ตอนที่ 1952 : ผู้อาวุโสจิ้งจอกเซียน
“ขอบเขตตั้งต้น ? ” ห้วยอันแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา เขาได้ตะโกนออกมา “ข้าคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดีและดูว่าใครกันที่กล้ามาขัดขวางลัทธิปิศาจชั้นฟ้า มันไม่ได้เสียหายอะไรแม้ว่าเราจะแพ้ในการต่อสู้กับคนผู้นั้น แต่ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าของเรานั้นไม่มีทางมองข้ามเรื่องที่ขอบเขตตั้งต้นลดตัวมาจัดการกับราชาเทพ เราจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้”
ห้วยอันมองไปที่ราชาศักดิ์สิทธิ์และพูดขึ้น “ ปิงเทียน ปล่อยตัวหย่าซีเหลียนซะ ! ”
ปิงเทียนยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ห้วยอัน ดูจากที่เจ้ากังวล หย่าซีเหลียนคงสำคัญต่อเจ้า”
ตอนที่เขาพูด ราชาก็กดมือลงหนักกว่าเดิม กฎของขอบเขตตั้งต้นอัดแน่นพร้อมกับที่เขาขู่ต่อไปว่า “มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะปล่อยนางไป ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าของเจ้านั้นต้องถอยไปตอนนี้”
“ถอย ? เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” ห้วยอันพูดขึ้นมาด้วยความเย็นชา สายตาที่เย็นชาและอาฆาตนั้นมองไปที่เจี้ยนเฉิน
ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นอยู่เบื้องหลังเจี้ยนเฉินนั้นจับกุมตัวหย่าซีเหลียนเอาไว้ ห้วยอันต้องมาเจรจาด้วยรึ ?
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจี้ยนเฉิน
“ข้าไม่มีทางปล่อยเจี้ยนเฉินผู้นี้ไปได้ แม้ว่าเข้าจะมองข้ามปัญหาที่เขาจะสร้างเมื่อเขาเติบโตขึ้นมา แต่สิ่งที่เขาทำกับหย่าซีเหลียนก็ไม่อาจจะยกโทษให้ได้” ห้วยอันเก็บความแค้นไว้ในใจ
ตอนนั้นเขาโกรธจนไม่ได้สนใจปิงเทียนและคิดจะฆ่าเจี้ยนเฉินโดยตรง แต่หย่าซีเหลียนอยู่ในกำมือของปิงเทียน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหุนหัน
“ในเมื่อลัทธิปิศาจชั้นฟ้าไม่คิดจะถอย ข้าคงได้แต่ลดตัวเพื่อไปฆ่าผู้บัญชาการกองทัพที่เจ็ดด้วยตัวเอง ด้วยการทำแบบนั้น ความแข็งแกร่งของลัทธิเจ้าก็จะลดลงไป” ราชาศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นมา น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต
เขาคือคนที่ฆ่าคนได้โดยไม่ลังเล เมื่อหาบทสรุปร่วมกันไม่ได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตหย่าซีเหลียน !
“ หยุด ! ”
ตอนที่ปิงเทียนจะฆ่าหย่าซีเหลียน ห้วยอันก็ได้ตะโกนออกมา
ปิงเทียนยังคงแสดงท่าทีเฉยเมย กฎได้อัดแน่นรอบมือที่กดอยู่บนหัวของหย่าซีเหลียน
“ห้วยอัน เจ้าคิดดีรึยัง ? ” -ปิงเทียนถามพร้อมกับมองไปที่ห้วยอัน
“ปิงเทียน ข้าพูดตามใจจริง เจ้าฆ่าหย่าซีเหลียนไม่ได้ เพราะหากเจ้าทำแบบนั้น อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนของเจ้าจะต้องถูกกำจัด มันเพราะหย่าซีเหลียนนั้นคือศิษย์สายตรงของหนึ่งในแปดผู้อาวุโส ผู้อาวุโสจิ้งจอกเซียน ในเวลาเดียวกันนางก็เป็นศิษย์เพียงคนเดียว เจ้าน่าจะเดาได้ว่านางสำคัญต่อผู้อาวุโสเพียงใด” ห้วยอันตะโกนออกมา
“ผู้อาวุโสจิ้งจอกเซียน ? ” ปิงเทียนขมวดคิ้ว ความเข้าใจที่เขามีต่อลัทธิปิศาจชั้นฟ้านั้นจำกัดแค่สาขาที่ราบเมฆา ชัดเจนแล้วว่าผู้อาวุโสจิ้งจอกเซียนคือแปดผู้อาวุโสที่เหนือกว่าขีดจำกัดในที่ราบเมฆานี้
“ข้าไม่คิดว่านางจะเป็นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสจิ้งจอกเซียนได้ เราไม่อาจจะฆ่าหย่าซีเหลียนได้เพราะไม่มีใครในภาคใต้ที่เป็นคู่มือของ ผู้อาวุโสจิ้งจอกเซียนได้ นอกจากจักรวรรดิตะวันโลหิตรวมถึงเราด้วย “
ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของราชาศักดิ์สิทธิ์
ราชารู้ว่าเสียงนี้มาจากไหน เขาคือบรรพชนขอบเขตตั้งต้นของราชวงศ์จักรวรรดิจันทราสวรรค์ เขายังอยู่ในราชวงศ์ ต้องขอบคุณวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขาจึงทำให้เขาสื่อสารกับราชาได้แม้ว่าจะอยู่ห่างกันก็ตาม
ราชาคิดอย่างถี่ถ้วนและบอกกับห้วยอัน “นางเป็นศิษย์ผู้อาวุโสแล้วไงกัน ? ยังไงก็ต้องมีการสูญเสียหากกองทัพสองฝ่ายปะทะกัน ถ้าผู้อาวุโสจิ้งจอกเซียนนั้นกล้าจะมาที่นี่ เจ้าคิดว่าจักรวรรดิตะวันโลหิตจะอยู่เฉยรึไง ? การที่ให้ข้าปล่อยนางไปคงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้”
ห้วยอันเริ่มอึดอัด หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็พูดขึ้น“ปิงเทียน การให้ข้าถอยนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าจะให้เวลาเจ้าเจ็ดวันเพื่อแลกกับการปล่อยตัวหย่าซีเหลียน”
ห้วยอันไม่มีทางเลือกในสถานการณ์ตอนนี้ ฐานะของหย่าซีเหลียนนั้นพิเศษเกินไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาง เขาคงไม่อาจจะทนรับผลกระทบได้ไหว
“7 วันนั้นน้อยเกินไป ให้เวลาข้า 1 เดือน” ราชาพูดขึ้นมาด้วยความเย็นชา
“10 วัน ! ” ห้วยอันตอบกลับอย่างเย็นชา
สุดท้ายทั้งสองก็ตกลงกันได้ที่เวลา 15 วัน
แม้ว่า 15 วันนี้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่เวลานี้ก็ทำให้ฝั่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นั้นส่งกองทัพมาเพิ่มได้
ด้วยข้อตกลงนี้ การต่อสู้ระหว่างขั้นเหนือเทพและราชาเทพก็ได้หยุดลง พวกเขาต่างก็พากันกลับไปที่ฐานของตัวเอง
มันก็แค่ว่าพวกเมีจำนวนลดลงไปจากตอนแรก
ขั้นเหนือเทพ 1/3 ได้ตายไป ส่วนราชาเทพหลายคนก็ได้ตายไปด้วย
แต่ตอนที่พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินยืนอยู่ข้างกายปิงเทียนในสภาพที่สมบูรณ์ หลายคนก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา
“ท่านพี่ วิเศษจริง ๆ ข้าคิดอยู่แล้วว่าท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์รีบเข้ามาหาเจี้ยนเฉิน สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดีที่ยากจะปกปิดได้
ตอนนั้นร่างกายของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์อาบไปด้วยเลือด มีแผลน่ากลัวหลายอันบนร่างกายเขา
ด้านหลังเขา ฮุสตัน, รุยจิน และเฮยยู่ ต่างก็พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าเจี้ยนเฉินได้กลับมาอย่างปลอดภัย พวกเขาต่างก็พากันยิ้มออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ
พวกเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บกลับมาในระดับหนึ่ง เฮยยู่คือคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด
“ กลับไปกันก่อน ! ” เจี้ยนเฉินหายตัวไปจากป้อมพร้อมกับทุกคน
มันมีฐานภายในป้อมและใจกลางฐานนั้นก็มีห้องโถงอยู่หลายห้อง แต่ละห้องต่างก็เป็นขององค์กรใหญ่ต่าง ๆ ปิงเทียนได้จัดห้องโถงไว้ให้กับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนเพื่อเป็นที่ให้คนได้พัก
เจี้ยนเฉินได้พาจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และคนอื่น ๆ เข้าไปในห้องโถง พวกเขาได้ตรงไปที่ห้องลับ หลังจากนั้นเขาก็เอายาฟื้นฟูและทุกอย่างที่เขาซื้อมาจากจักรวรรดิเสิ่นเตาออกมา
“ นี่คือยาระดับสูง กินมันและฟื้นฟูตัวเองซะ” เจี้ยนเฉินบอกกับทุกคน
พวกเขาไม่รีรอและรีบกินยาเพื่อฟื้นฟูบาดแผลรวมถึงฟื้นฟูพลังงานดั้งเดิมทันที
“ท่านพี่ น้องมู่เอ๋อ โดนพาตัวไป” พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นมา เขาเริ่มสลดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“อะไรนะ ? มู่เอ๋อ โดนพาตัวไป ? ” เจี้ยนเฉินแปลกใจ ตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาด้วยความตกใจพร้อมกับพลังที่แผ่ออกมาจากร่าง “เกิดอะไรขึ้นกัน ? ใครกันที่พาตัวมู่เอ๋อไป ? ”
“มันคือลัทธิที่เรียกว่าลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์” ทุกคนอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เจี้ยนเฉินฟัง
“ที่ราบอัคคีฟ้า ลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมา กลับกันแล้วเขาดูใจเย็นขึ้นมาเมื่อได้ยินเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเพดานอยู่เงียบ ๆ
สายตาเขาเหมือนจะมองทะลุออกไปยังอวกาศ เขาเหมือนจะมองไปยังที่ราบอัคนีฟ้าที่เขาไม่เคยได้ยินถึงมันมาก่อน
“ มู่เอ๋อ ข้าจะไปหาเจ้า วันนั้นคงอีกไม่นาน” เจี้ยนเฉินตัดสินใจ