ตอนที่ 804 กลับมาในนามเดวิล!
ผู้วิเศษเดวิลเป็นผู้พิทักษ์อันดับหนึ่งของโลก
เคยถูกพลเมืองโลกเรียกด้วยความเคารพว่า “ดวงดาวเจิดจรัส บุตรแห่งเกียรติยศ”
เขามักปรากฏตัวได้ทันเวลาเมื่อเกิดภัยพิบัติ ทำลายความมืดที่ปกคลุม ปกป้องอยู่เบื้องหน้าทุกคน
คล้ายแสงแรกก่อนฟ้าสางที่มาจากดวงดาว สะดุดตาโดดเด่น
ไม่มีใครเทียบชั้นได้
แต่ความโชติช่วงและเกียรติยศทั้งหมดนี้ได้ดับสิ้นลงอย่างสิ้นเชิงในสงครามศักดิ์สิทธิ์
ฉายา ‘ดวงดาวเจิดจรัส’ ก็ได้ถูกย้ายไปที่ผู้วิเศษสังฆราช หลุยส์ ธีเซียส
แต่เขาไม่แคร์เรื่องพวกนี้
จะฉายาเดวิล ฉายาดวงดาวเจิดจรัส เขายอมทิ้งไปได้
ขอแค่แลกกับการที่เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อ
แลกกับการที่เขาและเธอยังได้เจอกันอีกครั้งในหลายปีให้หลัง
ต่อให้ทำได้เพียงมองเธออยู่ไกลๆ ก็ยังดี
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าเล็กน้อย หัวเราะออกมาเบาๆ เรียกฉายาในตอนแรกสุดนั้นออกมา “เจ้าชะตาน้อย”
เขาจำได้แล้ว
ไม่ใช่แค่ช่วงวันเวลาที่ผู้วิเศษเดวิลกับวงล้อแห่งโชคชะตาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เรื่องที่เขาประสบมาในแต่ละชาติที่เปลี่ยนภพ เขาก็นึกออกหมดแล้ว
แต่ตอนนี้ เขากลับมาบนผืนแผ่นดินนี้อีกครั้ง
ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ชื่อของเดวิล…
ได้ กลับ มา แล้ว!
ท้องฟ้าที่มืดสนิทได้แปรปรวนอีกครั้งในเวลานี้
ครืนนน
ลมพัดกระโชกรุนแรง กระแทกบานกระจกอย่างบ้าคลั่ง
ถึงขั้นที่สำนักผู้วิเศษที่ลอยตระหง่านมั่นคงมาหลายสิบศตวรรษก็เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย
ซาโรห์ยังคงล้มอยู่บนพื้น สีหน้าซีดเซียว
การโจมตีครั้งสุดท้ายของอิ๋งจื่อจินก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายใน
แต่กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกออกจากกัน
พลังเยียวยาในตัวผู้วิเศษไม่สามารถกำจัดความเจ็บปวดพวกนี้ได้
เธอถูกมนุษย์ธรรมดาหยามเกียรติขนาดนี้ เธอทนโดนดูถูกแบบนี้ไม่ได้
เล็บของซาโรห์จิกเข้าฝ่ามือจนแทบมีเลือดออก
“ซาโรห์!” เวลานี้นักบวชหญิงสาวเท้าเดินเข้ามาด้วยความร้อนรน “เดวิลกลับมาแล้ว! เขากลับมาแล้วจริงๆ!”
ซาโรห์หน้าถอดสี “ว่าไงนะ เขากลับมาได้ยังไง เขามาที่สำนักผู้วิเศษแล้วเหรอ”
“เปล่าเลย ชั้นที่เขาอยู่ไม่เคยมีคนเหยียบเข้าไป” เสียงของนักบวชหญิงร้อนรน “ซาโรห์ พวกเราต่างรู้ว่าการดับสูญของเขาไม่เหมือนผู้วิเศษคนอื่น ถ้าเขาจะฟื้นคืนความทรงจำกับพลังก็ต้องใช้วิธีอื่น”
ดวงตาของซาโรห์ฉายแววดีใจ แต่เพียงชั่วพริบตาก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง
เธอไม่อยากให้ผู้วิเศษคนอื่นมองออกว่าเธอมีใจให้เดวิล
มิฉะนั้นจะส่งผลต่อชื่อเสียงของเธอ
อย่างไรเสียเธอก็คาดไม่ถึงว่าผู้วิเศษเดวิลที่เคยเจิดจรัสขนาดนั้นจะยินยอมตกต่ำ ก่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นคนทรยศที่ถูกตรึงบนเสาอัปยศ
ซาโรห์เกาะกำแพง พยายามยืนขึ้น พูดด้วยเสียงเย็นชา “บอกอัศวินรถม้ากับพวกพระจันทร์พระอาทิตย์ให้เตรียมรับสงคราม”
นักบวชหญิงยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นมาอีก
เป็นผู้วิเศษสังฆราช
เป็นครั้งแรกที่หลุยส์มีสีหน้าจนตรอก “เขากลับมาแล้วเหรอ!”
“ใช่ กลับมาแล้ว” ซาโรห์หันไป พูดประชด “คิดว่าตัวเองยังจะได้ใช้ฉายา ‘ดวงดาวเจิดจรัส’ ต่อไหมล่ะ”
ตอนนี้ชาวเมืองแห่งโลกต่างเรียกผู้วิเศษสังฆราชอย่างยกย่องว่า ‘ดวงดาวเจิดจรัส’
ไม่มีใครนึกถึงผู้วิเศษเดวิล
แต่พวกเขารู้ดีว่าเป็นผู้ขโมย
หลุยส์สีหน้าเปลี่ยน อยู่ๆ ก็แสยะยิ้ม “ผมจะให้เขารู้ว่าเขามันไม่คู่ควรกับฉายา ‘ดวงดาวเจิดจรัส’!”
อย่างน้อยผู้วิเศษเดวิลก็ลบจุดด่างพร้อยเรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้
…
ในเวลาเดียวกันที่ตระกูลเรนเกล
นอร์ตันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศแล้ว แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เป็นผู้วิเศษสายต่อสู้เหมือนกัน เขาจึงรู้สึกได้ตอนที่หอคอยกับคนห้อยหัวออกโรงพร้อมกัน
แต่ก่อนหน้านี้อิ๋งจื่อจิน ‘สั่ง’ เขาอยู่หลายรอบ บอกให้เขาเฝ้าที่ตระกูลเรนเกลไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าคนในครอบครัวของเธอจะไม่ถูกทำร้าย
เธอมักเป็นแบบนี้เสมอ ไม่เคยนึกถึงตัวเอง
เคยพูดคุยกับฟู่อวิ๋นเซินหลายครั้ง นอร์ตันพอจะเดาบางอย่างได้ แต่ก็ไม่แน่ใจมาตลอด
แต่ตอนนี้เขาแน่ใจได้แล้ว
ฉินหลิงอวี๋พูดด้วยความดีใจ “เสวี่ยเซิง พลังของเขาฟื้นกลับมาแล้วใช่ไหม!”
“ใช่ ฟื้นกลับมาแล้ว” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มบาง “เพราะตอนนั้นผมก็กำลังเดาอยู่ว่าอวิ๋นเซินจะต้องอาศัยแรงกระตุ้นรุนแรงจากภายนอกถึงจะฟื้นความทรงจำหรือเปล่า”
“แรงกระตุ้นรุนแรงเหรอ” ฉินหลิงอวี๋อึ้ง “แรงกระตุ้นอะไร”
อวี้เสวี่ยเซิงเงียบไปชั่วขณะ “ขีดจำกัดความอดทนของเขา”
อิ๋งจื่อจิน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาก็สามารถแน่ใจได้ว่าอิ๋งจื่อจินจะต้องเป็นวงล้อแห่งโชคชะตาแน่นอน
แม้พวกเขาจะยังไม่แน่ใจก็ตามว่าฟู่อวิ๋นเซินเสียสละไปมากแค่ไหนกว่าจะทำให้อิ๋งจื่อจินกลับมาได้
ฉินหลิงอวี๋นึกถึงตอนที่ผู้วิเศษเดวิลกับผู้วิเศษวงล้อแห่งโชคชะตายังอยู่ วันเวลาที่พวกเขาร่วมมือกัน
ไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่ออกว่าผู้วิเศษสองคนนี้เคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกัน
แล้วสรุปว่าสองคนนี้ไปปิ๊งปั๊งกันตอนไหน
“พวกเราไปเถอะ” ฉินหลิงอวี๋กวาดตามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มอย่างรวดเร็ว “มีอัศวินรถม้าเฝ้าที่นี่อยู่ พวกเราวางใจได้”
อวี้เสวี่ยเซิงพยักหน้า
ทั้งสองคนรีบรุดไปทางประตูเมือง
หน้าประตูเมืองที่ปิดสนิท
ฟู่อวิ๋นเซินกำมือ ค่อยๆ ยืนขึ้น “ไม่เจอกัน…นานเลยนะ”
ชั่วขณะนี้ที่ความทรงจำกับพลังฟื้นคืน พลังเยียวยาในตัวผู้วิเศษก็ได้รักษาบาดแผลน้อยใหญ่บนตัวเขา เลือดหยุดไหล
ถึงแม้ความเจ็บปวดจะยังไม่หมดไป แต่ความเจ็บระดับนี้เล็กน้อยมากสำหรับเขา
ความเจ็บปวดรุนแรงที่สุดที่เขาเคยได้รับไม่มีอะไรมากไปกว่าการสูญเสียเธอแล้ว
ดังนั้นเท่ากับเขาไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป
หอคอยสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนท้องฟ้าเปลี่ยนไป
เขาเหมือนนึกเรื่องเหลือเชื่อขึ้นมาได้ สีหน้าช็อกอย่างรุนแรง กำลังจะถอยหนี
แต่ก็ไม่ทันแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น กวาดตามองแล้วยิ้ม
เขากำมือชกเข้าไปที่หัวหอคอย
พลั่ก!
เสียงกระแทก
ผู้วิเศษหอคอยที่ควบคุมภัยพิบัติถูกซัดหมัดเดียวหมอบไปบนพื้น
หมัดนี้พลังมหาศาล พื้นยุบเป็นหลุมลึก
เป๊าะๆ
เสียงกระดูกหลายสิบท่อนหักดังต่อเนื่อง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้หอคอยลุกไม่ขึ้น สมองอื้ออึง
นี่คือพลังต่อสู้ของผู้วิเศษเดวิล!
“แล้วก็นาย โจ้วเหยียน” ฟู่อวิ๋นเซินหันไป ลูบอกเสื้อเบาๆ “นึกไม่ถึงว่าคนที่เสียสละเพื่อพลเมืองโลกอย่างนายก็ยืนอยู่ฝั่งนั้นด้วย”
ไพ่คนห้อยหัวในสำรับไพ่ทาโรต์หมายถึง ‘การเสียสละ’
เมื่อก่อนมีภัยพิบัติน้อยใหญ่อย่างไม่ขาดสาย เขากับโจ้วเหยียนออกทำภารกิจด้วยกันก็หลายครั้ง
โจ้วเหยียนก็เลือกอยู่ฝ่ายหัวกะโหลกสีดำด้วย มันเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
ทำไม
ดวงตาของโจ้วเหยียนเบิกโพลง
หลังจากที่พวกเขาติดตามท่านผู้นั้น ช่วงหลายปีมานี้พลังก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เกินผู้วิเศษคนอื่นไปนานแล้ว
เพราะพวกเขาได้เริ่ม ‘กลับหัว’ จากการช่วยเหลือของท่านผู้นั้น
ดังนั้นเมื่อเขาผนึกกำลังกับหอคอย ต่อให้เป็นผู้วิเศษพลังก็ยังต้านทานไม่ได้
หากบนโลกนี้ยังมีผู้วิเศษสักคนที่สามารถสู้กับพวกเขาได้ ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคนก็คงมีแค่คนเดียว
ผู้วิเศษเดวิล!
โจ้วเหยียนที่ต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มสีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยน เวลานี้หน้าถอดสีในชั่วพริบตา เขาพูด “เดวิล!”
หลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาแทบลืมการมีตัวตนของผู้วิเศษเดวิลไปแล้ว
แน่นอนว่าเดิมทีผู้วิเศษเดวิลที่มีพลังต่อสู้อันดับหนึ่งคือสุดยอดเป้าหมายที่พวกเขาอยากดึงมาร่วมด้วย
แต่ผู้วิเศษเดวิลดับสูญในสงครามศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย
พวกเขาก็หาตัวไม่พบว่าเปลี่ยนภพไปที่ไหน
จึงคิดไปโดยปริยายว่าเดวิลไม่มีทางกลับมาแล้ว
ส่วนแอสโตรแลบที่เอาไว้สังเกตการณ์สรรพสิ่ง พูดให้ถูกคือเป็นเพียงพลังอันน้อยนิดที่วงล้อแห่งโชคชะตาเหลือไว้ ซึ่งก็ไม่แม่นยำ
“นาย อยู่ตรงนี้ไปซะ” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “แน่นอนว่านายจะลองหนีไปก็ได้”
ไม่ว่าเมื่อก่อนโจ้วเหยียนจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเขาขนาดไหน ตราบใดที่คนพวกนี้คิดจะทำร้ายอิ๋งจื่อจิน เขาก็จะไม่มีทางปล่อยไป
โจ้วเหยียนอยากไปก็ไปไม่ได้ ร่างกายของเขาถูกล็อกไว้ ขยับไปไหนไม่ได้
สถานการณ์พลิกในชั่วพริบตา!
“ลุกขึ้น” ฟู่อวิ๋นเซินมองหอคอยที่ทรุดอยู่บนพื้นแล้วพูดขึ้น
เขายกมือกระชากตัวหอคอยขึ้นมาจากหลุมลึกแล้วลงมืออีกครั้ง
พลั่ก!
โดนซัดอีกหมัด หอคอยกระเด็นอีกรอบ
กระดูกหักและผสานกันไม่หยุด เจ็บจนทำให้เขาทนไม่ไหว
“ความเจ็บแค่นี้มันจะสักเท่าไร” ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ยังคงพูดเหมือนเดิม “ลุกขึ้น!”
เหงื่อผุดเต็มหน้าผากของหอคอย หน้าซีดเหมือนกระดาษ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสู้กับผู้วิเศษเดวิล แต่เขากลับถูกโจมตีจนเงยหน้าไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
ฝีมือของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ก็ยังคงเอาชนะผู้วิเศษเดวิลไม่ได้!
หอคอยกัดฟัน เรียกฟ้าผ่าและลมพายุอีกครั้ง
ฟู่อวิ๋นเซินยืนอยู่ใต้ท้องฟ้าสีดำ ปล่อยให้สายฟ้าผ่าลงมาที่ตัวเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่ครั้งนี้กลับไม่มีแม้แต่ประกายไฟ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบาดแผล
ฟู่อวิ๋นเซินบีบคอหอคอย ยิ้มพลางพูด “เมื่อกี้แกพูดว่าไง”
“แกบอกว่าจะฆ่าใครนะ”