ตอนที่ 473 นกน้อยไยจะรู้ปณิธานของพญาหงส์
วันที่ 18 พฤศจิกายน เวลาบ่ายสองโมง ลู่เฉินกับคนกลุ่มหนึ่งบินมาถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง
เฉกเช่นเดียวกับตอนที่มาถึงฮ่องกงครั้งแรก ลู่เฉินไม่ทำตัวเป็นจุดเด่นเหมือนเดิม เขาไม่พูดถึงตารางการเดินทางในบล็อกของตัวเอง คนที่รู้ความเคลื่อนไหวของเขามีเพียงสองสามคนในสตูดิโอ
แต่สิ่งที่ลู่เฉินคาดไม่ถึงก็คือ เขาเพิ่งจะเดินออกมาจากช่องทางเดินของนักท่องเที่ยว ท่ามกลางกลุ่มคนที่รอรับอยู่ด้านนอกจู่ๆ ก็มีกล้องถ่ายรูปนับสิบกับไมค์ของนักข่าวโผล่พรวดออกมา โอบล้อมเขาภายในพริบตา
“คุณลู่เฉิน ขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหม”
“ลู่เฉิน ไม่ทราบว่าคุณกับหลิวกั่งเซิงเป็นอะไรกัน”
“คุณลู่เฉิน คุณคิดยังไงกับเฉินหยวนเฉินต่อคำวิจารณ์ผลงานเพลงของคุณ”
“คุณลู่เฉิน มีคนพูดว่าคุณมาถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฮ่องกง อยากจะมาแย่งโอกาสทำธุรกิจกับเพื่อนสายอาชีพเดียวกันใช่ไหม….”
“ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดยังไงกับเรื่องนี้”
แสงแฟลชสว่างจ้าตาต่อเนื่องกัน ไมค์ติดโลโก้ของสื่อสำนักต่างๆ แย่งกันยื่นเข้ามาด้านหน้า นักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ จึงหันมามองด้วยความสงสัยหรือไม่ก็ตกใจ…
และยังมีคำถามซักไซ้ไล่เลียงถาโถมเข้ามาราวกับฝนตกอย่างบ้าคลั่ง
ลู่เฉินงงเล็กน้อย
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาได้รับการปฏิบัติเหมือนคนดังในฮ่องกงตั้งแต่เมื่อไร
แบบนี้มันแปลกไปหน่อยนะ!
แต่ลู่เฉินก็ไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เขายังคงควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ได้ ยื่นมือบังไมค์สองสามอันที่ยื่นมาใกล้จะติดหน้าตัวเองออกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แล้วเอ่ยว่า “หลบหน่อยนะครับ ที่นี่เป็นทางเดินสาธารณะ ขอบคุณครับ!”
และด้านหลังของลู่เฉิน ก็ยังมีทีมงานตามมาอีกหนึ่งขบวน
ทีมงานพวกนี้ลู่เฉินพามาจากปักกิ่ง ผู้ชายสิบคนผู้หญิงอีกสองคนล้วนเป็นคนหนุ่มสาวทั้งสิ้น เพิ่งปลดประจำการมาไม่นาน เป็นหนุ่มสาวเลือดร้อนทั้งนั้น และยังได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพมาอีกด้วย
ดังนั้นเมื่อเห็นลู่เฉินถูกคนล้อมไว้ พวกเขาจึงรีบเดินไปข้างหน้าทันที สกัดกั้นปาปารัสซี่เหล่านั้นก่อนเป็นอันดับแรก สร้างระยะปลอดภัยให้ลู่เฉิน ให้เขาสามารถหลุดจากสถานการณ์นี้อย่างรวดเร็ว
พวกปาปารัสซี่คิดไม่ถึงว่าข้างกายลู่เฉินจะมีเจ้าหน้าที่คุ้มกันเยอะขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของคนเหล่านี้ จากสภาพที่บีบบังคับถามในตอนแรกถูกพังทลายลงอย่างรวดเร็ว มีนักข่าวคนหนึ่งถูกเบียดล้มลงบนพื้นไม่เป็นท่า
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินรีบมาถึงที่เกิดเหตุ ยับยั้งพวกปาปารัสซี่ที่มีเจตนาอยากจะตามตื๊อต่อ
ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงรอดตัวเข้าไปนั่งในรถอเนกประสงค์ที่รออยู่ด้านนอกได้อย่างราบรื่น
กลับมาฮ่องกงครั้งนี้ทีมงานเยอะกว่าเดิม ทางสตูดิโอได้เช่ารถบัสขนาดกลางคันหนึ่ง และผู้ที่รับหน้าที่มารับลู่เฉินที่สนามบินก็คือหลีเจินผู้ช่วยที่อยู่ฮ่องกง
หลีเจินเห็นสถานการณ์ที่วุ่นวายเมื่อครู่ เธอเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด “คุณลู่ ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันคิดไม่ถึงว่าปาปารัสซี่จะเยอะขนาดนี้”
ลู่เฉินโบกมือเพื่อแสดงว่าไม่สนใจ สิ่งที่เขาหงุดหงิดคือทำไมปาปารัสซี่พวกนั้นถึงมาโอบล้อมตัวเอง
แล้วใครคือเฉินหยวนเฉิน แล้วก็มาแย่งโอกาสทำธุรกิจกับเพื่อนอาชีพเดียวกันที่ฮ่องกงมันคืออะไร งงไปหมดเลย!
สิ่งเหล่านี้หลีเจินพอเข้าใจได้
ที่แท้ต้นตอของคลื่นลมเหล่านี้ ก็มาจากเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ‘รักที่สุดในชีวิต’ ที่เขาร้องที่ลานไควฟงครั้งที่แล้ว
หลังจากเพลงนี้ถูกคนเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ก็เป็นที่โด่งดังในฮ่องกงอย่างรวดเร็ว เป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มสาวชาวฮ่องกงจำนวนมาก ถึงขนาดมีนักร้องท้องถิ่นหลายคนเลียนแบบทั้งการเล่นและร้องเพลง แม้แต่ในคาราโอเกะก็ยังมีชื่อปรากฏอยู่ในรายการเพลง
วงการเพลงป็อปฮ่องกงในปัจจุบัน หมดความรุ่งเรืองของยุค 80-90 ไปนานแล้ว โดยเฉพาะหลายปีที่ผ่านมาการสร้างสรรค์ผลงานเพลงภาษาจีนกวางตุ้งชิ้นเยี่ยมลดน้อยลงเรื่อยๆ ตลาดเต็มไปด้วยการเลียนแบบและการร้องคัฟเวอร์เพลงยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นจำนวนมาก ทัศคติและจิตใจของนักร้องวัยรุ่นก็อารมณ์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ คนที่ตั้งใจทำเพลงอย่างจริงจังเป็นสิ่งมีชีวิตที่หลงเหลือน้อยเต็มที
ปรากฏการณ์เช่นนี้มีหลายส่วนที่คล้ายกับวงการเพลงป็อปของประเทศจีน แต่เมื่อเทียบกับคนมีความสามารถในประเทศจีนแล้ว นักแต่งเพลงของฮ่องกงมีความโรยรารุนแรงยิ่งกว่า และการเกิดขึ้นของดาวรุ่งคนเก่งก็มีน้อยจนงอนิ้วนับได้
สภาพตลาดที่ย่ำแย่ แฟนเพลงที่รักเพลงภาษาจีนกว้างตุ้งอย่างแท้จริงจึงไม่พอใจเป็นธรรมดา ในบล็อกและในฟอรัมเพลงของฮ่องกง ยังคงหวนคิดถึงและพูดคุยถึงรางวัลโกลเด้นเมโลดี้อวอร์ดส์และปรากฏการณ์การวิจารณ์ต่างๆมากมาย
ดังนั้นตอนนี้เมื่อจู่ๆ ก็ได้ฟังผลงานเพลงที่ยอดเยี่ยมระดับตำนานที่ไพเราะขนาดนี้ แฟนเพลงหลายคนและคนในวงการจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจ จึงกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วอย่างสมเหตุสมผล
แต่สำหรับคนทำเพลงท้องถิ่นของเกาะฮ่องกง นี่คือความน่าละอายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะลู่เฉินผู้ที่ทั้งแต่ง เล่น และร้องเพลงนี้มาจากประเทศจีน และเขาก็ไม่ใช่ครอบครัวที่พูดภาษาจีนกวางตุ้งอีกด้วย
มิหนำซ้ำยังมีอีกสองคนที่ทำให้ลู่เฉินได้รับความรังเกียจจากผู้คน
หนึ่งในนั้นคือไอดี ‘ดื่มเหล้าสามชาม’ ซึ่งเป็นนักวิจารณ์ชื่อดังของเว็บบอร์ดใหญ่ของเกาะฮ่องกงอย่าง ‘เพลงป็อป’และ ‘บอร์ดสนทนาภาพยนตร์และโทรทัศน์’ เขาเป็นผู้ที่นำทัพสร้างสงครามลิ้นในโพสต์ที่ลงคลิปวิดีโอต้นฉบับของเพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ เหยียดหยันคนทำเพลงท้องถิ่นของฮ่องกงไปทั่ว กระทบหัวใจที่เปราะบางของคนฮ่องกงบางส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีอีกคนหนึ่งคือ ‘คนบ้าแห่งทะเลใต้’ บล็อกเกอร์ชื่อดังของบล็อกเกาะฮ่องกง เขาเขียนบทวิจารณ์เพลง ‘รักที่สุดในชีวิต’ เป็นต้นเหตุที่ผลักลู่เฉินเข้าไปอยู่ท่ามกลางคลื่นลมอย่างแท้จริง
เรื่องนี้ลู่เฉินก็รู้ ด้วยเหตุนี้เขาถึงเขียนโพสต์ตอบกลับโดยเฉพาะ ผลที่ตามมาคือได้รับการกดไลก์จากราชาเพลงหลิว
เขาคิดว่าเรื่องนี้น่าจะซาไปแล้ว จึงบินกลับปักกิ่งในอีกสองสามวันให้หลัง
ทว่าเรื่องราวกลับพัฒนาไปไกลเกินคาด ไฟสงครามที่เกิดจาก ‘คนบ้าแห่งทะเลใต้’ ไม่ได้สงบลง ตรงกันข้ามกลับขยายลุกลามไปในวงกว้าง คนในวงการเพลงป็อปอีกหลายคนถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วย ทะเลาะกันบนอินเทอร์เน็ตร้อนแรงมาก
สองสามวันก่อน เฉินหยวนเฉินซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ นักวิจารณ์ภาพยนตร์โทรทัศน์และเพลงชื่อดัง ได้เขียนคอลัมน์หนึ่งบน ‘หนังสือพิมพ์รายวันกั่งเฉิง’ เขาคิดว่าคนทำเพลงในฮ่องกงไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเอง ผลงานเพลงภาษาจีนกวางตุ้งแค่เพลงเดียวของลู่เฉินไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ และ ‘รักที่สุดในชีวิต’ ก็ไม่ใช่ผลงานคลาสสิคที่ควรค่าให้คุยโวโอ้อวดอะไรมากมาย นอกจากนี้มีความน่าสงสัยว่าจงใจสร้างกระแส และสงสัยอีกว่าน่าจะมีนักการตลาดออนไลน์คอยสนับสนุนอยู่
‘หนังสือพิมพ์รายวันกั่งเฉิง’ เป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์ภาษาจีนที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในฮ่องกง บทความของเฉินหยวนเฉินได้รับเสียงสะท้อนอยู่ไม่น้อย กลายเป็นสุมไฟให้การโต้เถียงบนอินเทอร์เน็ตร้อนแรงขึ้น
จนถึงตอนนี้ เดิมทีลู่เฉินที่ไม่มีชื่อเสียงใดๆ ในฮ่องกงถือว่าดังขึ้นมาจริงๆ แล้ว และประวัติของเขาก็ถูกคนขุดค้นออกมาในไม่ช้า รวมทั้งเรื่องที่เขามาถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฮ่องกงอีกด้วย
เช่นนี้แล้วคงสะกิดใจคนวงในอื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงมีข่าวลือออกมา พูดว่าคนจีนอยากใช้นโยบายสนับสนุนของรัฐบาลฮ่องกงเพื่อแย่งโอกาสของคนในท้องถิ่น จึงเรียกร้องให้แก้ไขนโยบาย
เนื่องจากการเตรียมงานถ่ายทำ ‘โปเยโปโลเย’ งานของสตูดิโอในฮ่องกงจึงยุ่งมาก หลีเจินก็เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงได้ข่าวอย่างจำกัด และรู้เรื่องมาแค่นี้
เธอเอ่ยคำขอโทษ “คุณลู่ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันน่าจะรายงานเรื่องพวกนี้กับคุณเร็วกว่านี้”
ลู่เฉินเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว เขาจึงหัวเราะ “ได้ยินเสียงแมลงกระชอนร้องก็จะไม่ทำนาแล้วเหรอ พวกเราก็ทำงานของเราไป ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้”
ฐานที่มั่นของเขาอยู่ที่ประเทศจีน ฮ่องกงเป็นแค่เวทีให้เขาก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์เท่านั้น การเข้าไปร่วมโต้เถียงข่าวซุบซิบนั้นโง่เกินไป เสียทั้งกำลังและเวลา
อีกทั้งนกน้อย ไยจะรู้ปณิธานของพญาหงส์!
…………………………………………………………………………