ตอนที่ 1083 รักสุดใจ
หอซื่อฟางตั้งอยู่ทางใต้ของตรอกฮวาซี ณ เมืองต้าติ้ง มิถือว่าเป็นตรอกที่ดีที่สุด ทว่าก็ตั้งอยู่ในทัศนียภาพที่งดงาม ถือเป็นสถานที่ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในเมืองที่หยาบกร้านแห่งนี้
กิจการของหอซื่อฟางแห่งนี้มิได้ดีมากเท่าใดนัก เทียบมิได้กับที่จินหลิงหรือที่เมืองกวนหยุน เหล่าขุนนางที่มีเงินล้วนถูกปลดออกจากตำแหน่ง เหล่าพ่อค้าชาวเหลียวก็ยังลังเลที่จะเดินหมาก ในกระเป๋าของเหล่าราษฎรชาวเหลียวก็เหลือเงินอยู่เพียงไม่กี่ตำลึงเท่านั้น ย่อมมิมีทางมาบริโภคอาหารที่หรูหราเยี่ยงนี้เป็นแน่
ผู้มาทานอาหารและดื่มสุราที่หอซื่อฟางในปัจจุบันนี้ ส่วนมากเป็นพ่อค้าจากประเทศต้าเซี่ยที่หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วสารทิศ
อย่างเช่นค่ำวันนี้ ห้องรับรองที่ใหญ่ที่สุดบนชั้นสองก็ถูกซือหม่าเทาเหมาไปแล้ว ภายในห้องส่วนตัวนั้นมีด้วยกัน 2 โต๊ะ สามารถนั่งได้ 20 คน ทั้งยังดูกว้างขวางเป็นอย่างมาก
บัดนี้มีคนนั่งอยู่ภายในห้องรับรองทั้งหมด 18 คน ดังนั้นจึงแบ่งเป็น 2 โต๊ะไปโดยปริยาย ทว่าแต่ละคนกำลังเอ่ยถึงประสบการณ์จากการเดินทางในครานี้ของตนเอง
“ข้าคาดมิถึงมาก่อนเลยว่าจะมีคนบรรลุข้อตกลงเรื่องเหมืองแร่ชวูอี้ที่ฉางหนิงก่อนพวกเราหนึ่งก้าว ภายหลังได้ยินมาว่า แท้จริงแล้วเป็นตระกูลโจวที่จินหลิง…อดีตตระกูลโจวที่เคยครอบครองกิจการเหมืองแร่ของราชวงศ์อู๋ พวกเขาครอบครองเหมืองแร่ชวูอี้นั้นก่อนพวกเราห้าวันแล้ว…”
หวางซุนอู๋จี้หัวเราะขึ้นมาพลางส่ายหน้า “พวกเราคิดไปเองว่าเข้าใจโอกาสทางธุรกิจนี้ได้ว่องไวมากแล้ว แต่กลับถูกตระกูลโจวตัดหน้าไปเสียได้ ดังนั้นแล้ว พวกเราอย่าได้ประมาทเชียว การพัฒนาทางการค้าของประเทศต้าเซี่ยทำให้สมองของเหล่าพ่อค้าตื่นตัวขึ้นมา หากมิระวังอาจจะถูกคว่ำเรือจากมุมมืดได้ ! ”
“มิใช่ ! ครานี้การเคลื่อนไหวของพ่อค้าที่จินหลิงต่างก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก ข้าสงสัยว่าพวกเขาอาจจะมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมืองต้าติ้งยังมิถูกยึดครองแล้วด้วยซ้ำ ได้ยินมาว่าเหมืองเกลือของอดีตราชวงศ์เหลียวก็ถูกตระกูลเฉินคว้าไปแล้วเช่นกัน นั่นคือเงินก้อนใหญ่เลยนะ ! ”
“พวกสิ่งทอก็เช่นกัน ครานี้ตระกูลหานที่โม่โจวก็ชิงลงมือก่อนแล้ว พวกเขาได้เลือกทำเลที่ดีที่สุดในเมืองจงหลีไปแล้ว ดูเหมือนว่าการแข่งขันในอนาคตจะดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ”
“ประเดี๋ยวขอให้พี่ซือหม่าพาพี่หยุนมาแนะนำสักหน่อยดีกว่า ข้ามักรู้สึกว่าพวกเขาเหล่านั้นเหมือนจะได้รับคำแนะนำมาจากผู้เชี่ยวชาญ ถึงได้ลงมืออย่างแม่นยำและรวดเร็วถึงเพียงนั้น การครอบครองและการผูกขาดทางธุรกิจถือเป็นเรื่องที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด มิน่าจะใช่ความคิดของหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นเป็นแน่”
ทันใดนั้นเอง ซือหม่าเทาก็พาหยุนซีเหยียนผลักประตูเข้าไปในห้องส่วนตัว
ทันทีที่หยุนซีเหยียนมองเข้าไปในห้อง ก็ต้องตะลึงตาค้างไปทันใด
หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทางด้านขวาคือ จังชีเยวี่ย โจ่งหยู คาดมิถึงว่าอีกคนจะเป็นโหยวซีเฟิ่ง !
“ตกใจหรือไม่ ? ” ซือหม่าเทาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ช่างน่าตกใจมากยิ่งนัก ! ”
หยุนซีเหยียนขยี้ตาราวกับมิอยากจะเชื่อ เขารีบเดินเข้าไปหาโหยวซีเฟิ่งอย่างรวดเร็ว โดยที่มิได้บดบังความเร่าร้อนในดวงตาเลยแม้แต่น้อย สายตาของทุกคนจดจ้องไปที่ใบหน้าของเขาและโหยวซีเฟิ่ง ทั้งห้องต่างเงียบสนิท โหยวซีเฟิ่งก้มหน้าหลบด้วยความรู้สึกประหม่า หัวใจเต้นระรัว ขัดเขินจนใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ
“ซีเฟิ่ง ! ”
“อือ…”
“เป็นเจ้าจริง ๆ หรือ ? ! ”
โจ่งหยูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โหยวซีเฟิ่งกลอกตาใส่หยุนซีเหยียนหนึ่งครา “เฮอะ ! เพิ่งจะแยกกันไปมินานมิใช่หรือ ? หรือท่านหยุนจำซีเฟิ่งของพวกเรามิได้แล้วกัน ? ”
หยุนซีเหยียนหัวเราะร่า เขานั่งลงข้าง ๆ โหยวซีเฟิ่ง “คุณหนูโจ่งอย่าหยอกล้อข้าเลย ท่านโหยวช่างเข้มงวดมากยิ่งนัก ข้าคาดมิถึงว่าเขาจะอนุญาติให้ซีเฟิ่งออกมา ! ”
“เพื่อที่จะได้เจอคนรัก นางก็เลยแอบหนีออกมา ! ”
“เยี่ยง…เยี่ยงนั้นก็ดีเช่นกัน ประเดี๋ยวหากข้าเสร็จธุระแล้ว พวกเราค่อยกลับไปยังเมืองกวนหยุน ข้าจะให้ท่านพ่อไปสู่ขอเจ้ากับท่านโหยว”
ภายในใจของหยุนซีเหยียนเต็มไปด้วยความสุข เมื่อได้สติกลับมาจึงยื่นมือออกไปทักทายทุกคน “สวัสดีทุกท่าน…ครานี้พวกเราได้กลับมารวมตัวกันที่เมืองต้าติ้งอีกครา อย่างแรกข้าขออวยพรให้ทุกท่านโชคดี ! ”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็วางมือลงบนโต๊ะ กุมมือของโหยวซีเฟิ่งเอาไว้หลวม ๆ โหยวซีเฟิ่งตื่นตกใจขึ้นมาทันใด อยากจะถึงมือออก แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ให้แก่เขา
“เมื่อมากันครบแล้ว พวกเราก็เริ่มกันเลยเถิด ! ” ซือหม่าเทานั่งอยู่ด้านขวาของหยุนซีเหยียน ทั้งห้องมีทั้งหมด 20 คนที่มารวมตัวกัน
สุราและอาหารถูกนำขึ้นโต๊ะ คนกลุ่มนี้มิใช่เหล่าชายหนุ่มที่ร่ำสุราและสนทนากันอย่างสนุกสนานอีกแล้ว พวกเขาต่างก็สนทนาถึงอนาคตของกิจการ ที่มากไปกว่านั้นก็คือ…พวกเขาต่างก็ให้ความสนใจกับโครงสร้างการค้าของประเทศต้าเซี่ยที่หยุนซีเหยียนจะวางต่อจากนี้
“เส้นทางสายไหมคือแผนการใหญ่ต่อไปที่ฝ่าบาททางวางเอาไว้ รับประเทศซีเซี่ยยึดราชวงศ์เหลียว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการสร้างเส้นทางสายไหมขึ้นมา ดังนั้นเส้นทางสายไหมนี้จึงสำคัญมากเลยล่ะ ! ”
“ทว่าจนถึงวันนี้ฝ่าบาทก็ยังมิได้นำโครงการเส้นทางสายไหมขึ้นมาเป็นแผนการ ข้าคิดว่า…ประการแรกเพราะเขตปกครองตนเองซีเซี่ยและหยวนเป่ยเต้าต้องการการพักฟื้น จำต้องปรับให้เข้ากับนโยบายของประเทศต้าเซี่ยเสียก่อน ประการที่สองคือการค้าของประเทศต้าเซี่ยในตอนนี้ยังมิเป็นไปตามที่ฝ่าบาททรงคาดหวังไว้”
“ส่งที่เรียกว่าเส้นทางสายไหม มิได้หมายถึงผ้าไหมเพียงอย่างเดียว ทว่าครอบคลุมไปถึงสินค้าทั้งหมดของประเทศต้าเซี่ย ! ”
“จากชื่อเล่อชวนจนถึงเขตปกครองตนเองซีเซี่ย จากเขตปกครองตนเองซีเซี่ยไปจนถึงหยวนเป่ยเต้า ดังนั้นจึงได้เริ่มทำการซ่อมแซมถนนขึ้นมาแล้ว ข้าคาดว่า…แผนการนี้จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในแผนการพัฒนาห้าปีฉบับถัดไป ดังนั้น…พวกเจ้าต้องรีบทำให้ผลิตภัณฑ์ของตระกูลยกระดับให้แปลกใหม่ที่สุด”
“เพราะเส้นทางสายไหมมิได้มีแค่ทางบกเท่านั้น ยังรวมไปถึงทางทะเลอีกด้วย เมื่อเริ่มต้นขึ้น นั่นหมายความว่าสินค้าของประเทศต้าเซี่ยจะมีการส่งออกไปยังประเทศอื่น ทว่า…สินค้าของประเทศอื่นก็จะเข้ามาในประเทศต้าเซี่ยเช่นกัน ! ”
“เวทีการค้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครายิ่งใหญ่ จากการแข่งขันภายในประเทศก็จะกลายเป็นการแข่งขันระหว่างประเทศ”
“มีประเทศและสินค้านับมิถ้วนที่ทำการแข่งขันอยู่บนเวทีขนาดใหญ่นี้ ผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดย่อมเป็นผู้ชนะ ส่วนผู้ที่ด้อยกว่าย่อมถูกกำจัดไปโดยปริยาย ดังนั้นฝ่าบาทจึงได้ตรัสออกมาว่ากรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์คือกำลังหลักของการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมกว่าจึงจะสามารถครอบครองตลาดขนาดใหญ่เอาไว้ได้ ถึงจะมีอำนาจในการกำหนดราคา มิเช่นนั้น…”
หยุนซีเหยียนยกจอกสุราขึ้นมา “ทุกท่าน…พวกท่านต่างก็เป็นบุตรชายที่ยอดเยี่ยมของตระกูลการค้าใหญ่ ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถเข้าใจในพระประสงค์ของฝ่าบาทได้อย่างลึกซึ้งและสามารถทำให้สินค้าของตระกูลตนเองยกระดับขึ้นไปสู่สากลได้ และสามารถโลดแล่นอยู่บนเวทีใหญ่ที่กำลังจะเปิดนี้ได้”
“มา…หมดจอก ! ”
ทุกคนต่างยกจอกสุราขึ้นมา ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจวัตถุประสงค์การทำสงครามของประเทศต้าเซี่ยแล้ว และเพิ่งได้เข้าใจว่ายุคสมัยที่รุ่งเรืองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
นั่นเป็นเวทีการค้าแบบใดกัน ?
พวกเขามิทราบว่าหากออกนอกอาณาเขตหยวนเป่ยเต้าไปแล้ว ยังมีอีกกี่ประเทศที่อยู่ถัดไป และพวกเขายิ่งมิทราบเลยว่าสภาพการณ์ของอีกฟากมหาสมุทรเป็นเยี่ยงไร ทว่าในเมื่อองค์จักรพรรดิทรงโน้มนำแผนการนี้ด้วยพระองค์เอง เยี่ยงนั้นก็ต้องเป็นตลาดที่ใหญ่คับฟ้าเป็นแน่ !
หลังจากที่ดื่มสุราจนหมดจอก หยุนซีเหยียนก็ได้เอ่ยด้วยความปลงตกออกมาว่า “เงินทองและทรัพย์สมบัติเต็มเรือหนึ่งลำเมื่อปีนั้นที่ท่านขันทีหลิวนำกลับมาหลังจากออกทะเลไป ท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋สูญเสียไปหนึ่งกองกำลัง ทว่าก็ได้นำทรัพย์สมบัติมากมายกลับมาโดยมีมูลค่ามากถึง 300 ล้านตำลึง ประเทศที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทรมั่งคั่งมากยิ่งนัก สิ่งที่ฝ่าบาททรงประสงค์ก็คือหาเงินจากประเทศเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ! ”
“บนบกก็เช่นกัน ขึ้นเหนือไปจากหยวนเป่ยเต้า ตลอดเส้นทางมีประเทศมากมาย พวกเขามั่งคั่งเป็นอย่างมาก พวกเราก็ต้องหาเงินจากพวกเขาให้ได้เช่นกัน ! ”
“เพื่อหนทางมั่งคั่งจากทั้งสองเส้นทาง ฝ่าบาทจึงได้พัฒนากองทัพเรือ ส่งเสริมการสร้างเรือเดินสมุทรด้วยทุนเอกชน กองทัพเรือของต้าเซี่ยก่อตัวเป็นรูปร่างอย่างรวดเร็ว ข้าคาดว่ากองทัพเรือของต้าเซี่ยจะออกสำรวจเส้นทางเดินเรือได้ในปีหน้า เพื่อเป็นการคุ้มกันเรือสินค้าของต้าเซี่ย”
“นี่คือสองขาในอนาคตของประเทศต้าเซี่ย สิ่งที่ฝ่าบาททรงทำก็คือสร้างส่วนที่ปลอดภัยให้กับพวกเจ้าขึ้นมา พวกเจ้าจะต้องขึ้นไปวาดลวดลายด้วยตนเอง แต่การแสดงนี้บนเวทีขนาดใหญ่นี้จะดีหรือร้าย ก็ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ของพวกเจ้าแต่ละคนแล้วว่า…มีกำลังมากพอที่จะแข่งขันหรือไม่”
งานเลี้ยงในค่ำนี้หยุนซีเหยียนได้เอ่ยไว้เสียมากมาย
มีทั้งความปรารถนาของเขาและมีทั้งความกังวลของเขาด้วยเช่นกัน แท้จริงแล้วเขาเองก็มิทราบว่าสุดท้ายแล้วเวทีนั้นจะใหญ่เพียงใด และการแข่งขันจะดุเดือดเพียงใด
เมื่อถึงช่วงกลางดึก งานเลี้ยงจึงถึงคราเลิกลา หยุนซีเหยียนเมามายเล็กน้อย
เขานั่งมองโหยวซีเฟิ่งด้วยสายตาหวานเยิ้ม “ไป…พวกเรากลับจวนกันเถิด ! ”