เสวี่ยชูฉิงประหลาดใจเล็กน้อย มองเยี่ยนจ้าวเกอครู่หนึ่ง “จ้าวเกอไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่เรื่องนี้ยังมองออก”
สายตานางปรากฏความสงสัยอยู่บ้าง “นี่ไม่ใช่เรื่องความลึกล้ำตื้นเขินของพลังฝึกปรืออีกแล้ว แต่เกี่ยวพันถึงวิชาลับที่ผู้คนไม่ล่วงรู้
“หลายปีมานี้ข้าเดินทางไปทั่ว พบเรื่องประหลาดไม่น้อย ท่านอย่าดูถูกข้าดีกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก
เขาแอบพิจารณาเสวี่ยชูฉิง “ก่อนหน้านี้ข้ายังเดาว่า ขออย่าเป็นค่ายกลที่สามารถทำให้โลกซ้อนโลกระเบิดเลย”
“คิดอะไรเหลวไหล” เสวี่ยชูฉิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “หากกล้าทำแบบนั้นจริงๆ ก่อนกษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับจะลงมือ กษัตริย์กระบี่คงจัดการพวกเราไปก่อนแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอถาม “เอาไว้ทำอะไรหรือ”
เสวี่ยชูฉิงตอบ “พื้นฐานเป็นค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัส และยังมีการปรับแต่งส่วนหนึ่งในนี้”
ค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัส เป็นค่ายกลลวงตาที่มีชื่อเสียงก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มิหนำซ้ำยังล่อลวงผู้คนอย่างไร้ร่องรอย
ใช้ฟ้าเป็นเส้นแวง ใช้ดินเป็นเส้นรุ้งในตารางชุ่น
อธิบายง่ายๆ ถ้าหากเสวี่ยชูฉิงวางได้ถูกต้อง เช่นนั้นเมื่อนางอยู่ด้านใน แล้วประสานกับการช่วยเหลือของผังเหอถูในฐานะผู้วางค่ายกล คนในใต้หล้าที่สามารถหานางเจอได้มีอยู่จำกัดจริงๆ
ค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสนี้ครอบคลุมโลกซ้อนโลก ถึงขั้นที่ยังมีโลกเบื้องล่างอีกมากมาย
ความวิเศษของค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสอยู่ที่หลังจากกางค่ายกลแล้ว
ได้แต่แก้ไข ไม่อาจทำลาย นอกเสียจากว่าจะทำลายรากฐานของค่ายกล :ซึ่งนั่นเท่ากับต้องทำลายโลกซ้อนโลกกับโลกเบื้องล่างไปพร้อมกัน
แน่นอนว่าหากคิดจะวางค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสขนาดมหึมานี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ทั้งยังต้องไม่ให้ถูกคนค้นพบ และทำลายทิ้งก่อนวางค่ายกลสำเร็จ ดังนั้นจวบจนวันนี้ เสวี่ยชูฉิงจึงยังคงค่อยๆ ลองวางแผนอยู่
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจชมเชย จะบอกว่าผ่าเผย แต่ก็ระวังตัวไม่เผยช่องโหว่ จะบอกว่าระมัดระวังตัว ก็ยังสามารถดำเนินแผนการที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ทั้งๆ ที่ถูกคนตามล่า
แต่ว่าเขาสนใจประโยคหลังของเสวี่ยชูฉิงมากกว่า “การปรับแต่งอื่นหรือ นี่คือวิธีพิเศษซึ่งเอาไว้ติดต่อกับผู้อื่นที่ท่านว่าเมื่อครู่กระมัง”
ถ้าหากว่าเป็นแค่ค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสอย่างเดียว ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอย่อมมองออก
ยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่มีระดับค่ายกลสูงล้ำก็อาจจะมองช่องโหว่ออกก่อนเช่นกัน
ในสถานการณ์ที่มีภาพลวงมากมายคอยอำพรางความจริงไว้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงพิเศษจึงทำให้
เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจแยกแยะออกในทันที
“ไม่ผิด ประสานกับพื้นฐานของค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัส” เสวี่ยชูฉิงว่า “เมื่อมีพื้นฐานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงจะสามารถสนับสนุนพิธีกรรม ส่งข้อความในสถานการณ์ที่ปัจจุบันยังไม่อาจยืนยันเป้าหมายได้”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างกระจ่างแจ้ง “เท่ากับเป็นค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสย้อนกลับ อาศัยสิ่งนั้นตามหาคน จากนั้นก็ส่งข้อความ ค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสที่คลุมโลกซ้อนโลกทั้งใบได้ย่อมมีประสิทธิผลแข็งแกร่งสุดเปรียบปาน”
เสวี่ยชูฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง เพียงแต่เมื่อยึดตามค่ายกลนี้ ข้ามีความรู้สึกประหลาดใจส่วนหนึ่ง คล้ายกับด้านในยังมีความลี้ลับบางอย่าง แต่ตอนนี้ข้ายังมองไม่ออก”
“โอ้?” เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ไม่อาจไม่สนใจ
ในหมู่เก้านพเคราะห์เขาคุนหลุน ราชันพระพฤหัสบีดีเคยขึ้นชื่อในเรื่องภูมิรู้กว้างขวาง เสวี่ยชูฉิงในฐานะผู้สืบทอดสายตรงของนาง ได้รับสืบทอดส่วนนี้มาอย่างสมบูรณ์แบบ
ท่ามกลางจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์บนโลกซ้อนโลก ยังไม่เอ่ยถึงพลังสูงต่ำ เพียงเทียบความรู้ นอกจากตนกับเฉินเฉียนหัวแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอคิดถึงคนที่เทียบเคียงกับมารดาไม่ออก
นางมีข้อสงสัย เช่นนั้นหมายความว่ามีปัญหาจริงๆ
“เรื่องนี้ต้องจดจำใส่ใจไว้ก่อน” ยามนี้เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยขึ้น “เรื่องราวในโลกมีได้ก็ต้องมีเสีย ยากจะให้ดีทั้งสองด้านต้องชั่งน้ำหนักให้ดี”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “คนที่เตรียมติดต่อคือผู้ใดหรือ”
“ราชันพระอังคาร”
พอได้ยินชื่อนี้ ภาพแรกที่ปรากฏขึ้นในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกกลับเป็นทวนพระอังคารที่ชี้ฟ้าวาดดิน เพลิงโหมวนเวียน
“ถ้าเป็นราชันพระอังคาร คล้ายกับ…เป็นคนที่ชอบทำอะไรคนเดียวมากที่สุดในเก้านพเคราะห์คุนหลุนกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างไม่แน่ใจนัก “ต่อให้ติดต่อกับคนผู้นี้ได้ เขาจะยอมช่วยหรือ”
ต่างว่ากันว่าราชันพระราหูเจี่ยนซุ่นหัวเวลากระทำอะไรมักทำคนเดียว ไม่สนใจความเห็นผู้ใด
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเก็บเนื้อเก็บตัว กลับต้องพูดถึงราชันพระอังคารเป็นอันดับแรก
ตามข้อมูลที่เยี่ยนจ้าวเกอมีอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ยอดฝีมือท่านนี้จะถูกจัดอยู่ในเก้านพเคราะห์คุนหลุน แต่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบนโลกซ้อนโลกน้อยครั้งถึงขีดสุด เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขาซึ่งแพร่กระจายอยู่มีน้อยที่สุดท่ามกลางคนทั้งเก้า
ต่อให้ไม่ได้ถูกลบเลือน ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับราชันพระอังคารก็มีน้อยมากอยู่แล้ว
แต่ว่าไม่มีใครกล้าบอกว่าคนผู้นี้เป็นแค่คนที่เพิ่มเข้ามาให้ครบจำนวน
ราชันพระอังคารไม่เคลื่อนไหวยังพอทำเนา การปรากฏโฉมเพียงไม่กี่ครั้งของเขา ล้วนเป็นเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
เพียงแต่ว่าคนผู้นี้ไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่คบหากับผู้ใด ไม่มีใครเคยได้ยินว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ใด
“เรื่องนี้เป็นความลับ น้อยคนที่รู้” เสวี่ยชูฉิงบอกเล่า “เคยได้ยินท่านอาจารย์เล่าว่า ระหว่างบูรพาจารย์กับราชันพระอังคารคล้ายพูกพันบุญคุณความแค้นกัน ทว่าท่านอาจารย์ก็ไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน เพียงได้ฟังอาจารย์ย่าเล่าให้ฟังโดยไม่ได้ตั้งใจ”
เยี่ยนจ้าวเกอจับถ้อยคำของเสวี่ยชูฉิงได้ “ผูกพันบุญคุณ…ความแค้น?”
“ไม่ผิด” เสวี่ยชูฉิงผงกศีรษะ “ดังนั้นต่อให้ติดต่อกับราชันพระอังคารได้ ก็ยากจะบอกว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ในเมื่อมีคนชี้แนะให้ข้าหาวิธีติดต่อเขา เช่นนั้นก็หมายความว่ามีความหวัง”
เสวี่ยชูฉิงเว้นครู่หนึ่ง “เพียงแต่ว่า…”
“เพียงแต่ว่าคนที่ชี้แนะให้ท่านตามหาราชันพระอังคาร ไม่แน่ว่าจะมีจุดประสงค์อื่น” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวสืบต่อ “สมควรไม่ได้เล่นงานท่าน ท่านถูกประกาศจับไล่ล่า สถานการณ์ไม่อาจย่ำแย่ไปมากกว่านี้ได้แล้ว ดังนั้นก็น่าจะมีหวังติดต่อกับราชันพระอังคารจริงๆ คนที่ชี้แนะท่านความจริงมีเป้าหมายในการตามหาราชันพระอังคาร”
เสวี่ยชูฉิงกล่าว “ถูกต้อง นี่เป็นสาเหตุที่ข้าสงสัย”
“จะว่าไปคนผู้นั้นที่ชี้แนะให้ท่านไปตามหาราชันพระอังคาร เป็นผู้ใดกัน” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว “การตามหาเขาไม่ต้องไปหวังแล้ว ในเมื่อเขายุให้ท่านไปตามหาราชันพระอังคาร เช่นนั้นตัวเขาย่อมไม่โผล่มาช่วยเหลือ”
เสวี่ยชูฉิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอก่อนจะตอบ
ตอนแรกเยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจ แต่ว่าจิตใจสั่นไหว เหมืนคิดอะไรได้
จากนั้นเสวี่ยชูฉิงก็กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ถึงแม้ข้าจะแปลงแซ่ปลอมชื่อหลบซ่อนไปทั่ว แต่ก็เคยได้ยินข่าวลือส่วนหนึ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าและเขากว่างเฉิง ข่าวลือหนึ่งในนี้คือ จ้าวเกอเจ้าได้ตราประทับพระอาทิตย์มาแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกระจ่างแจ้ง “ราชันพระอาทิตย์ เกาหาน!”
ชายหนุ่มคุ้นเคยกับชื่อนี้ถึงขีดสุด ต่อให้เขาจะไม่เคยเจอตัวจริงของอีกฝ่ายก็ตาม
แต่ถ้าพูดถึงคนที่เขามีข้อมูลมากมที่สุด ราชันพระอาทิตย์เกาหานจัดอยู่ในลำดับแรกๆ
ตราประทับพระอาทิตย์ตอนนี้ยังอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
“จ้าวเกอเจ้าไปได้ตราประทับพระอาทิตย์มาได้อย่างไร” เสวี่ยชูฉิงถาม
เยี่ยนจ้าวเกอเล่าถึงสิ่งที่ได้เจอมา เสวี่ยชูฉิงถอนใจคำหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ยังเป็นแค่การคาดเดา แต่ว่าในเมื่อราชันพระอาทิตย์ได้ออกจากร่องแยกนพยมโลกในโลกแปดพิภพไปนานแล้ว เช่นนั้นคนที่ชี้แนะข้าในตอนนั้นสมควรเป็นเขา”
………………..