เยี่ยนจ้าวเกอผลักรอยตราพลิกนภาลง กดดันจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถอยหลังอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็กวาดมองมิติอันกว้างใหญ่เบื้องหน้า “ดาบกฎเกณฑ์…ฐานโลก…”
การต่อสู้ใหญ่เมื่อก่อนหน้าเพิ่งจบลง ในมิติหลังยังพอจะหลงเหลือกลิ่นอายให้เยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะได้
“ดูเหมือนพวกท่านจะรั้งท่านพ่อไม่ได้กระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง “เฉินทิศบนเล่า ไล่ตามท่านพ่อข้าไปหรือ”
หวังเจิ้งเฉิงถอนใจคำหนึ่ง ไม่ส่งเสียง เพียงเตรียมไปยังทิศเหนือ
เยี่ยนจ้าวเกอวูบไหวท่าร่าง กลับขวางเขาไว้ “ประมุขปฐวีรั้งตัวท่านพ่อไม่ได้ ข้าผู้แซ่เยี่ยนกลับต้องขอให้ประมุขปฐวีรั้งอยู่แล้ว”
บิดาของตนในเมื่อชิงฝ่าวงล้อมได้ก่อนก้าวหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่เร่งรีบแล้ว
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่าขัดขวางให้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกับประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงอยู่ที่นี่ได้ทั้งสองคน ตัวแปรทางเยี่ยนตี๋จะน้อยลงมา สภาพของเสวี่ยชูฉิงจะปลอดภัยกว่าเดิม
“ข้าได้ทำตามข้อตกลงอย่างเต็มที่แล้ว ประมุขปฐวีโปรดยกโทษให้ด้วย” สีหน้าของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำยังคงราบเรียบเหมือนเดิม แต่ในสายตาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอเต็มไปด้วยความระมัดระวังและความจริงจัง
“จักรพรรดิแพรเกรงใจแล้ว เป็นข้าประเมินผิดพลาด คิดไม่ถึงว่าพลังของอีกฝ่ายจะพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี”
หวังเจิ้งเฉิงก้มศีรษะคารวะจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำก่อน จากนั้นก็หันมามองเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าซับซ้อน “พ่อลูกตระกูลเยี่ยนล้วนเป็นเซียนผู้ถูกเนรเทศ…คำกล่าวของเนี่ยจิงเสินไม่ใช่คำสรรเสริญเกินไปเลย สำนักเต๋าเราให้กำเนิดอัจฉริยะบุรุษเป็นพ่อลูกเช่นนี้หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ”
“น่าเสียดายๆ ถ้าหากตอนนั้นบิดาเจ้าไม่ได้ตบแต่งกระเรียนหิมะเป็นภรรยา และเซียนผู้ถูกเนรเทศไม่ได้กลายเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิประกายกาฬ เช่นนั้นย่อมประเสริฐ”
เยี่ยนจ้าวเกอไพล่สองมือไว้ด้านหลัง กล่วอย่างสงบนิ่ง “ผู้อาวุโสหวังกล่าวคำพูดนี้ในตอนนี้ ออกจะไร้ความหมายเกินไปแล้ว”
“เซียนผู้ถูกเนรเทศกล่าวไม่ผิด ข้าเพียงแต่รำพึงรำพัน ฟ้าช่างกลั่นแกล้งคน อิ่นประกายกาฬ หูเจิดจรัศก่อเพทภัยนับไม่ถ้วน” หวังเจิ้งเฉิงถอนใจ
“ผู้อาวุโสหวังท่านอยากจะกล่าวอะไรก็กล่าวไปเถิด” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างไม่แยแส “ถึงอย่างไรข้าผู้แซ่เยี่ยนควรทำอะไรก็ทำเช่นนั้นอยู่ดี”
“อย่างเช่น ตอนนี้ข้าใคร่ฆ่าท่านให้ตายยิ่ง”
น้ำเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอสบายๆ แต่ว่าจิตสังหารที่แฝงอยู่ด้านในเย็นเยียบเสียดแทงกระดูก ไม่อำพรางแม้แต่น้อย
ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงมีชีวิตอยู่มาหลายพันปี เคยประสบคลื่นลมใหญ่ และห้วงความเป็นความตายนับไม่ถ้วน
แต่ว่าเรื่องที่มีคนหนุ่มที่อายุห่างจากเขามากผู้หนึ่งบอกว่าอยากฆ่าเขา หวังเจิ้งเฉิงเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
ส่วนสำคัญอยู่ที่ แม้อีกฝ่ายจะอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายแล้ว แต่หวังเจิ้งเฉิงต้องยอมรับว่านี่มิใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว แต่ว่าเป็นการคุมคามจากความตายที่แท้จริง!
เพียงเห็นจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถึงกับสู้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ หวังเจิ้งเฉิงก็ทราบแล้วว่าต่อให้ตนพกรูปภูผาธาราโบ่วกี้ติดตัว แต่ขอแค่ตนประมาทไปเพียงเล็กน้อย ก็ยังคงถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตายคาที่
“ประมุขปฐวียึดถือว่าพวกเราพ่อลูกข่มเห่งได้หรือ” เยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองหวังเจิ้งเฉิงอย่างเย็นชา
หวังเจิ้งเฉิงส่ายหน้า “ไม่กล้า”
ในแผนการ อย่างมากที่สุดคือปิดทางเยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูก ไล่สังหารเสวี่ยชูฉิงง ลบนางออกไปจากโลกใบนี้อย่างไร้สุ้มไร้เสีย
จากนั้นจะไม่มีใครทราบถึงเรื่องที่เสวี่ยชูฉิงได้เจออีก
ปล่อยให้เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกยังคงคิดต่อไป ว่าเสวี่ยชูฉิงยังคงพลัดหลงไม่มีที่อยู่ชัดเจน
การตามหาเสวี่ยชูฉิงไม่ง่าย จะต้องก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว พวกหวังเจิ้งเฉิงรู้ดีว่าเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกกำลังตามหานางคนอยู่เช่นกัน หลังจากสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวย่อมมีปฏิกิริยา
ดังนั้นจึงหวังว่าจะจัดการได้รอบคอบ โดยอาศัยความวุ่นวายทางด้านตึกความลับฟ้าและทะเลหวงเจียดึงดูดความสนใจของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็ส่งเสียงบูรพาตีประจิม ลอบตีเฉินชาง
น่าเสียดายปฏิริยาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับรวดเร็วยิ่ง
และสิ่งที่อยู่เหนือการคาดการณ์ของหวังเจิ้งเฉิงยิ่งกว่าก็คือ พลังของอีกฝ่ายกลับพัฒนาขึ้นอีกครั้งในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ความช่วยเหลือของพวกเขากลายเป็นจับแขนเสื้อเห็นข้อศอก
ถึงแม้หวังเจิ้งเฉิงยังไม่ยอมแพ้ แต่ภารกิจในครั้งนี้มีวี่แววว่าจะล้มเหลวแล้ว
หวังเจิ้งเฉินยืนอยู่กลางอากาศ อดมองโลกซ้อนโลกตรงหน้าไม่ได้ จิตใจเหมือนโดนแผดเผา
“ประมุขปฐวีมองไปทางไหนหรือ” เงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอพลันถมคลองจักษุของเขา
วินาทีถัดมา ฝ่ามือหนึ่งก็ร่วงลงมา!
หวังเจิ้งเฉิงสูดหายใจลึก ในร่างชราพลันมีพลังที่แข็งกล้าระเบิดขึ้น!
เขาตั้งมือซ้ายเป็นท่าหมัด วางไว้ที่จุดตันเถียน จากนั้นกำมือขวาแล้วต่อยไปด้านบน
กระแสปราณอันงดงามหลายสายพุ่งออกมาจากทั่วทั้งร่างเขาด้วยหนึ่งหมัด ผสมผสานกัน ผนึกกลายเป็นเงามายาสายหนึ่ง
เงามายาครอบคลุมลง กำปั้นของหวังเจิ้งเฉิงเหมือนกับเปลี่ยนเป็นวัตถุที่คล้ายขวานไม่คล้ายขวานชิ้นหนึ่ง!
พลังหมัดกระจายออกไป มิติที่มืดมัวพังทลาย เกิดแสงละลานตา ปรากฏดินหนาไร้สิ้นสุด พาดขวางระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด
วินาทีนี้ไม่ใช่ท้องฟ้าถล่มทลาย แต่เป็นพื้นดินลอยขึ้น!
ผืนดินหนาหนักลอยขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลอยสูงเท่าฟ้าแล้ว ประสานกับผืนฟ้า เหมือนกับกดท้องฟ้าจนแหลกสลาย!
วรยุทธ์กระแสตรงแห่งผากิเลน หมัดโบ่วกี้ทำลายฟ้า!
หวังเจิ้งเฉิงมีนิสัยระวังตัว เมื่อครู่สู้กับเยี่ยนตี๋ก็เพียงแต่ขัดขวาง ดังนั้นวิธีต่อสู้จึงระวังตัวถึงขีดสุด ตั้งใจถ่วงเวลาเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อต้องปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอ ตำแหน่งผู้กลุ้มรุมกับผู้ขัดขวางสลับกัน ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่โชกโชนที่สุดบนโลกซ้อนโลกผู้นี้ไม่คิดรักษาความมั่นคงอีก ใช้กระบวนท่าไม้ตายจู่โจมที่แข็งแกร่งที่สุดทันที
รูปภูผาธาราโบ่วกี้ถูกใช้ ดินวิญญาณโบ่วกี้หลายชั้นห้อมล้อมเข้ามาด้วย ประสานกับผืนดินที่เกิดจากญาณจริงแท้เจตจำนงหมัดของหวังเจิ้งเฉิง พลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หนาหนักจนไม่อาจหนักหนาไปมากกว่านี้
อาวุธเซียนเสริมพลัง หมัดนี้ของหวังเจิ้งเฉิง แม้แต่จักรพรรดิเซียนจริงแท้ก็ต้องโต้ตอบอย่างจริงจัง
เยี่ยนจ้าวเกอกลับเหมือนมองไม่เห็น กระแทกรอยตราพลิกนภาไปตรงๆ เช่นนี้!
สองฝ่ายพอชนใส่กัน เหมือนกับผืนฟ้าและผืนดินหนึ่งจมลง หนึ่งลอยขึ้น เข้าใกล้ตรงกลาง จากนั้นก็กระแทกกันอย่างสะเทือนเลือนลั่น!
“นี่คืน เปลี่ยนสู่การสร้าง?!” หวังเจิ้งเฉิงสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ใช้การเปลี่ยนแปลงของเปลี่ยนสู่การสร้างในรอยตราพลิกนภาได้?”
การชนกันของฟ้ากับดินจบลงโดยที่ท้องฟ้าบดขยี้ผืนดิน!
ในสามคัมภีร์ก่อนกำเนิดแรกเริ่มซึ่งเป็นการสืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ คัมภีร์เบิกนภามีพลังโจมตีซึ่งหน้าที่แข็งแกร่งที่สุด ยังเหนือกว่าคัมภีร์พลิกฟ้าขั้นหนึ่ง
หมัดโบ่วกี้ทำลายฟ้าการสืบทอดในผากิเลนของกษัตริย์ดิน ได้มาจากวิชาโบ่วกี้เบิกนภา เป็นการสร้างและพัฒนาการเปลี่ยนแปลงของผืนดินที่กำหนดดินน้ำลมไฟในคัมภีร์เบิกนภา พัฒนาจากพื้นฐานเดิม
ทว่าข้อดีข้อด้อยของวรยุทธ์เป็นด้านหนึ่ง คนที่ใช้วรยุทธ์ยิ่งมีการแบ่งสูงต่ำ
ระดับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอล้ำลึกยิ่ง แม้แต่ยอดฝีมือระดับเซียนมากมายยังยากจะสู้ได้ การฝึกฝนวรยุทธ์นี้ให้ถึงสูงล้ำถึงขีดสุด ย่อมสามารถแสดงอานุภาพอันน่ากลัวที่อยู่เหนือกว่าจินตนาการของจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันออกมาได้!
แม้ว่าประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงจะซึมซับหมัดโบ่วกี้ทำลายฟ้ามาหลายปี ตอนนี้ก็ยังยากจะต้านทานอานุภาพรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ!
ผืนดินแหลกสลายไม่หยุด ท้องฟ้าถล่มทลายอย่างต่อเนื่อง
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเห็นเหตุการณ์นี้ ดวงตาพลันเป็นประกายเล็กน้อย พลิ้วร่างมาถึงด้านข้างของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็ทิ่มดัชนีใส่ชายหหนุ่ม
“ฮ่า!” เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจตวาดขึ้น มือขวาไม่เคลื่อนไหว มือซ้ายยกขึ้น ใช้รอยตราพลิกนภาลักษณะเดียวกัน ต้านดัชนีเทพต้นกำเนิดของจักรพรรดิแพร!
………………..