ตอนที่ 760 รู้หรือเปล่าอิ๋งจื่อจินก็คือเทพพยากรณ์
แต่ใบหน้านั้นกลับทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน
ผู้วิเศษนักพรต! ซิว เคนเซล!
สมองของหลิงอวี่ตื้อไปหมด ราวกับมีผึ้งหมื่นตัวมาบินอยู่ข้างหู
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อหลายวันก่อนหนิงรั่วบ่นให้เขาฟังว่ามีชาวร็อคหัวแดงจอดรถไม่ดูตาม้าตาเรือ
เขายังแกล้งแซวไปว่า ถ้าผมเป็นสีน้ำเงินเทา เขาคงคิดว่าเป็นผู้วิเศษนักพรตแล้ว
หลิงอวี่ถลึงตามองผมสีแดง ช็อกไปชั่วขณะ
ใช่ผู้วิเศษนักพรตจริงด้วย!
ผู้วิเศษที่ถูกชาวเมืองแห่งโลกยกย่องสูงส่ง ทำไมถึงได้เป็นเพื่อนกับมนุษย์ธรรมดาอย่างอิ๋งจื่อจิน รวมถึงฟู่อวิ๋นเซินด้วย ล้อเล่นอะไรน่ะ
นี่มันเกินกว่ากระบวนการรับรู้ของเขา
อายุขัยของผู้วิเศษยี่สิบสองคนยาวนานมาก
ช่วงเวลาหลายสิบปีของมนุษย์ทั่วไปที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วกลับดูช้าสำหรับพวกเขา
“ท่านนักพรต!” หลิงอวี่หวาดกลัวขั้นสุด ปากสั่นฟันกระทบกัน คำนับอย่างบ้าคลั่ง “ท่านนักพรต ไว้ชีวิตด้วย โปรดไว้ชีวิตด้วยครับ!”
ซิวมองสำรวจหลิงอวี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า “นายเป็นใคร”
เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับหลิงอวี่เลยจริงๆ
“ศะศูนย์ศูนย์หกครับ ผมรหัสศูนย์ศูนย์หก!” หลิงอวี่พูดผิดพูดถูก ตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม “ท่านนักพรต ผมมีหน้าที่ดูแลเว็บดับบลิวกับเว็บบอร์ดเอ็นโอเคทุกวันเสาร์ครับ!”
“ศูนย์ศูนย์หกเองเหรอ” ซิวพยักหน้าเบาๆ “สองคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง ในตัวมีสัญลักษณ์อะไรหรือเปล่า”
ฟู่อวิ๋นเซินถือช้อนชงค็อกเทลสีเงินกำลังผสมค็อกเทล เงยหน้าอย่างขี้เกียจ “ไม่ต้องถามหรอก เขาไม่รู้จัก”
ซิวขมวดคิ้ว “ก็จริง”
เก็บซ่อนตัวดีขนาดนั้น ใช่ว่าหลิงอวี่จะมีสิทธิ์ได้เข้าถึง
“ท่านนักพรต ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” หลิงอวี่ลนลาน “ผมไม่รู้ฤทธิ์ยานั่นจริงๆ ครับ อีกทั้งอยู่ๆ ผมก็ถูกท่านเทพพยากรณ์ระงับแอ๊กเคานท์ปลดออกจากตำแหน่งด้วยครับ!”
“อ่อ” ซิวได้ฟังก็แสยะยิ้ม “งั้นนายรู้หรือเปล่าว่าคุณหนูใหญ่คนนั้นที่นายคิดไม่ซื่อก็คือท่านเทพพยากรณ์ที่นายพูดถึง”
“เธอก็แค่ปลดนายออกจากตำแหน่ง นาย ยังอยากเข้าหาเธออีกเหรอ”
คำพูดนี้ราวกับมีเสียงฟ้าผ่าอยู่ข้างหูหลิงอวี่ ดังเปรี้ยงปร้างจนสมองของเขาว่างเปล่า
ดวงตาของหลิงอวี่เบิกโพลงอย่างรุนแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ทะ ท่านนักพรต ท่าน ว่าอะไรนะครับ”
อิ๋งจื่อจินคือเทพพยากรณ์เหรอ
แต่เทพพยากรณ์ก็มีอายุขัยที่ยืนยาว ทำไมถึงเป็นเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีได้
หลิงอวี่สับสนไปหมด แต่ลำดับเวลาเรื่องที่เกิดกลับชัดเจนขึ้นมาในชั่วขณะ
มิน่าหลังจากที่เขาระงับแอ๊กเคานท์ของตระกูลเรนเกล เทพพยากรณ์ก็โต้กลับด้วยการระงับแอ๊กเคานท์ผู้ดูแลของเขา
ต่อมาเขาก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ดูแล ที่แท้ก็เพราะเขาเซฟรูปของอิ๋งจื่อจิน
ถ้าอิ๋งจื่อจินคือเทพพยากรณ์ ทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว
แต่อายุมันไม่สอดคล้องกันอย่างสิ้นเชิง!
ถ้าเขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินคือเทพพยากรณ์ ให้ความกล้าเป็นร้อยเขาก็ไม่กล้าคิดอะไรด้วยทั้งนั้น
นั่นบุคคลระดับบรรพบุรุษเชียวนะ
ซิวพยายามข่มความโกรธ ถีบออกไปหนึ่งที “ขนาดฉันยังต้องให้เกียรติเธอ แล้วนายเป็นใคร”
ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินช่วยเขาไว้มาก
พยากรณ์ภัยพิบัติได้ทันเวลา ทำให้เขา พลัง และยุติธรรม มีเวลาที่จะช่วยชีวิตพลเมืองบนโลกไว้
อีกทั้งยังช่วยชีวิตพวกเขาไว้หลายครั้ง
สุดท้ายผู้วิเศษก็ไม่ใช่เทพที่ตายไม่ได้ เมื่อต่อสู้กับภัยธรรมชาติอีกก็บาดเจ็บได้ เจ็บป่วยได้
ซิวให้เกียรติอิ๋งจื่อจินมาตลอด
หลิงอวี่สติแตกแล้ว “ผะ ผมไม่รู้…ผมไม่รู้ครับ!”
เขาทรุดลงบนพื้น เหงื่อแตกท่วมเสื้อผ้าเปียก
นับตั้งแต่เขามีความคิดที่จะทำร้ายคนอื่น ทุกอย่างมันก็ย้อนกลับไม่ได้แล้ว
ซิวลุกขึ้น หันไปสั่งคนคุ้มกันทั้งสอง “เอาไปขังไว้”
คนคุ้มกันทั้งสองขานรับ ลากหลิงอวี่ออกไป
ปล่อยเขาร้องโวยวายด้วยความทุกข์ทรมาน ไม่เปิดโอกาสให้เขาดิ้นรนใดๆ ทั้งสิ้น
มีผู้วิเศษนักพรตอยู่ ย่อมไม่มีใครหาหลิงอวี่เจอ
เท่ากับว่าเขาได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้ว
ตรงบาร์เงียบลงทันตา เหลือเพียงฟู่อวิ๋นเซินกับซิวแค่สองคน
ซิวค่อยๆ ถอนหายใจ ยังไม่หายโมโห “ขยะ”
ฟู่อวิ๋นเซินผสมค็อกเทลเสร็จ ดันไปให้ “คุณคุมไม่ได้ทุกคนหรอก”
“ยังดีนะที่ผมมีผู้ดูแลแค่เจ็ดคน เวลาจัดการก็สะดวกหน่อย” ซิวถอนหายใจ เขามองใบหน้าหล่อเหลาของฟู่อวิ๋นเซินแล้วพูดติดตลก “คุณฟู่ ผมกำลังคิดว่า คุณก็เป็นผู้วิเศษด้วยหรือเปล่า”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “หืม?”
“ยิ้มแบบนี้ผมกดดันหนักเลยนะ” ซิวจิบค็อกเทลให้หายตกใจ “มีแค่อัศวินรถม้าที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้”
แต่ฟู่อวิ๋นเซินเข้าสำนักผู้วิเศษหลายครั้งแล้ว ความทรงจำกับพลังก็ยังไม่กลับมา
ซิวก็เลยตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้ง
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ
เขาก้มหน้า กวาดตามอง เห็นรูปถ่ายที่อยู่บนโต๊ะ
มือชะงัก ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง “เจ้าชะตาน้อยเหรอ”
“ก็คือวงล้อแห่งโชคชะตา เธอยังเด็ก” ซิวยิ้ม “ผู้วิเศษทุกคนที่สนิทกับเธอต่างเรียกเธอแบบนี้ ฉายาของเธอมันยาวไป เรียกเต็มแล้วลำบาก”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ซิวก็ชักสนุก “ผมจะให้คุณดูอัลบั้มรูปน้องสาวผม”
เขาออกไปดุจสายลมแล้วกลับมาอีกครั้ง ในมือมีอัลบั้มรูปเล่มหนา
ในนั้นเป็นภาพเหมือนของวงล้อแห่งโชคชะตา
ซิวเศร้าเล็กน้อย “ตอนเธอจากไป กล้องถ่ายรูปยังไม่ถูกคิดค้นขึ้นมา”
ทำได้เพียงวาดภาพเหมือนเอาไว้
ต่อมาเขาได้ทำเป็นรูปถ่ายเก็บไว้
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “เจ้าชะตาน้อย”
มือของเขาแตะรูปถ่าย สีหน้าเรียบเฉย
“ไปล่ะ” สักพักเขาก็ยืนขึ้น “ยังมีงานเลี้ยงอีก”
“ไปเถอะๆ” ซิวส่ายมือ “ผมไม่ไปเป็นกอขอคอหรอก”
เขามองส่งฟู่อวิ๋นเซินออกไป ดื่มค็อกเทลในแก้วจนหมดแล้วมองแก้วเปล่า
อร่อยดีนะ
ครั้งหน้าเขาขอคำแนะนำดีกว่าว่าผสมยังไง
ซิววางแก้วลง เก็บอัลบั้มรูป
อีกด้านของเคาน์เตอร์บาร์กลับว่างเปล่า
ซิว “…”
รูปถ่ายน้องสาวสุดที่รักของเขาล่ะ!
…
งานเลี้ยงของตระกูลเรนเกลยังคงดำเนินต่อ
คุณชายห้ารอแล้วรอเล่า ในที่สุดฟู่อวิ๋นเซินก็กลับมา
เขารีบเดินเข้าไปหาทันที ชี้กลุ่มคนที่เข้าคิวยาวอยู่ไม่ไกล “แย่แล้วพี่ใหญ่ คนพวกนั้นอยากสู่ขอพี่สะใภ้ใหญ่ คู่แข่งพี่มีกี่ทีมฟุตบอลกันเนี่ย”
ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามอง ไม่ได้รู้สึกเป็นภัยอะไร เขาตอบอย่างใจเย็น “ฉันรู้จักคนคนนึง เขาเหมือนนายมากยกเว้นเรื่องชอบใช้กำลัง”
“ใช้กำลังไม่เป็นเหรอ” คุณชายห้างง “งั้นเหมือนกันยังไง”
“ซื่อบื้อเหมือนกัน”
“…”
คุณชายห้าน้อยใจ
พออิ๋งจื่อจินกลับมาแบบนี้ก็มีตระกูลใหญ่มากมายอยากสู่ขอ
ไม่ว่าจะหน้าตาหรือความสามารถ อิ๋งจื่อจินล้วนไม่ด้อย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่เธอจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลเรนเกลคนต่อไป
ซู่เวิ่นถูกแขกสูงศักดิ์หลายสิบคนล้อมไว้ แต่ไม่ลนลานแม้แต่น้อย
เธอให้คนรับใช้เอาชามาเสิร์ฟแล้วบอกให้คนเหล่านี้นั่งลง
มีคนทนไม่ไหว พูดขึ้นก่อน “คุณนายใหญ่ครับ พูดอะไรหน่อยสิครับ ต่อให้แต่งเข้าก็ไม่ได้มีปัญหา”
“นั่นสิๆ หรือจะทำการแข่งคัดเลือกพวกเราก็พร้อมแข่งนะครับ”
มีเสียงพูดดังขึ้นต่อเนื่อง
“ฉันน่ะ เพิ่งได้ลูกสาวกลับมาไม่นาน เรื่องแต่งงานอะไรนั่นระยะนี้คงยังไม่คิดค่ะ” ซู่เวิ่นยิ้ม “ตอนนี้เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าแล้ว วิธีรักษาทางการแพทย์ก็มีมากมาย อายุเฉลี่ยของคนก็ร้อยปีขึ้นไป เรื่องนี้เลยยังไม่รีบค่ะ”
พวกคุณชายมองหน้ากัน
คุณชายห้าพูดเสียงเบา “พี่ใหญ่ แม่ยายเก่งมากเลย วิธีนี้กำจัดศัตรูหัวใจให้พี่ได้ตั้งเท่าไร”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขาแล้วเดินขึ้นชั้นบน
ภายในห้องนอน
อิ๋งจื่อจินนอนคว่ำอยู่บนเตียง กำลังดูละครอยู่
พอได้ยินเสียงเธอก็หันไป “กลับมาแล้วเหรอ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งลงข้างตัวเธอ พูดเสียงเบามาก “เจ้าชะตาน้อย…”
อิ๋งจื่อจินได้ยินไม่ชัด “คุณว่าอะไรนะ”
“พี่ชายบอกว่า…” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม สายตาอ่อนโยน “ต่อให้เธอกลับไปเกิดใหม่อีกรอบ พี่ชายก็ยังจำเธอได้”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ฉันไม่มีตำหนิอะไรเสียหน่อย จะจำได้ได้ยังไง”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบเสียงเนือย “ยังไงก็จำได้”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณดูแปลกๆ”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรอีก เขากางแขนออก “งีบสักหน่อย”
“เพิ่งสองทุ่ม”
“ง่วงแล้ว”
อิ๋งจื่อจินพับคอมพิวเตอร์แล้วนอนหงาย “งั้นจะให้กอดแล้วกัน”
“เด็กดี” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอแล้วปิดไฟ
ทั้งสองคนกอดกันหลับไป
…
ไม่กี่วันต่อมา
สำนักวิจัย
โปรเจ็กต์ใหม่สิ้นสุดลง ถึงเวลาส่งรายงานโปรเจ็กต์
มั่วเฟิงที่โดนพักงานไปสองสัปดาห์กลับมาแล้ว
“อาจารย์ กลับมาแล้วเหรอคะ” บิลดีใจ เดินเข้าไปหา “ลองดูผลโปรเจ็กต์ครั้งนี้สิคะ”
ไม่มีคำชี้แนะจากมั่วเฟิง เธอก็ไม่แน่ใจว่าครั้งนี้จะเลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอสได้สำเร็จหรือเปล่า
มั่วเฟิงแค่พยักหน้าให้บิลเล็กน้อยแล้วเดินผ่านเธอไปหาอิ๋งจื่อจินอีกด้านหนึ่ง
บิลตัวแข็งขึ้นมาทันที
“นักศึกษาอิ๋ง” มั่วเฟิงเรียก “เรื่องเมื่อก่อน อาจารย์ขอโทษเธอจากใจจริง”
หยุดเล็กน้อยแล้วถามต่อ “ตั้งแต่เธอเข้าสำนักวิจัยมายังไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาใช่ไหม”