับตาว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธ์กลายเป็นผีหัวขาดไปอีกศพ จึงถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“โฮก!” มันคำรามด้วยน้ำเสียงดุร้าย
เด็กหนุ่มตกตะลึงจ้องมองหญิงสาวอย่างเหลือเชื่อ หญิงสาวผมเงินผู้สวยงามคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวก็ตัดหัวผีดิบได้ง่ายดายนัก ไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้ให้ยืดเยื้อเลย
แส้ขาวของจิงหงสะบัดตัวในอากาศ หมอกดำที่โอบล้อมรอบกายพวกเด็กหนุ่มอยู่กระจายหายไปทันที
“รีบหาที่ซ่อนตัว” จิงหงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ได้ยินดังนั้น พวกของเด็กหนุ่มก็รีบหลบเข้าที่ปลอดภัย
ควับ!
แส้ขาวพุ่งเป็นเส้นตรงตัดอากาศเหมือนลูกกระสุนสีขาว มันพุ่งตรงเข้าไปหาผีดิบที่ยังเหลืออยู่ทั้งสองตัว
ผีดิบตัวซ้ายมือร้องคำราม หมอกดำแผ่ออกมาปกคลุมร่างกาย กรงเล็บแหลมยาวเอื้อมมาคว้าจับแส้ขาว
แส้ขาวพลันเกี่ยวรัดพันแขนของมันเหมือนกับงูตัวหนึ่ง รัดพันสูงขึ้นไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว
โผละ!
เสียงกะโหลกแตก แส้ขาวเจาะทะลุเข้าไปที่หว่างคิ้วของผีดิบโดยตรง
ตุบ!
ร่างของผีดิบล้มหน้าฟาดพื้นกระแทกอย่างแรงจนพื้นถนนเกิดเป็นรอยแตกร้าว