ตอนที่ 787 ไชโลห์แข้งขาอ่อนแรง
บรรดาผู้วิเศษต่างมีตราประทับและลายเซ็นของตัวเอง
ลอกเลียนแบบไม่ได้
โดยเฉพาะผู้วิเศษนักมายากลกับผู้วิเศษจักรพรรดินี สองผู้วิเศษที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมากที่สุด
ชาวเมืองแห่งโลกจดจำผู้วิเศษสองคนนี้ได้เป็นอย่างดี
และที่สำคัญที่สุดคือ พวกยาต่างๆ ที่มาจากคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์กับสารเคมีอื่นๆ บนกล่องก็จะมีตราประทับของนักมายากลด้วยเช่นกัน
ก็แค่ตราเหล่านั้นเป็นแบบตีพิมพ์ แต่ตราบนกล่องที่คุณนายผู้เฒ่าอวี้หยิบออกมานี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการประทับลงไปโดยตรง
ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้อีกนอกจากยาที่ผู้วิเศษนักมายากลปรุงด้วยตัวเองและมอบให้
“…”
ไม่มีเสียงใดๆ ในเวลานี้ บรรดาแขกเหรื่อต่างมองหน้ากันด้วยความตะลึงงัน
สีหน้าของไชโลห์ขรึมลง แววตาก็เย็นชาลง
ยายแก่หน้าโง่เอ๊ย
ตัวเองซวยคนเดียวยังพอว่า นี่ยังจะฉุดผู้วิเศษไปซวยด้วย
สาเหตุที่นักมายากลได้รับการเคารพจากชาวเมืองเป็นเพราะยาที่เขาทำขึ้นมารักษาได้สารพัดโรค ช่วยยืดอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ได้
ได้รับการขนานนามว่าผู้พิทักษ์โลก
แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์นี้ได้ถูกทำลายแล้ว!
คุณนายผู้เฒ่าอวี้หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม เหงื่อแตกจนเสื้อผ้าเปียกชื้น
เธอประเมินความสามารถของฟู่อวิ๋นเซินผิดไป
ตอนนี้ต่อให้ฟู่อวิ๋นเซินไม่จัดการเธอ สำนักผู้วิเศษก็ย่อมจะลงมืดจัดการเธอโทษฐานที่ทำลายชื่อเสียงของผู้วิเศษ!
แต่ทว่าคุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็ยังคงระเบิดตัวเองไม่หยุด “เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนฉันก็ขอยาที่ควบคุมประสาทได้มาจากท่านนักมายากล ฉันควบคุมลูกชายตัวเอง บีบบังคับให้เขาแต่งงานกับจูซา ฉัน…”
เธอพูดต่อไม่ได้อีก
มีดหั่นอาหารสีเงินลอยมาดังฟึ่บ ทะลุบ่าซ้ายของคุณนายผู้เฒ่าอวี้ ตรึงเธอไว้ที่กำแพงด้านหลัง
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ส่งเสียงกรีดร้อง
ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ไม่รู้ว่าโมโหหรืออารมณ์ดี “ไสหัวไปที่ศาลตัดสิน”
พอคำพูดนี้ออกมา คุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็ถูกดึงมีดออกท่ามกลางสายตาของทุกคน
จากนั้นก็ทรุดตัวลง มือกอดเข่า ค่อยๆ กลิ้งออกไป
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องจัดเลี้ยง
“ทุกคนกินต่อสิ มัวอึ้งอะไรกันอยู่” คุณชายห้าตะโกน “อาหารสดใหม่ดีๆ ทั้งนั้น ไม่กินได้เสียของหมด”
เขารู้สึกสะใจมาก
ไม่เพียงแต่คุณนายผู้เฒ่าอวี้จะชอบเจ้ากี้เจ้าการลูกตัวเอง ยังอาศัยความที่ตัวเองอาวุโสกว่า เคยรังแกพ่อแม่ของเขาด้วยเจตนาที่ไม่ดี
กรรมตามสนองแล้ว
บรรดาแขกเหรื่อดึงสติกลับมาอย่างงงๆ ยิบมีดกับส้อมขึ้นมาอีกครั้ง
…
ภายในห้องส่วนตัวชั้นสอง
“อาอิ๋ง พิษในร่างกายปู่ฟู่ รวมถึงหมอกพิษที่พวกเธอเจอในเมืองมหาวิทยาลัย เป็นฝีมือของนักมายากลใช่ไหม” หลิงเหมียนซีพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันจะไปจัดการหมอนั่น”
“อืม เขาเป็นคนทำยาพิษ และก็เป็นนักปรุงยาพิษอันดับสองบนชาร์ตจัดอันดับของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค” อิ๋งจื่อจินพูด “แต่พวกเธอประเมินฝีมือนักมายากลสูงไป เขาแค่มีหน้าที่ปรุงยา สถานะของเขายังไม่สูงเท่าดวงดาวด้วยซ้ำ”
พอได้ยินแบบนี้อวี้เสวี่ยเซิงก็จับมือฉินหลิงอวี๋
“ฉันไม่เป็นไร” ฉินหลิงอวี๋ส่ายหน้า พูดเสียงเบา “ฉันก็แค่คิดสาเหตุที่เขาต้องทำขนาดนี้ไม่ออก”
หากตัดอวี้เสวี่ยเซิงออก อัลไคด์เป็นผู้วิเศษที่เธอออกไปทำภารกิจด้วยมากที่สุดแล้ว
พลังพิเศษของพวกเธอสองคนใกล้เคียงกันมาก
“หากตัดผู้วิเศษที่ดับสูญอย่างสิ้นเชิงไปแล้วทิ้งอย่างผู้วิเศษผู้โง่เขลา เทวทูต กับวงล้อแห่งโชคชะตา ก็ยังมีพวกผู้วิเศษไม่กี่คนนี้ที่ยังไม่เคยปรากฏตัว” อวี้เสวี่ยเซิงหยิบรายชื่อออกมา “คุณอิ๋งลองดูครับ”
ลำดับที่ห้า ผู้วิเศษจักรพรรดิ
ลำดับที่เก้า ผู้วิเศษพลัง
ลำดับที่สิบสอง ผู้วิเศษยุติธรรม
ลำดับที่สิบสาม ผู้วิเศษคนห้อยหัว
ลำดับที่สิบสี่ ผู้วิเศษยมทูต
ลำดับที่สิบหก ผู้วิเศษเดวิล
ลำดับที่ยี่สิบเอ็ด ผู้วิเศษวันพิพากษา
ลำดับที่ยี่สิบสอง ผู้วิเศษเดอะเวิลด์
“ยุติธรรมกับพลังเบาะแสไม่แน่ชัด” อิ๋งจื่อจินรับมา กวาดตามองเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้ว “ฉันทำนายหาพวกเขาไม่เจอ แต่มีความเป็นไปได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะประสบเหตุการณ์ไม่คาดคิด”
ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน ยุติธรรมกับพลังจัดอยู่ในกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด
หากว่ากันตามเหตุผล ช่วงเวลาที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงภัยพิบัติก็น่าจะเร็วกว่าใคร
แต่ตอนนี้ยังไม่กลับมา
ฉินหลิงอวี๋ก็ขมวดคิ้ว “หรือจะถูกฆ่าแล้ว”
คนที่สามารถฆ่าผู้วิเศษพลังได้ก็มีแค่ผู้วิเศษเดวิลกับผู้วิเศษอัศวินรถม้าแล้ว
แต่สองคนนี้ไม่มีความเป็นไปได้
“เหมียนซี” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ตอนนั้นคนที่เริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์ นอกจากเธอกับเดวิลแล้วยังมีใครอีก”
“จักรพรรดิ ยมทูต” หลิงเหมียนซีหยุดเล็กน้อย “พวกเราสี่คน”
พอพูดถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์ ฉินหลิงอวี๋ก็แอบสงสัย “จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าพวกเธอแพ้ได้ยังไง”
เดวิลมีพลังต่อสู้อันดับหนึ่ง ไม่มีใครสู้ได้
กอปรกับมีผู้วิเศษจักรพรรดิที่ควบคุมคนได้ รวมถึงผู้วิเศษยมทูตที่ควบคุมความตายได้
สามคนนี้รวมกันยังแพ้อีกเหรอ
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “ทำไมถึงเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์”
“โทษที” หลิงเหมียนซีชะงัก “ตอนนี้ฉันยังบอกเรื่องพวกนี้ไม่ได้”
อิ๋งจื่อจินก็ไม่เซ้าซี้ถามต่อ เธอพยักหน้า “พวกเราต้องเตรียมพร้อม ในบรรดาผู้วิเศษเหล่านี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนที่นักมายากลกับดวงดาวจงรักภักดีด้วย”
“อีกทั้งยังจะมีพลังที่ช่วยเพิ่มพลังให้ผู้วิเศษได้”
จุดนี้ยังไม่เห็นความสอดคล้องกับผู้วิเศษคนไหน
ทำให้จนถึงตอนนี้พวกเขาเลยยังหาไม่พบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือใคร
พวกเขามองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบาๆ
เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องทำนายแล้ว
เมื่อใดที่ผู้วิเศษยี่สิบสองคนเกิดความขัดแย้ง
สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สองจะต้องปะทุขึ้นอย่างแน่นอน
…
ไม่นานคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงก็ถูกเผยแพร่บนเว็บดับบลิว
ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งของชาร์ต
[คุณชายฟู่นั่งตรงนั้นกินขาดสุดๆ อารมณ์แบบว่าใครกล้าเถียง มีดเล่มนั้นปักคอแน่ พวกแม่พระทั้งหลายเลยตกใจหุบปากตามๆ กัน]
[ยายแก่นี่ชอบเอาศีลธรรมมาบีบบังคับคนในบ้าน โชคดีที่คุณชายฟู่ไม่ได้โตมาในตระกูลอวี้ คุณชายเซ่าอิ่งก็กลับตระกูลเรนเกลไปแล้ว ทำร้ายคนครั้งแล้วครั้งเล่า รีบไสหัวไปอยู่ที่อื่นเถอะ]
[ช่วยพิมพ์ชื่อแม่พระพวกนั้นขึ้นมาหน่อยสิ ฉันอยากทำความรู้จักไว้ วันหลังจะได้เลี่ยง กลัวเดินเข้าไปเฉียดแล้วเสนียดจะติดมา]
แต่สิ่งที่ชาวเมืองสนใจมากกว่าคือเรื่องที่คุณนายผู้เฒ่าอวี้ไปขอยามาจากผู้วิเศษนักมายากล
[ช่วยด้วย ภาพลักษณ์ท่านนักมายากลในใจฉันพังทลายแล้ว นี่ไม่เท่ากับว่าเขาทำร้ายคนทางอ้อมไปหลายคนแล้วเหรอ!]
[ทำไมท่านนักมายากลถึงได้ทำยาแบบนี้ออกมา เขาเป็นหมอนะ ทำได้ยังไง]
[แต่นี่มันไม่เกี่ยวข้องกับท่านนักมายากลนะ เห็นๆ อยู่ว่ายายแก่คนนี้โหดเหี้ยมเอง ท่านนักมายากลไม่รู้เสียหน่อยว่านางจะเอายาไปทำอะไร ถ้าไม่มีท่านนักมายากล พวกโรคที่รักษายากจะหายได้เหรอ ใครจะรักษาโรคให้พวกเธอ]
จุดนี้ทำเถียงไม่ออกจริงๆ
ไม่นานคำวิจารณ์ที่ขัดแย้งก็ถูกกลบไป เหลืองเพียงเสียงด่าคุณนายผู้เฒ่าอวี้
คนดูแลที่รับหน้าที่รวบรวมข้อมูลได้รายงานข่าวนี้ไปยังสำนักผู้วิเศษ
ซาโรห์ฟังจบก็บีบแก้วกระเบื้องแตก
คนดูแลไม่กล้าหายใจแรง
สายตาของซาโรห์เย็นชาสุดขั้ว “รอไชโลห์ควบคุมตระกูลเรนเกลได้เมื่อไร รีบกำจัดลูกชายของฟู่หลิวอิ๋งกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลที่เพิ่งตามเจอทันที!”
มีคนทำลายชื่อเสียงของผู้วิเศษอีกแล้ว ปล่อยไว้ไม่ได้
อีกทั้งมีจอมยุทธ์ปะปนเข้ามาในเมืองแห่งโลก
ประจวบเหมาะกับที่สองคนนี้ถูกพากลับมาจากประเทศจีนพอดี
ไม่แน่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์
เธอไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของเธออีก
พอนึกถึงคืนนั้น ซาโรห์ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แขนซ้ายขวาของตัวเอง
เธอไม่มีทางพูดเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้เสียหน้าหมด
สีหน้าของซาโรห์ผ่อนคลายลง เธอกำชับด้วยเสียงเย็นชาอีกครั้ง “ไปบอกไชโลห์ว่า ทุ่มเทเพื่อการคัดเลือกหัวหน้าตระกูลให้เต็มที่ ทางที่ดีกำจัดคู่ต่อสู้ทิ้งตอนประลองการต่อสู้”
คนดูแลตอบด้วยความนอบน้อม “ครับท่านจักรพรรดินี”
…
งานเลี้ยงของตระกูลอวี้ครั้งนี้ดำเนินไปจนถึงเวลาสี่ทุ่มก็จบสิ้นลง
ไชโลห์สังเกตเห็นได้ชัดว่าท่าทีของบรรดาแขกเหรื่อที่มีต่อเธอเปลี่ยนไป
ดูยำเกรงอยู่ห่างๆ
แสดงให้เห็นว่าเริ่มสงสัยในตัวผู้วิเศษนักมายากลแล้ว
พวกไม่มีจุดยืน
ไชโลห์แสยะยิ้ม หันตัวเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง
ได้รับแจ้งข่าวจากคนดูแลพอดี
“อืม เข้าใจแล้ว” ไชโลห์พูด “ท่านจักรพรรดินีไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการคัดเลือกหัวหน้าตระกูล”
“บอกท่านจักรพรรดินีว่าทำใจให้สบาย ไม่ต้องกังวล ผู้วิเศษพระจันทร์กับผู้วิเศษพระอาทิตย์เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน บารมีของพวกเขาสู้ท่านจักรพรรดินีไม่ได้หรอก ฉัน…”
ไชโลห์หันตัว ทันใดนั้นคำพูดก็หยุดชะงัก
เธอมองคู่ชายหญิงที่อยู่หน้าแปลงดอกไม้ด้วยความตะลึง
เมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขาชัดเจน แข้งขาก็อ่อนแรงในทันที สมองอื้ออึง หยุดทำงานไปชั่วขณะ
ไชโลห์เคยกลับไปสำนักผู้วิเศษรอบหนึ่ง ได้เจอผู้วิเศษพระจันทร์กับผู้วิเศษพระอาทิตย์พอดี
เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมซาโรห์ถึงรู้สึกอิจฉาในบางครั้งที่เอ่ยถึงผู้วิเศษสองคนนี้
เข้าขากันอย่างดี คู่สร้างคู่สม
แต่ทำไมผู้วิเศษสองคนนี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่
ไชโลห์คุกเข่าลงทันที พูดเสียงสั่น “น้อมเคารพท่านเหยียน ท่านพระจันทร์”
มือของฉินหลิงอวี๋วางบนบ่าของอวี้เสวี่ยเซิง พูดกึ่งยิ้ม “เธอพูดต่อสิ”