บทที่ 248 ระบายอารมณ์
จางต้าเหอได้ยินมาถึงตรงนี้ก็มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย
จริงสิ ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงกันนะ!
ก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงว่าตอนแยกบ้านแล้วจางต้าหูจะได้ส่วนแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่ง ถึงได้คิดว่าจะยกจางเป่าเกินให้เป็นลูกชายของจางต้าหู แต่ถ้าตอนนี้ทำใจเหี้ยมหน่อยไม่ให้จางต้าหูเอาอะไรไปได้แม้แต่น้อย ก็ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องนี้!
ถึงจางต้าเหอจะเป็นคนไม่ดี แต่อย่างน้อยก็ยังสำนึกรู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่เคยคิดเรื่องแยกบ้าน และยิ่งไม่เคยคิดว่าจะบีบจางต้าหูจนไร้สิ้นหนทาง แต่พอได้รับคำชี้แนะจากแม่เถาในวันนี้แล้วก็รู้สึกราวกับตาสว่างขึ้นมาในบัดดล
เขาแค่นเสียงเย็น “พวกเขาโอหังนักไม่ใช่หรือ? ข้าจะดูซิว่าไร้ซึ่งพวกเราแล้วพวกเขาจะกินจะดื่มจะใช้อะไร! เฮอะ!”
แม่เถามองจางต้าเหอด้วยความปลาบปลื้ม “ท่านพี่ ถ้าท่านเห็นแจ้งในเรื่องนี้ได้จะดีมากนะเจ้าคะ”
พวกจางซิ่วเอ๋อกำลังกินข้าวอยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาภายในห้องกำลังหารือว่าจะก่อเรื่องอย่างไร แยกบ้านอย่างไร และจะทำอย่างไรให้จางเป่าเกินได้แต่งภรรยาก่อนแยกบ้าน!
น่าเสียดายที่จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ยินเรื่องเหล่านี้ ถ้านางได้ยินคงต้องปรบมือร้องว่าเยี่ยมยอดอย่างแน่นอน!
ถ้าแยกบ้านได้นี่คงสุดยอดไปเลย!
ถ้าจางต้าหูแยกตัวออกจากแม่เฒ่าจาง ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนนิสัย ไม่โง่งมขนาดนั้นก็ได้
แม่โจวและจางต้าหูใช่ว่าจะอยู่กันไม่ได้ น่าจะใช้ชีวิตอย่างสบายใจขึ้นกว่าก่อนมาก
หลังจากกินข้าวเสร็จ ฟ้าก็มืดลง
คนตระกูลโจวเตรียมตัวกลับ ชายหญิงพากันมาตั้งมากมาย จนตระกูลจางไม่มีที่ให้พักพิง
อีกอย่างพวกเขาได้ระบายอารมณ์ออกไปแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย
ก่อนแม่เฒ่าโจวและหยางชุ่ยฮวาจะไป พวกนางได้ไปหาแม่โจวและพูดคุยกันพักใหญ่
โดยเฉพาะหยางชุ่ยฮวา เวลานี้กำลังถลึงตาสั่งสอนแม่โจวอยู่
“เจ้าจำไว้เลยนะ! ว่าหากหลังจากนี้เจอเรื่องเช่นนี้อีกก็ส่งคนมาบอกข้า! อย่าเอาแต่เก็บไว้กับตัวเอง คนไม่รู้จะคิดว่าพี่สะใภ้นี่ใช้การไม่ได้ ปล่อยให้เจ้าถูกรังแก! ให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะตระกูลโจวของเราเปล่า ๆ” หยางชุ่ยฮวาเห็นแม่โจวที่ตาแดงท่าทางอ่อนปวกเปียกแล้วนึกฉุน
แม่โจวตอบเสียงเบา “ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้”
“เจ้าไม่เพียงต้องรู้ แต่ต้องจำให้ขึ้นใจด้วย ข้าไม่ใช่คนพูดจาน่าฟังก็จริง บางครั้งก็ทำไม่ดีกับเจ้าไปบ้าง แต่เราจะปล่อยให้คนอื่นมารังแกไม่ได้!” หยางชุ่ยฮวาพูดอย่างโมโห
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วแอบหัวเราะในใจ หยางชุ่ยฮวานี่ตลกจริง ๆ
เหมือนเป็นการบอกว่าข้ารังแกเจ้าได้ แต่ห้ามคนอื่นรังแกไม่ใช่เหรอ? แม้จะดูประหลาดไปบ้าง แต่ก็พูดด้วยความจริงใจเต็มเปี่ยม
“ท่านยาย ท่านป้า พวกท่านไม่ไปนั่งเล่นที่บ้านข้าก่อนเหรอเจ้าคะ?” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยชวน
หยางชุ่ยฮวากลอกตาใส่จางซิ่วเอ๋อ “ข้าได้ยินแล้วนะว่าเจ้าอาศัยอยู่ในบ้านผีสิงอัปมงคลนั่น ผู้ใหญ่อย่างเราไม่เท่าไหร่หรอก แต่หลายฝูหลายเป่าอายุยังน้อย ถ้าไปโดนอะไรเข้ามันไม่คุ้มกัน”
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองหยางชุ่ยฮวา นางพูดได้เถรตรงเสียจริง
แต่ดีที่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่รู้สึกเกลียดหยางชุ่ยฮวาแล้ว คำพูดแบบนี้แม้จะไม่น่าฟัง แต่เข้าหูจางซิ่วเอ๋อแล้วกลับทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าหยางชุ่ยฮวาช่างเป็นคนตรงไปตรงมาโดยแท้
ในเมื่อหยางชุ่ยฮวาพูดขนาดนี้แล้ว จางซิ่วเอ๋อคงไม่รั้นชวนต่อ
บวกกับที่บ้านของนางก็ไม่ค่อยสะดวกจริง ๆ ตอนนี้ยังมีเนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนเป็นลูกบ้านอยู่
ตอนคนตระกูลโจวกลับไป จางซิ่วเอ๋อเป็นคนไปส่งด้วยตัวเอง และจ้างเกวียนของเฒ่าหลี่
ปกติแล้วไม่มีใครยอมไปที่ไกล ๆ ในตอนกลางคืนหรอก แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของเฒ่าหลี่ไม่ได้มั่งมีเงินมีทองนัก เห็นจางซิ่วเอ๋อยอมจ่ายด้วยราคาสูงขนาดนี้ เฒ่าหลี่ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ
จางซิ่วเอ๋อเห็นทุกคนขึ้นไปบนเกวียนแล้วถึงเอ่ยขึ้น “ท่านป้า เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณท่านด้วยเจ้าค่ะ”
หยางชุ่ยฮวาแค่นเสียง “ไม่ต้องขอบคุณ! ข้าแค่ไม่ชอบท่าทางโอหังของตระกูลจาง! คราวหน้าถ้าพวกเขายังกล้าทำแบบนี้กับแม่เจ้า ข้าจะให้พวกเขาได้เห็นดีแน่!”
ก่อนออกมาในครั้งนี้ หยางชุ่ยฮวาได้ขู่แม่เฒ่าจางไปยกใหญ่
แม่เฒ่าจางกล้าพูดว่าไม่เสียที่ไหน? ตอนนี้นางได้แต่ขอบคุณฟ้าดิน อยากรีบส่งพวกตัวซวยเหล่านี้ไปเต็มแก่เสียที
จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “อีกสักพักเมื่อข้าว่างแล้ว ข้าจะไปเยี่ยมพวกท่านนะเจ้าคะ”
หยางชุ่ยฮวากลอกตามองบน “ไม่มีของฝากก็ไม่ต้องกลับมา”
แม่เฒ่าโจวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ชุ่ยฮวา เจ้านี่…….”
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกำลังอารมณ์ดี และนึกซาบซึ้งต่อหยางชุ่ยฮวาอยู่มาก จึงไม่รู้สึกโมโหเพราะวิธีการพูดแบบนี้ของหยางชุ่ยฮวา กลับตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าทราบเจ้าค่ะ!”
หยางชุ่ยฮวาชื่นชอบความรู้หน้าที่ของจางซิ่วเอ๋อ จึงพยักหน้าอย่างพอใจ “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาส่งแล้ว พวกเราต้องรีบกลับกัน เจ้าก็รีบนอนเสีย เจ้าเป็นแม่ม่ายเด็กอย่ามัวเดินเพ่นพ่านอยู่ข้างนอกบ้าน ใครมาเห็นเข้าไม่รู้จะพูดถึงในแบบที่ไม่น่าฟังขนาดไหน!”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า ต่อให้หยางชุ่ยฮวาพูดไม่ค่อยดี แต่ความห่วงใยนั้นคือของจริง
จางซิ่วเอ๋อพาจางชุนเถาเดินกลับไปที่บ้านผีสิง
แม่เฒ่าจางเก็บกวาดจานที่เหลืออยู่จนเรียบร้อยถึงก่นด่าอยู่ในลานบ้านขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าพวกตัวขาดทุนเดนตาย! ตั้งแต่มีพวกเจ้า บ้านนี้ก็ไม่เคยสงบเลยสักวัน!”
ตอนเดินผ่านบ้านตระกูลจาง จางชุนเถาได้ยินเสียงด่าของแม่เฒ่าจาง นางเอ่ยเสียงแผ่ว “พี่ ข้าได้ยินท่านย่าเราด่าเราอีกแล้ว”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยบอก “ทำเป็นไม่ได้ยินไป นางแค่พูดเอาสะใจเท่านั้น ไม่กล้าไปรังแกแม่เราซึ่ง ๆ หน้าแล้ว”
ใช่แล้ว จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แม่เฒ่าจางเป็นพวกกล้ารังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ทว่ายำเกรงผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เวลานี้รู้แล้วว่าแม่โจวมีคนในครอบครัวเหมือนกัน ไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่าย ๆ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง
อย่างน้อยก็ไม่กล้าไปทารุณแม่โจวตรง ๆ ตอนนี้นางกำลังโมโหโทโส วิธีระบายอารมณ์ของนางก็แค่ก่นด่าเท่านั้น
ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่แน่ว่านางอาจจะลงมือไปแล้ว ต่อให้ไม่ตีแม่โจวก็ต้องตีจางซานหยา!
ส่วนเรื่องด่า? แม่โจวอยู่ที่บ้านตระกูลจางมาตั้งหลายปี ประโยคไม่กี่ประโยคที่แม่เฒ่าจางเอาไว้ด่าคนนางฟังจนเอียนแล้ว เวลานี้จึงทำเป็นลมพัดผ่านหูไปได้สบาย ๆ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่เก็บไปใส่ใจเลยสักนิด
แม่เฒ่าจางด่าไปพักหนึ่ง เมื่อไม่เห็นว่ามีใครโต้ตอบ จึงพูดอย่างโมโห “จางต้าหู! เจ้าออกมานี่!”
พักหนึ่ง จางต้าหูถึงเดินอ้อยอิ่งเข้ามาในห้องของแม่เฒ่าจาง
ตอนที่จางต้าหูไป แม่โจวทำเพียงมองจางต้าหูนิ่ง ๆ รับรู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่าแม่เฒ่าจางกำลังหงุดหงิดแต่ไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์ เวลานี้จึงคิดจะเรียกจางต้าหูไปเป็นสนามอารมณ์
ไม่นานนัก เสียงแม่เฒ่าจางด่าจางต้าหูก็ดังเข้ามา
“เจ้าเป็นคนตายหรืออย่างไร? เมียเจ้าเองยังคุมไม่ได้ ปล่อยให้คนในครอบครัวนางมากดขี่คนบ้านเรา!” แม่เฒ่าจางโกรธจัด
จางต้าหูเงียบไม่พูดจา
แม่เฒ่าจางด่าอยู่พักใหญ่ และหยิบไม้ขนไก่มาตีจางต้าหูอีกหลายที แต่จางต้าหูก็ยังไม่พูดอะไร
แม่เฒ่าจางรู้สึกเหมือนอกจะแตก นอกจากตัวเองจะไม่ได้ระบายอารมณ์แล้วยังโมโหหนักกว่าเดิมเพราะทีท่าเช่นนี้ของจางต้าหูอีก จึงไล่จางต้าหูกลับไป
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ฮา เป็นอย่างไรล่ะแม่เฒ่า กรรมตามสนองแล้ว
ไหหม่า(海馬)