ตอนที่ 772 ไลฟ์สด!
ตัวเซ่าอิ่งเองก็ไม่ชอบปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน
แต่ตอนที่ยังอยู่ตระกูลอวี้ คุณนายผู้เฒ่าอวี้ชอบโอ้อวด มักบีบบังคับให้เซ่าอิ่งออกไปปรากฏตัว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นที่รู้จักพอสมควร
กอปรกับหน้าตาที่หล่อเหลา เป็นชายในฝันของสาวๆ จำนวนมาก
อิทธิพลของแอ๊กเคานท์นี้ค่อนข้างมาก เพียงชั่วพริบตาทำหน้าหลักแทบระเบิด
[?]
[อิ๋งจื่อจินก็คือเอสวายเหรอ ฉันไม่ได้อ่านผิดใช่ไหม]
[ถ้าอิ๋งจื่อจินเป็นเอสวาย งั้นเธอเอาผลงานของตัวเองไปส่งเป็นโปรเจ็กต์ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร]
[กรี๊ดดด เทพอิ๋งก็คือเทพอิ๋ง!]
[พอใจแล้วหรือยัง ท่านเทพพูดน้อย ขนาดตอนไลฟ์สดยังไม่พูด พวกเธอกล้ากุเรื่องขนาดนี้ รอท่านเทพไลฟ์สดครั้งหน้า พวกเธอคงไม่รู้จะเอาหน้าไปวางที่ไหน]
[ไม่ต้องสนอย่างอื่น เอาเป็นว่าพอถึงเวลาโหวตหัวหน้าตระกูล ฉันจะเลือกแค่คุณไชโลห์ คุณไชโลห์มีสามผู้วิเศษเป็นอาจารย์ อิ๋งจื่อจินมีอะไร]
หลังจากไชโลห์ออกมาอย่างเป็นทางการก็ได้เปิดแอ๊กเคานท์ในเว็บดับบลิว
เดือนหน้าจะเริ่มแข่งคัดเลือกหัวหน้าตระกูล เธอต้องสร้างฐานอิทธิพลให้ตัวเอง
การคัดเลือกหัวหน้าตระกูลครั้งนี้ชาวเมืองทั้งหมดก็มีส่วนร่วม คะแนนจากชาวเมืองก็เป็นส่วนที่สำคัญมากเช่นกัน
ถึงแม้ไชโลห์จะยังไม่ปรากฏตัวให้เห็น แต่ลำพังแค่ประวัติของเธอก็ดึงดูดคนจำนวนไม่น้อยให้ติดตามได้แล้ว
อย่างไรเสียคำว่าผู้วิเศษก็เท่ากับเป็นเทพในสายตาชาวเมืองเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
ไชโลห์กำลังให้ความสนใจหัวข้อที่เป็นประเด็นในครั้งนี้
เธอไม่ต้องสืบก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของบิล
“ท่านหอคอยพูดถูก จิตใจของมนุษย์เป็นสิ่งที่เอามาใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด” ไชโลห์ยิ้มพลางถอนหายใจ “ดูสิ ฉันแค่พูดส่งเดชไม่กี่ประโยค บิลก็รับไม่ได้แล้ว”
“ส่วนฉัน ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องลงแรง แค่ดูพวกเขาฆ่ากันเองก็พอแล้ว”
คนในตระกูลเรนเกลที่เป็นภัยต่อเธอก็มีแค่อิ๋งจื่อจินกับซีนายเท่านั้น
พ่อบ้านยิ้ม “คุณไชโลห์ปราดเปรื่องมากครับ เดี๋ยวรอถึงตอนคัดเลือกหัวหน้าตระกูล ไม่มีทางทำให้ท่านจักรพรรดินีผิดหวังแน่นอนครับ”
“แน่นอน” ไชโลห์พูด “นอกจากเรื่องวิศวกรรมเครื่องกลที่ฉันสู้อิ๋งจื่อจินไม่ได้ เรื่องอื่นยัยนั่นมีเหรอจะสู้ฉันได้”
ท่านหอคอยถ่ายทอดวิชาการต่อสู้ให้เธอด้วยตัวเองเชียวนะ
ผู้วิเศษลำดับที่สิบเจ็ด ผู้วิเศษหอคอย
ผู้วิเศษประเภทต่อสู้ ฝีมือการต่อสู้สูงมาก
อีกทั้งในไพ่ทาโรต์ทั้งสำรับ หอคอยแสดงถึงการทำลายล้าง
ฝีมือการต่อสู้ของผู้วิเศษหอคอยล้ำเลิศขนาดไหน ไม่ต้องบอกก็รู้
“คุณไชโลห์ครับ คุณได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากบรรดาท่านผู้วิเศษเป็นอย่างดี ย่อมไม่มีใครเทียบคุณได้” พ่อบ้านพูดต่อ “ท่านจักรพรรดินีส่งผมมาเพื่อบอกว่า ระยะนี้คุณไชโลห์ห้ามกลับไปที่สำนักผู้วิเศษแล้วครับ”
เขาหยุดเล็กน้อย “ท่านพระจันทร์กับท่านเหยียนกลับมาแล้ว ท่านจักรพรรดินีกำลังปวดหัวเรื่องนี้อยู่ครับ”
“ท่านพระจันทร์กับท่านเหยียนเหรอ” ไชโลห์อึ้งก่อน จากนั้นก็ตะลึง “สองท่านนี้คือ?”
“ผู้วิเศษพระจันทร์กับผู้วิเศษพระอาทิตย์ครับ” พ่อบ้านไม่พูดอะไรมาก แค่บอกอย่างอ้อมค้อม “ท่านพระจันทร์นิสัยค่อนข้างฉุนเฉียวง่าย ห้ามมีเรื่องด้วยครับ”
โดยเฉพาะการที่มีผู้วิเศษพระอาทิตย์คอยปกป้องเป็นอย่างดี ปกป้องคนของตัวเองโดยไม่ฟังเหตุผลทั้งนั้น
แถมทั้งสองคนยังเป็นคู่รัก รู้ใจกันเป็นอย่างดี
ไชโลห์หรี่ตา “เข้าใจแล้ว”
เธอเข้าไปเรียนในสำนักผู้วิเศษมายี่สิบกว่าปี ย่อมรู้จักนิสัยผู้วิเศษแต่ละคน
ไว้อีกสักพักเธอกลับเข้าสำนักผู้วิเศษค่อยไปทำความรู้จักสองผู้วิเศษที่ว่านี้หน่อย
…
เวลาห้าโมงเย็น อิ๋งจื่อจินทดสอบสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ของคณบดีนอร์แมนเสร็จก็ออกจากสำนักวิจัย
คณบดีนอร์แมนถอนหายใจ “เฮ้อ ก็ไม่รู้ว่าตอนยังมีชีวิตอยู่ฉันจะคิดค้นยานอวกาศข้ามจักรวาลออกมาได้หรือเปล่า สงสัยเรื่องนี้คงต้องพึ่งหนุ่มสาวอย่างพวกเธอแล้ว”
เทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วมาก แต่จักรวาลก็กว้างใหญ่เกินไป
จนถึงตอนนี้พวกเขาทำได้แค่ออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือกไปอีกกาแล็กซีได้เท่านั้น
แม้แต่ขอบจักรวาลนี้ก็ยังไปไม่ถึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระโดดไปอีกจักรวาลหนึ่งเลย
โปรเจ็กต์นี้ยากและยิ่งใหญ่เหลือเกิน
“อาจารย์คะ เดือนหน้าหนูจะออกไปนอกเมืองหน่อยค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “อยากออกไปเดินเที่ยวหน่อยไหมคะ”
“ได้เหรอ” คณบดีนอร์แมนดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “เธอเคยบอกว่าประเทศจีนมีอยู่ที่หนึ่งที่ใครๆ ก็เหาะได้”
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธออยากให้คณบดีนอร์แมนมีสุขภาพแข็งแรง แต่เขากลับคิดแต่จะเหาะ
ขณะพูด อยู่ๆ คณบดีนอร์แมนก็มีสีหน้าหม่นลง “อาจารย์คงไปไม่ได้หรอก อาจารย์ไม่มีบัตรผ่านออกไป”
พูดให้น่าฟังหน่อยคือ สำนักผู้วิเศษให้ความสำคัญกับเขา
พูดให้แย่หน่อยคือ เขาถูกขังอยู่ในเมืองแห่งโลก
“อาจารย์ไม่ต้องกังวลเรื่องบัตรผ่านค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “มีศาสตราจารย์คนหนึ่งก็วิจัยเรื่องนี้อยู่ อาจารย์จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขา หนูเองก็ร่วมโปรเจ็กต์ของเขาอยู่ค่ะ”
คณบดีนอร์แมนระแวงขึ้นมาทันที “เขาคงไม่ได้คิดจะแย่งลูกศิษย์ของฉันหรอกนะ!”
อิ๋งจื่อจิน “…ไม่ใช่ค่ะ”
“งั้นก็โอเค” คณบดีนอร์แมนโล่งอก “ความคิดแบ่งปันกันได้ แต่แบ่งปันลูกศิษย์ไม่ได้!”
โทรศัพท์สั่นในเวลานี้
อิ๋งจื่อจินก้มมอง พบว่ามีสายไม่ได้รับหลายสาย
เธอกดรับสายที่เพิ่งโทรเข้ามา “ฮัลโหล”
“พี่ครับ” เซ่าอิ่งพูด “พี่มีเวลาไลฟ์สดไหม”
“หืม?” อิ๋งจื่อจินฟังแค่ประโยคเดียวก็เดาได้ “มีคนกระจายข่าวในเน็ตว่าฉันเอาผลงานของเอสวายไปส่งโปรเจ็กต์เหรอ”
“ใช่ครับ” เซ่าอิ่งขมวดคิ้ว “สถานการณ์ไม่เข้าข้างพี่เลยครับ”
“มีเวลา” อิ๋งจื่อจินมองนาฬิกาข้อมือ “ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
เดิมทีเธอต้องกินข้าวเย็นกับซู่เวิ่นแล้วไปบาร์กับฉินหลิงอวี๋
“หนูไปก่อนนะคะอาจารย์” อิ๋งจื่อจินจับโทรศัพท์มือถือ “ออกกำลังกายบ่อยๆ นะคะ”
“อ่อๆ ไปเถอะๆ” คณบดีนอร์แมนพยักหน้าแล้วถูมือ “เอ่อคือ ขอกินลูกอมอีกได้ไหม”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา กอดกระเป๋าแน่น “ไม่ให้ค่ะ”
คณบดีนอร์แมน “…”
ลูกศิษย์ของเขาชักจะไม่น่ารักขึ้นทุกวันแล้ว
…
ตระกูลเรนเกล
พ่อบ้านมองเลขากดระงับแอ๊กเคานท์พลางพูดด้วยความโมโห “พวกนักเลงคีย์บอร์ด ขยะทั้งนั้น อยากจะซัดให้ฟันร่วง!”
เขาหันไป พอเห็นอิ๋งจื่อจิน สีหน้าก็เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ยิ้มแย้มเข้าไปต้อนรับ “คุณหนูใหญ่!”
“เยาเยา” ซู่เวิ่นรีบเดินเข้าไปหา “น้องชายลูกช่วยชี้แจงให้แล้ว แต่มีหลายคนที่ไม่เชื่อ ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่รอลูกไลฟ์สดอยู่”
“มาแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินกอดซู่เวิ่น ยิ้มพลางพูด “อยากกินซี่โครงราดซอสเปรี้ยวหวานค่ะ”
ซู่เวิ่นถูกเบนความสนใจทันที ยิ้มออก “ได้จ้ะ แม่จะไปทำให้เดี๋ยวนี้”
เธอมองไปด้านหลัง “อวิ๋นเซินล่ะจ๊ะ
“จอดรถอยู่ค่ะ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “แม่อยากให้หนูรีบแต่งออกไปเร็วๆ ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
ซู่เวิ่นกระแอม “แม่ลืมบอกเรื่องนี้กับลูกไป แม่ละเลยเอง คิดว่าพวกลูกก็รู้จักกันมานานแล้ว ตอนนั้นแม่กับพ่อของลูกรู้จักกันได้สามเดือนก็หมั้นกันแล้ว”
“คราวก่อนคุยเรื่องฤกษ์ดีกับคุณเวิน ได้เป็นกลางเดือนหน้า แม่เตรียมการทั้งหมดไว้แล้วจ้ะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ค่ะ หนูไปไลฟ์สดก่อนนะคะ”
“คุณหนูใหญ่น่ารักที่สุดสวยที่สุดแล้ว คนพวกนั้นตาบอดกันหมด” พ่อบ้านยืนอยู่ด้านหลังเธอ พูดด้วยความโมโห “ถ้าไม่ติดว่าคุยกันในเน็ตนะ ผมคงซัดพวกเขาเอาให้หน้าบวมตุ่ย”
“ไม่จำเป็นต้องถือสาคนแบบนี้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินเดินไปที่ห้องหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์ “คนที่อยู่หลังคีย์บอร์ด เราไม่รู้หรอกค่ะว่าคนหรือผี”
พ่อบ้านยังไม่ทันพูดต่อก็เห็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขานั่งลง ล็อกอินเข้าแอ๊กเคานท์หนึ่ง
ดูเหมือนมุมขวาบนของแอ๊กเคานท์จะมีแสงสีทองแวบผ่าน แต่พ่อบ้านเห็นไม่ชัดว่าคืออะไร
อิ๋งจื่อจินล็อกอินเข้าไป แพลตฟอร์มหลังบ้านของห้องไลฟ์สดมีข้อความเด้งขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน
[ท่านเทพ มีเด็กคณะวิศวะคนหนึ่งซื้อผลงานของท่านเทพแล้วเอาไปส่งเป็นโปรเจ็กต์ของตัวเอง ท่านเทพรู้หรือเปล่า]
[ท่านเทพ ตระกูลเรนเกลบอกว่าท่านเทพคือคุณหนูใหญ่ของพวกเขา ท่านเทพว่าตลกไหมล่ะ]
[ท่านเทพรีบออกมาสยบข่าวลือเร็วเข้า อย่าให้คนแบบนี้สวมรอยเอาผลงานของท่านเทพไปอีก]
นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะเบาๆ เปิดไลฟ์สด
ในขณะที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กำลังดุเดือดขั้นสุด กอปรกับมีคนปั่นกระแสอยู่ลับๆ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของชาวเมืองแห่งโลกต่างกำลังจับตาดูอยู่
เอสวายไลฟ์สดไม่บ่อย อย่างมากแค่สัปดาห์ละครั้ง
พอเริ่มไลฟ์สด ในเวลาไม่กี่วินาทีก็มีผู้ชมเข้ามาร่วมแสนคน
เว็บดับบลิวมีแนวโน้มจะค้าง
ข้อความทะลักเข้ามาไม่หยุด
[ท่านเทพ ในที่สุดก็ออนไลน์แล้ว รีบมาสั่งสอนพวกเด็กรุ่นหลังที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเร็วเข้าครับ!]
[ท่านเทพ ไลฟ์สดเผยหน้าเลยครับ เปิดเผยใบหน้าเป็นวิธีตบหน้าที่ได้ผลที่สุดครับ]
[+1111]
ตอนนี้ภาพในไลฟ์สดเหมือนตอนปกติ เห็นแค่โต๊ะ
ชาวเน็ตก็แค่พูดเรื่อยเปื่อย ไม่ได้คาดหวังจริงว่าเอสวายจะเปิดเผยใบหน้า แค่เธอยืนยันตัวตนได้ก็พอแล้ว
แต่ในขณะนั้นเองกล้องก็เคลื่อนขึ้น
จากข้อศอกไปยังลำคอยาวระหงจนถึงใบหน้า
เห็นใบหน้าอันงดงามของอิ๋งจื่อจินชัดเจน สีหน้าเรียบเฉย
ขยายภาพไปที่ใบหน้าของเธอ พลังทำลายล้างขึ้นถึงขีดสุดในเวลานี้
สวยตะลึงพาให้วิญญาณหลุดจากร่าง
“รู้” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “ตลกดีนะ”