ตอนที่ 461 เพลงประกอบ
เช้าตรู่ ตอนที่ลู่เฉินตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทันทีที่ลืมตาเขามองเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์นอนขดตัวอยู่ในอ้อมอกของตัวเอง คนหลังยังนอนหลับสนิท มุมปากยังมีรอยยิ้มจางๆ
ลู่เฉินกระชับแขนสวมกอดเธอให้แน่นขึ้น แล้วสูดดมกลิ่นหอมที่คุ้นเคยของแฟนสาว ไม่อยากลุกขึ้นเลย
“ฮัดชิ้ว!”
ทว่าเส้นผมที่ดื้อซนเส้นหนึ่งแตะมาที่จมูกของลู่เฉินโดยไม่ตั้งใจ เขาจึงจามออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
ผลปรากฏว่าปลุกเฉินเฟยเอ๋อร์ให้ตื่นขึ้นมา
ลู่เฉินคลึงจมูกอย่างรู้สึกไม่ดี แล้วยิ้มถามว่า “ตื่นแล้วเหรอ ไม่นอนต่ออีกเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ส่ายหน้า ร่างเพรียวบางขยับตัวติดลู่เฉินอย่างขี้เกียจเนือยๆ แล้วพูดเสียงอิดออดว่า “วันนี้ยังต้องถ่ายละครอีก”
ทำงานในกองถ่ายของผู้กำกับจางเค่อ อยากจะนอนขี้เกียจเป็นความคิดที่เพ้อฝันมาก ไม่ว่าคุณจะดังแค่ไหน ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของเขาเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นตัวเองก็เก็บของกลับบ้านไปคือตัวเลือกที่ชาญฉลาดที่สุด
เมื่อวานจางเค่อก็เตือนแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่กล้าประมาท
”เฮ้อ!”
ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
วิ่งมาเยี่ยมถึงกองถ่ายที่อยู่ในทุ่งหญ้ามองโกเลียที่ห่างไกล เขาอยากจะอยู่กับเฉินเฟยเอ๋อร์ตลอดเวลา ท่องเที่ยวดูทัศนียภาพที่สวยงามบนทุ่งหญ้าด้วยกัน ผลสุดท้ายเป็นแค่ความฝันเพ้อเจ้อเท่านั้น
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะหึๆ หันหน้าไปจูบแฟนหนุ่มเพื่อปลอบใจ
แบบนี้จะพอที่ไหนกัน!
ลู่เฉินกดเธออยู่ใต้ร่างของตัวเอง รีบทำเวลาปฏิบัติเรื่องที่ยากจะบรรยายได้ จะว่าไปเวลาส่วนใหญ่ของเมื่อคืนถูกใช้ไปอย่างเสียเปล่า เป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจให้อภัยได้
ห่างกันครึ่งเดือนกว่า อารมณ์รักของเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ลุกโชนดั่งไฟ ตอบรับเขาอย่างกระตือรือร้น
“พี่เฟยเอ๋อร์ พี่ลู่เฉิน!”
ขณะที่อารมณ์พิศวาสของทั้งสองคนกำลังลุกลามไม่อาจยับยั้งได้ เสียงตะโกนที่สดใสก็ดังมาจากนอกกระโจม
“พวกพี่ตื่นหรือยังคะ”
เก๋อเกินถ่าน่า!
ลู่เฉินที่กำลังจะยิงธนูรู้สึกเหมือนถูกกะละมังน้ำเย็นราดศีรษะทันทีทันใด เขาอดไม่ได้ที่จะสบถด่าเบาๆ
แบบนี้เรียกว่าอะไรกันวะ!
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ กลอกตาใส่เขาอย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะดิ้นและพลิกตัวลงจากเตียง คลุมเสื้อแล้วเดินออกไป “น้องเก๋อเกินถ่าน่า มีเรื่องอะไรเหรอ”
ที่แท้เก๋อเกินถ่าน่าเอาอาหารเช้ามาส่งพวกเขาสองคน มีชานม แป้งธัญพืชทอด เนยแข็ง และพาย ล้วนเป็นอาหารพิเศษเฉพาะของชนเผ่ามองโกลดั้งเดิมแท้ๆ และเพิ่งทำเสร็จร้อนๆ อีกด้วย
สาวน้อยทำตัวประจบเอาใจเช่นนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน เพราะเมื่อคืนลู่เฉินรับปากเธอแล้วว่าจะสอนเธอร้องเพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ ดังนั้นเธอจึงอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ดั่งคำกล่าวที่ว่าหายนะที่หามาเองยากที่จะหลีกเลี่ยง ลู่เฉินพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับเรื่องนี้ และได้แต่ออกไปล้างหน้าแปรงฟัน
โชคดีที่อาหารเช้ารสชาติไม่เลว ชานมกับพายกลมกล่อมรสเลิศ ลู่เฉินกินไปหลายชิ้นเลยทีเดียว หลังจากอิ่มแล้วจึงรู้สึกสบายตัวและมีกำลังมากขึ้น
เพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จ เก๋อเกินถ่าน่าก็แบกซอหัวม้าเข้ามา
สาวน้อยชนเผ่ามองโกลผู้นี้ไม่เพียงแต่อยากเรียนร้องเพลง เธอยังอยากเล่นเองร้องเองเหมือนกับลู่เฉิน
อย่ามองว่าเธออายุน้อย เพราะเธอเล่นซอหัวม้าเป็นนานแล้ว และซอที่ใช้ก็เป็นซอโบราณที่ตกทอดมาจากตระกูล
กินของคนอื่นแล้วยากที่จะปฏิเสธ สาวน้อยกระตือรือร้นอยากจะเรียนรู้ขนาดนี้ เพราะว่าเธอชอบเพลงนี้มาก ในเมื่อลู่เฉินรับปากเธอแล้ว แน่นอนว่าจะไม่เก็บไว้คนเดียว
เขาเขียนโน้ตเพลงของ ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ ออกมาก่อน จากนั้นก็นั่งตรงช่องว่างประตูหน้ากระโจมสอนเก๋อเกินถ่าน่าเล่นดนตรี และสอนเทคนิคการร้องเพลงอย่างเต็มที่
สิ่งที่ทำให้ลู่เฉินรู้สึกทึ่งก็คือ เก๋อเกินถ่าน่าไม่เพียงแต่มีเสียงร้องไพเราะดั่งเสียงสวรรค์เท่านั้น ความสามารถในการเรียนรู้ของเธอก็สุดยอดมากเช่นกัน สัมผัสด้านดนตรีดี ดังนั้นจึงเรียนรู้ได้เร็วมาก
แค่ชี้แนะนิดหน่อย เก๋อเกินถ่าน่าก็กอดซอหัวม้าเล่นเองร้องเองได้แล้ว และดูเข้าท่าอีกด้วย
เป็นเพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ เหมือนกัน แต่เมื่อผ่านออกมาจากปากของเธอ ทั้งๆ ที่ทำนองเพลงก็เหมือนกัน แต่กลับให้ความรู้สึกและอารมณ์ที่ต่างกัน ถึงแม้เทคนิคการร้องของเธอยังเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่ความรู้สึกที่มอบแก่ให้คนอื่นยังคงน่าประทับใจเหมือนเดิม
“ทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตาบ้านของฉัน ฉันรักมั่นทุ่งขจีธารน้ำใส ผืนหญ้าเขียวเหมือนท้องทะเลพราย…”
ระหว่างที่ไม่ทันรู้สึกตัว คนเลี้ยงสัตว์ก็มาล้อมรอบนอกกระโจมหลายคนแล้ว พวกเขาถูกดึงดูดเข้ามาเพราะเสียงร้องเพลงของเก๋อเกินถ่าน่าจนลืมไปทำงาน
ตอนที่เก๋อเกินถ่าน่าร้องเพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ จบแล้ว ทุกคนปรบมือพร้อมกัน!
เก๋อเกินถ่าน่าหน้าแดง น่ารักเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่ต้นจนจบเฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ตลอดเวลาใช้โทรศัพท์บันทึกภาพเอาไว้ทั้งหมด
เธอโพสต์วิดีโอนี้บนบล็อกของตัวเอง เขียนหัวข้อง่ายๆ แล้วโพสต์ออกไป
ลานล่าสัตว์สุ่ยเฉวียนถึงแม้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางของทุ่งหญ้ามองโกเลีย แต่ที่นี่ก็มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตมานานกว่าสิบปีแล้ว ที่นี่สามารถใช้ความเร็วเน็ต 4G ได้เหมือนกัน
ช่วงที่เฉินเฟยเอ๋อร์ถ่ายทำอยู่ที่สุ่ยเฉวียน เธอจะดูบล็อกทุกวัน และโพสต์รูปสองสามรูปให้แฟนคลับดู
อันที่จริงก็เป็นการโปรโมตให้ละครโทรทัศน์เช่นกัน
แต่โพสต์วิดีโอของเช้าวันนี้พิเศษกว่าปกติ เพราะบรรดาแฟนคลับของเฉินเฟยเอ๋อร์กับลู่เฉิน ในที่สุดก็หาตัวชายหนุ่มที่สูญหายไปช่วงหนึ่งเจอแล้ว!
“ฉันว่าแล้วว่าลู่เฉินไปไหน ช่วงนี้ไม่เห็นข่าวของเขาเลย ที่แท้ก็ไปถ่ายละคร!”
“ลู่เฉินมีบทในละครเรื่องนี้ด้วยเหรอ ไม่ยักเห็นเลย!”
“สงสัยจะไปอยู่เป็นเพื่อนเฟยของฉัน!”
“ลู่เฉินสุดยอด”
“ครั้งนี้ไม่ได้โชว์หวานอวดความรัก แล้วสาวน้อยเผ่ามองโกลคนนี้เป็นใคร”
“หรือว่าเป็นนักเรียนของลู่เฉิน สวยมากๆ ฉันชอบ!”
“เพลงนี้ชื่ออะไร ไม่เคยได้ยินมาก่อน ร้องได้เพราะมาก ขอความจริง!”
“ขอความจริงด้วยเหมือนกัน…”
ความสงสัยของพวกแฟนคลับถูกยกขึ้นมาพูดเพราะวิดีโอตัวนี้ ทุกคนต่างซักถาม ลู่เฉินอยู่เป็นเพื่อนเฉินเฟยเอ๋อร์ถ่ายละครตลอดหรือเปล่า ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นเงาของเขาเลย
สาวน้อยเผ่ามองโกลคนนี้เป็นใคร
แล้วก็เพลงนี้ด้วย…
ในบล็อกล่างฉาวเกิดความฮือฮาไม่หยุด ในลานล่าสัตว์สุ่ยเฉวียนก็คึกคักมากเหมือนกัน
ผู้กำกับจางเค่อเดินเข้ามา
เมื่อเห็นผู้กำกับ เฉินเฟยเอ๋อร์จึงเก็บโทรศัพท์ด้วยความตกใจ รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้กำกับจาง…”
“เธอไม่ต้องรีบร้อน…”
จางเค่อยิ้มเล็กน้อยพลางโบกมือ แล้วเอ่ยว่า “ผมมีเรื่องอยากปรึกษากับลู่เฉิน”
ผู้กำกับใหญ่คนนี้พุ่งมาที่เพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ เขาอยากได้รับการอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์จากลู่เฉิน นำเพลงนี้ไปทำเป็นเพลงประกอบละคร ‘ลำนำศิวิไลซ์’ แน่นอนว่าต้องปรับเปลี่ยนเนื้อเพลงเล็กน้อย
สำหรับเรื่องนี้ ลู่เฉินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
ไม่ว่านักแต่งเพลงคนไหน ก็ไม่มีทางปฏิเสธหากผลงานของตัวเองจะถูกนำไปใช้ในผลงานละครฟอร์มใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องที่ดีสามารถยกระดับความสามารถและตำแหน่งในวงการของตัวเองได้ แต่โดยทั่วไปแล้วเรื่องแบบนี้ยากที่จะเกิดขึ้น!
ส่วนค่าลิขสิทธิ์ ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย
และที่น่าสนุกก็คือ เดิมทีจางเค่ออยากให้เฉินเฟยเอ๋อร์ร้องเพลงนี้ แต่หลังจากที่ได้ฟังเสียงร้องของเก๋อเกินถ่าน่าเมื่อครู่ เขาก็เปลี่ยนความคิด
เพลงนี้จะให้สาวน้อยเผ่ามองโกลคนนี้เป็นคนร้อง!
…………………………………………………………………………