ตอนที่ 813 ดวงดาวเจิดจรัสที่แท้จริง หักหน้า
ด้านหลังของเขาเป็นดวงอาทิตย์สีแดงขนาดใหญ่ แสงเปล่งประกายเจิดจ้า
แสงแห่งดวงดาวในยามเช้า ทะลุความมืดมิด
“…”
ทั่วทั้งเมืองแห่งโลกตกอยู่ในห้วงแห่งความเงียบ
ราวกับตายกันหมด
เพราะการตัดสินคดีต่อหน้าชาวเมืองครั้งนั้นทำให้มีคนรู้จักฟู่อวิ๋นเซินอยู่ไม่น้อย
แต่ภาพจำของเขาในสายตาชาวเมืองคือใบหน้าอันหล่อเหลาและมาดเข้มองอาจ
ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องความสามารถของเขา
อาจเพราะท่ามกลางสายตาคนมากมาย ไม่มีใครสามารถลงมือเล่นงานจักรพรรดินีได้นอกจากผู้วิเศษคนอื่น
ซาโรห์กำคฑาในมือแน่น ดวงตาฉายแววสับสน
แต่เธอก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือพิธีฉลองขึ้นปีใหม่ กัดฟันพูด “เดวิล!”
ชื่อนี้ทำให้ทุกคนตะลึง
พิธีฉลองขึ้นปีใหม่ในทุกปีจะมีการประกาศความผิดที่ผู้วิเศษเดวิลเคยก่อไว้ ทำให้ชาวเมืองแห่งโลกในแต่ละรุ่นต่างจดจำได้ดี
ฟู่อวิ๋นเซินก็คือผู้วิเศษเดวิล!
ผู้วิเศษเดวิลที่ในตำนานเล่าขานว่าเขาต้องการทำลายล้างเมืองแห่งโลก ตอนนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาเป็นครั้งแรกงั้นเหรอ
ชาวเมืองตกตะลึงร้องเสียงหลง
คุณนายผู้เฒ่าอวี้มองหน้าฟู่อวิ๋นเซินด้วยความตกใจ ไม่อยากเชื่อสายตา
เธอร้องโวยวายเหมือนคนบ้า “ไม่…ไม่จริง!”
ความลับที่ว่าผู้วิเศษจะเปลี่ยนภพไปเรื่อยๆ รู้กันแค่ภายในสำนักผู้วิเศษ แต่คุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็เคยพอได้ยินมาบ้าง
เพราะคำเล่าลือเรื่องเลือดสีทอง
เล่าลือกันว่าเด็กทารกที่เกิดในเมืองแห่งโลกและมีเลือดสีทองจะเป็นผู้วิเศษ
ตระกูลอวี้ของเธอมีผู้วิเศษปรากฏ!
แถมยังเป็นผู้วิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้วิเศษเดวิลที่อยู่เหนือผู้วิเศษคนอื่นๆ!
นี่เธอทำอะไรลงไป!
เดิมทีร่างกายของคุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็แย่อยู่แล้ว พอถูกฤทธิ์ยาพิษเอสยี่สิบสามเข้าไปกัดกร่อนอีก สมองก็เริ่มรวน
ฟู่อวิ๋นเซินทำเธอช็อกมาก หายใจไม่ทัน หมดสติทรุดลงไปกองบนพื้น
โมโหตายอย่างไม่รู้ตัว
“เพิ่งกลับมาก็จัดงานพบหน้าให้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้” ฟู่อวิ๋นเซินปรบมือ ยิ้มพลางพูด “ใช้ได้ เซอร์ไพรส์พอสมควร มีอะไรก็พูดกันต่อหน้า แบบนั้นจะยิ่งเข้าใจกัน ใช่ไหมล่ะ”
ไม่มีใครกล้าตอบ
ซาโรห์เกร็งตัวแข็ง ไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหน
นี่ยังเป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกของเธอกับผู้วิเศษเดวิลหลังจากผ่านสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งนั้นมาหลายสิบศตวรรษ
เขายังคงแข็งแกร่ง สะดุดตา สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
“โอ้โห สุดยอด!” ฉินหลิงเยี่ยนตบต้นขา “เหล่าฟู่ปรากฏตัวแบบนี้เหมือนจัดฉากหลังมาเองเลย”
ซีซาร์ลูบคาง แสดงความคิดเห็น “มีระดับจริงๆ”
อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขา “เขาคู่ควร”
“บอสไม่เป็นไรใช่ไหม” ซีซาร์สังเกตเห็นว่าอิ๋งจื่อจินหน้าซีดลง จึงถามด้วยความเป็นห่วง “สีหน้าบอสดูไม่ค่อยดีเท่าไร”
“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินนวดขมับ “อาการเดิมๆ นึกไม่ถึงว่ากลับมาเกิดใหม่ก็ยังเป็น”
ซีซาร์อึ้ง “อาการแบบไหน”
“ทุกปีจะมีอยู่ไม่กี่วันที่แน่นหน้าอก หายใจลำบาก” อิ๋งจื่อจินหาวหวอด “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อก่อนฉันพยากรณ์ดวงชะตาให้คนอื่นก็ใช่ว่าจะไม่เคยอาเจียนเป็นเลือด”
พูดจบเธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พูดเตือน “ห้ามบอกเขา”
ซีซาร์ “…”
เขาแอบลำบากใจ
ล่วงเกินไม่ได้ทั้งสองฝั่ง
“ยัยเปี๊ยกพิการระดับสามนั่นล่ะ” ซีซาร์จำต้องเปลี่ยนเรื่องคุย “เห็นตัวติดตลอดไม่ใช่เหรอ”
“กลับตี้ตูแล้ว”
“อ่อ”
ในที่สุดทองคำของเขาก็ปลอดภัยแล้ว
ซาโรห์ที่อยู่บนเวทีได้สติกลับมา พูดเสียงแข็ง “ว่าไงนะ ความผิดที่คุณเคยก่อไว้ยังต้องให้ฉันพูดซ้ำอีกรอบไหม”
“ความผิดเหรอ” ในที่สุดฟู่อวิ๋นเซินก็หันมามองเธอ “ไหนว่ามาซิ ความผิดอะไร”
สายตานี้ทำซาโรห์ยืนเกร็งอยู่กับที่
“นั่นสิซาโรห์ พูดมาสิ” มีเสียงพูดขึ้น “ตอนนั้นเดวิลฆ่าใครกันแน่ เธอไล่เรียงมาได้เลย”
“ยังไงฉันกับเหยียนก็เข้าร่วมสงครามครั้งนั้นด้วย จะได้เป็นพยานให้”
“ฟึ่บ”
ฉินหลิงอวี๋กับอวี้เสวี่ยเซิงเหาะขึ้นไปอยู่บนเวทีพร้อมกัน
คนที่ตามหลังไปยังมีหลิงเหมียนซีกับซิว
ซาโรห์ดวงตาเบิกโพลง ขบฟันแน่นอีกครั้ง “พวกเธอ…”
เธอรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าพระจันทร์กับพระอาทิตย์ที่เป็นคนยุติธรรมจะเลือกเข้าข้างเดวิล!
บ้าไปแล้ว!
“ในเมื่อไม่พูดออกมา งั้นพวกเราจะพูดแล้วนะ” ฉินหลิงอวี๋พูดเสียงแข็ง “เดวิลไม่เคยทำร้ายใครตั้งแต่แรก ถ้าเขาต้องการทำลายเมืองแห่งโลกจริง เธอคิดว่าพวกเธอจะขวางได้เหรอ หืม?”
“พวกคุณคิดว่าจักรพรรดินีจะขัดขวางได้เหรอ!”
คำพูดนี้หันไปพูดกับชาวเมือง
ชาวเมืองมองหน้ากัน
ต้องยอมรับเลยว่าคำพูดนี้เป็นความจริง
ประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งโลกย่อมเขียนถึงแต่ผู้ชนะ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงไม่มีใครรู้นอกจากคนที่เข้าร่วมสงคราม
ซาโรห์โกรธจนหน้าเขียว พูดเสียงสั่น “เธอหาว่าฉันใส่ร้ายเขาเหรอ เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์หรือไง”
“พูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็อยากถามพวกเธอเหมือนกัน” ฉินหลิงอวี๋สายตาเย็นชา “ไชโลห์เป็นลูกศิษย์ของเธอถูกต้องไหม”
ซาโรห์อยากปฏิเสธ แต่ก็ทำไม่ได้
เธอทำได้เพียงพยักหน้าพร้อมสีหน้าบึ้งตึง
“ดีมาก” ฉินหลิงอวี๋พูด “งั้นก็หมายความว่าไชโลห์จ้างคนแอบเข้าไปในตระกูลเรนเกลเพื่อฆ่าคู่แข่งก็เป็นฝีมือเธอบงการงั้นสิ”
ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยนทันที “เธอพูดเหลวไหลอะไรน่ะ!”
“เหลวไหลเหรอ” ฉินหลิงอวี๋ยิ้ม “มา ทุกคนเข้าเว็บดับบลิวดูหน่อยเร็ว”
พวกชาวเมืองพากันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างงงๆ แล้วเข้าเว็บดับบลิว
มีข่าวที่ถูกปักหมุดไว้ปรากฏในหน้าหลักของทุกคน
เป็นคลิปวิดีโอและคลิปเสียง
พอกดเปิดฟังคลิปเสียง เสียงที่คุ้นเคยก็ลอยมาเข้าโสตประสาท
‘สามสนามสุดท้าย ฉันไม่สนว่าเธอจะใช้วิธีไหน ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!’
ส่วนคลิปวิดีโอเป็นตอนที่พวกคนคุ้มกันที่ไชโลห์เรียกมากำลังบุกเข้าตระกูลเรนเกล
ชาวเมืองไม่รู้ว่าทีมคุ้มกันพวกนั้นอยู่ใต้อาณัติของใครกันแน่
แต่มีฝีมือต่อสู้สูงขนาดนี้ก็คงมีแค่สำนักผู้วิเศษ
หลักฐานชิ้นนี้มัดตัวซาโรห์แน่น
ถึงแม้ชาวเมืองจะไม่คุ้นเคยกับผู้วิเศษคนอื่นๆ นัก คุ้นเคยแค่ผู้วิเศษจักรพรรดินีกับผู้วิเศษสังฆราช
แต่ภายในใจของพวกเขา ตราบใดที่เป็นผู้วิเศษก็คือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งนั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าช่วงนี้พฤติกรรมของซาโรห์ได้บั่นทอนศรัทธาของพวกเขาเรื่อยๆ
ซาโรห์หน้าซีด
ทำไมเธอถึงถูกอัดเสียงตอนคุยกับไชโลห์!
“คลิปเสียงนี้มาจากไหน” เจียงหรานงง “ฝีมือพ่ออิ๋งเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว ตอบอย่างใจเย็น “ก็แค่อุปกรณ์ดักฟังขนาดจิ๋ว อย่าดูถูกเทคโนโลยี”
ทำอะไรต้องรู้จักรอบคอบ
“จริงสิ ฉันก็มีอะไรอยากพูดเหมือนกัน” หลิงเหมียนซียิ้ม “ซาโรห์ เธออธิบายให้ทุกคนฟังหน่อยนะว่าที่เธออยากฆ่าฉันตอนที่พลังกับความทรงจำยังไม่กลับมา มันหมายความว่าไง”
คราวนี้เกิดเสียงฮือฮายกใหญ่
“ยังจะเป็นเพราะอะไรได้” ซาโรห์โกรธมาก “ตอนนั้นเธอก็เข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์ด้วย ฉันทำเพื่อปกป้องเมืองแห่งโลก ไม่ได้หรือไง”
“ใช่ ได้สิ” หลิงเหมียนซียักไหล่ “แต่เธอก็บอกมาหน่อยสิว่าฉันทำร้ายใครแล้วเหรอ”
ซาโรห์พูดไม่ออก เส้นเลือดปูดบนหน้าผาก
เธอเข้าใจแล้ว วันนี้ที่พวกผู้วิเศษพวกนี้มาก็เพื่อฉุดเธอลงจากอำนาจสูงสุด
เธอไม่มีทางยอมให้สมหวังหรอก!
ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจซาโรห์ เดินตรงไปยังอีกบัลลังก์หนึ่ง “ลุกขึ้น”
หลุยส์สีหน้าเปลี่ยน “เดวิล?”
“ลุกขึ้น”
ฟู่อวิ๋นเซินยังคงพูดเหมือนเดิม แต่แรงกดดันแผ่ซ่าน
หลุยส์รู้สึกเหมือนมีภูเขากดทับ หายใจไม่ออกไปชั่วขณะ
เขาหน้าซีดลงทันที รีบยืนขึ้น
ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามอง “เช็ดให้สะอาด”
หลุยส์โมโห “เดวิล นายอย่า…”
กลืนคำพูดกลับไป
ด้วยความหวาดกลัวพลังต่อสู้ของผู้วิเศษเดวิล หลุยส์จำต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดบัลลังก์ให้สะอาดทุกซอกทุกมุม
“ดีมาก” ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย
เขานั่งลง วางท่าไม่ทุกข์ร้อน ไม่ต่างอะไรกับคุณชายเสเพล
หลุยส์ขบฟันแน่น แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร
ส่วนด้านล่างไม่รู้ว่าใครตะโกน
“นั่นบัลลังก์แห่งเกียรติยศ เป็นที่นั่งของท่านสังฆราช!”
เสียงกลืนหายไปท่ามกลางกลุ่มคน เห็นได้ชัดว่ากลัวถูกเอาเรื่อง
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ของนายเหรอ”
โทนเสียงไม่แยแส แต่กลับชวนขนลุก
“ฮ่าๆ เดวิล นายกลับมาได้เวลาพอดี” บนหน้าผากของหลุยส์มีเหงื่อผุด อยู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา “วันนี้ฉันตั้งใจมาร่วมพิธีฉลองปีใหม่ก็เพื่อคืน ‘ดวงดาวเจิดจรัส’ คืนเกียรตินี้ให้”
“นายกลับมาแล้วมันย่อมต้องเป็นของนาย”
ฟู่อวิ๋นเซินเล่นอัญมณีในมือ ไม่สนใจ
หลุยส์ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความกระอักกระอ่วน กำมือแน่นจนแขนสั่น
เขาโมโห
ไม่ว่าจะบุคลิกหรือหน้าตา เขาก็ถูกข่มไม่มีเหลือ
พอผู้วิเศษเดวิลกลับมาก็ยึดทุกอย่างกลับไป
“ทุกท่าน ในเมื่อผมได้คืนตำแหน่ง ‘ดวงดาวเจิดจรัส’ ไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอประกาศเรื่องใหญ่” หลุยส์อดทนอดกลั้น ผุดรอยยิ้ม “ผมขอประกาศว่าผมเตรียมจะแต่งงานก่อนสิ้นปี ส่วนคนที่ผมจะแต่งงานด้วยคือ…”
เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกเสียงดังสนั่นขัดจังหวะ
หลุยส์สีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง พูดเสียงลอดไรฟัน “เดวิล นายยังมีเรื่องอะไรอีก”
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงบัลลังก์อย่างสบายๆ “มี ฉันก็จะประกาศด้วย ฉันจะแต่งงาน”
หลุยส์อึ้งก่อน จากนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง
อิ๋งจื่อจินที่อยู่ด้านล่างอึ้งไปชั่วขณะ
ในขณะที่ซาโรห์เริ่มหน้าซีด ดวงตาฉายแววโกรธและตกใจ ฟู่อวิ๋นเซินก็ยกมือขึ้น ดวงตาดอกท้อโค้งมน “เยาเยา”
เขาเดินลงไปจูงมือเธอด้วยตัวเอง
“ขอแนะนำให้รู้จัก ฉันเป็นคู่หมั้นของเธอ”