ตอนที่ 126 ชีวิตนี้มีเพียงเจ้าผู้เดียว (5)
หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยระบายกระต่ายเสร็จ เดิมทีอยากจะไล่ถงจื่อจิ้งไปโรงงานแกะสลัก ทว่าคิดไม่ถึงถงจื่อจิ้งกลับบอกว่าด้านนอกอากาศหนาวเย็น วันนี้ไม่อยากไป อยากจะดูพี่เชียนเสวี่ยวาดภาพ
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นเขานั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ทั้งไม่งอแงและไม่ก่อความวุ่นวาย ด้วยเหตุนี้จึงวาดรูปหัวโตสองสามรูปวางไว้บนเก้าอี้ข้างๆ เล่นกับเขา หลังจากถงจื่อจิ้งได้รูปเหล่านั้นก็ไม่ได้ออกไป แต่ว่านั่งเงียบๆ แล้วมองอย่างถี่ถ้วน มองไปด้วยยิ้มไปด้วย
เพียงแต่รอยยิ้มในตอนนี้ ไม่ใช่รอยยิ้มโง่เขลาเหมือนในอดีตอีกแล้ว แต่เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่กลั่นมาจากส่วนลึกในหัวใจ
แสงทอประกายจากรอยยิ้มนั้นบริสุทธิ์ ส่องสว่างดั่งโคมไฟที่สามารถส่องสว่างหัวใจของคนได้ในทันที มั่วเชียนเสวี่ยเห็นเขานั่งดูภาพวาดเงียบๆ จึงรู้สึกเกรงใจที่จะไล่เขาออกไป ด้วยเหตุนี้ นางจึงล้มเลิกความคิด หยิบกระดาษขึ้นมา เริ่มวาดแผนที่คร่าวๆ
นางขมวดคิ้วเป็นปม ครุ่นคิดไปพลางวาดภาพไปพลาง
หลังจากถงจื่อจิ้งดูภาพวาดเสร็จ มองไปทางมั่วเชียนเสวี่ย ไม่งอแงเอะอะโวยวาย เพียงแค่บอกให้ถงจั่นไปหยิบวัสดุในการแกะสลักมา นั่งแกะสลักเงียบๆ อยู่ด้านข้าง
เขาแกะสลักไปด้วย พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองมั่วเชียนเสวี่ยที่นั่งอยู่ตรงข้าม
มั่วเชียนเสวี่ยเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งคราว เห็นเขานั่งเงียบอยู่ตรงนั้น รู้สึกภาคภูมิใจ
หนิงเซ่าชิงกลับมา ภาพที่เห็นช่างคุ้นเคยยิ่งนัก นึกถึงวันที่มั่วเชียนเสวี่ยวาดภาพ ตนนั่งอ่านตำราอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ทั้งสองมองตากัน สุดท้ายกอดกัน แล้วเข้าไปในห้อง…
เวลานี้ ที่นั่งของตนกลับถูกเจ้าเด็กโง่ครอบครอง
เจ้าเด็กโง่คนนี้ดันสติปัญญาไม่ดี ไม่อาจแตะต้องได้
กล้ำกลืนความขุ่นเคืองไว้ในใจ
กำลังจะระบายออกมา ถงจั่นเห็นหนิงเซ่าชิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ยิ้มแล้วทำความเคารพ โค้งตัวลงกล่าว “ท่านอาจารย์หนิงกลับมาแล้วหรือขอรับ”
ถงจื่อจิ้งได้ยินเสียงจึงเงยหน้า เหยียดตัวลุกขึ้น “พี่เขย”
คำว่าพี่เขยทำให้หนิงเซ่าชิงที่กำลังจะโมโห กล้ำกลืนความขุ่นเคืองลงไปอีกครั้ง
มั่วเชียนเสวี่ยกวักมือเรียกเขา ไม่ว่าเขาจะโมโหอย่างไร ก็โมโหไม่ออกแล้ว
“เซ่าชิง มานี่เร็วเข้า มาช่วยข้าที!” น้ำเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยออดอ้อน
หนิงเซ่าชิงถอนหายใจ เดินเข้าไปด้านในเรือน สุดท้ายเขาก็ไม่อาจปฏิเสธนางได้
……
ภายในหอบรรพชน นักเรียนกำลังอ่านตำรา หนิงเซ่าชิงเดินอยู่ด้านนอก เงินหน้าขึ้นมองหิมะที่โปรยปราย
นึกถึงภาพที่เห็นในวันนี้ รู้สึกแปลกๆ อีกครั้ง
ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเสนอให้ถงจื่อจิ้งมาพักชั่วคราว เช่นนั้นหากโมโหกับเรื่องนี้จะทำให้เขาดูใจแคบยิ่งนัก แต่ถ้าหากปล่อยให้ถงจื่อจิ้งอยู่กับมั่วเชียนเสวี่ยเช่นนี้ เขารู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดคอ
ร่างหนึ่งเดินผ่าน ทำความเคารพเขา
“คารวะเจ้านาย”
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระคุณขอรับ” อาซานเหยียดกายลุกขึ้น
“อาซาน ลุงอวี้หาอาจารย์สอนปฐมวัยได้หรือยัง”
น้ำเสียงของหนิงเซ่าชิงนิ่งสงบ ทว่าอาซานกลับรู้สึกดีใจยิ่งนัก
“เจ้านาย หากท่านไม่ถาม ข้าก็กำลังจะรายงานอยู่พอดีขอรับ ลุงอวี้ได้อาจารย์ที่ตรงตามเงื่อนไขแล้วขอรับ ทั้งยังได้ทำความรู้จักกับถงเหล่าแล้ว ฟังจากที่หน่วยลับรายงาน ถงเหล่าพึงพอใจกับอาจารย์ท่านนี้มาก พรุ่งนี้ตระกูลถงจะให้คนส่งเขามา”
“อืม” เมื่อหนิงเซ่าชิงได้ฟังสิ่งที่อาซานรายงาน ใบหน้าของเขาจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น “เจ้าไปบอกหวังเทียนซงเสียหน่อย บอกว่าฮูหยินไม่สบาย ให้เขาช่วยดูแลคุณชายถงเป็นพิเศษ อย่าให้เขาวิ่งเถลไถล
ความเป็นจริงวิ่งเถลไถลก็ไม่เป็นเช่นไร ขอเพียงไม่กลับมาตามติดเชียนเสวี่ยก็พอแล้ว
“ขอรับ” อาซานกลั้นหัวเราะในใจ ทว่ากลับขานรับด้วยความเคารพ
เขาและอาอู่ต่างคิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อเรื่องเล็กเพียงแค่นี้ เจ้านายจะใช้หน่วยลับ สืบเรื่องของอาจารย์ธรรมดาคนหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อถงจื่อจิ้ง
เมื่ออาจารย์คนนั้นมา แน่นอนว่ามีคนคอยดูแลถงจื่อจิ้งมากขึ้น เช่นนั้น คุณชายถงก็จะตอแยฮูหยินน้อยลงเรื่อยๆ
ดูท่า เจ้านายคงจะตกหลุมรักเข้าแล้วจริงๆ ในอดีต เจ้านายเย็นชาและเยือกเย็น รักเพียงคู่แม่ลูกสารเลวนั่นเท่านั้น ทำให้พวกเขาเป็นกังวลยิ่งนัก
เวลานี้ เจ้านายตกหลุมรักเข้าแล้วจริงๆ พวกเขายิ่งเป็นกังวล
อาซานกลั้นหัวเราะ ข่มความกังวล พูดต่อว่า “บ่าวยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องรายงานขอรับ”
“เรื่องอะไร”
“ในเวลาเดียวกันเมื่อครู่หน่วยลับยังรายงานอีกเรื่องหนึ่ง บอกว่าเจอร่องรอยของหมอประหลาดแล้วขอรับ”
“หืม? นี่เป็นข่าวดี” ใบหน้าของหนิงเซ่าชิงคลายยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “เล่าสถานการณ์ในตอนนั้นมาให้ข้าฟังซฺ”
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้านายด้วยขอรับ” อาซานตอบ “หมอประหลาดช่างประหลาดสมชื่อจริงๆ ไม่พูดเงื่อนไขใดๆ และไม่ถามสาเหตุการป่วยของท่าน บอกแต่ว่าตอนนี้เขากำลังหาตัวยานำพา[1]ในการรักษาโรคให้ท่านอยู่ ให้ท่านรอเขามาถอนพิษให้ก็พอแล้วขอรับ ข้าน้อยครุ่นคิด นี่คงเป็นเพราะให้เกียรติคุณชายหลูกระมัง”
“พี่หลู? มีความเป็นไปได้ รอถอนพิษได้สำเร็จ ข้าจะพาเชียนเสวี่ยไปขอบคุณถึงจวน” เอ่ยถึงคุณชายหลู สีหน้าของหนิงเซ่าชิงมีความหวังเล็กน้อย
“เจ้านายกลับมาแข็งแรงดังเดิม ฮูหยินก็จะได้สบายใจ”
“หมอประหลาดได้บอกหรือไม่ว่ายาอะไร”
“เรื่องนี้ไม่ได้บอกขอรับ”
“สั่งพวกเขาให้สืบต่อ”
“ขอรับ”
ขณะที่ถงจื่อจิ้งอาศัยอยู่ที่เรือนตระกูลหนิงในหมู่บ้านหวังจยา หลายวันมานี้ถงเหล่าก็ไม่ได้อยู่เฉย ในเมืองเทียนเซียงไม่ว่าจะเป็นสำนักศึกษาส่วนตัว สำนักศึกษาปฐมวัย สำนักศึกษาเล็กหรือใหญ่ เขาล้วนไปมาหมดแล้ว ทว่าก็ยังไม่เจออาจารย์สอนปฐมวัยที่ตรงตามความต้องการของมั่วเชียนเสวี่ยแม้แต่คนเดียว
ถงเหล่ากลับเรือนตระกูลถงด้วยความหงุดหงิด แน่นอนว่าพ่อบ้านถงคอยติดตามอยู่ด้านหลัง ขณะที่จิตใจกำลังว้าวุ่น เถ้าแก่อวี้แห่งโรงกลั่นสุราทิงเฟิงเฉวียนมาพบพ่อบ้านถง บอกว่ามีสุราใหม่ รสชาติเยี่ยม คุณภาพดีล้ำ
ทิงเฟิงเฉวียนคือโรงกลั่นสุราที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเทียนเซียง สุราในเรือนตระกูลถงล้วนซื้อมาจากทิงเฟิงเฉวียน ถือว่าเป็นลูกค้าเก่าแก่
เมื่อมีสุราชั้นดีย่อมมาเสนอถึงเรือน เวลานี้เจ้านายกำลังหงุดหงิด เดิมทีพ่อบ้านถงไม่อยากออกไปต้อนรับ แต่เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้บอกว่าครั้งนี้เถ้าแก่ของทิงเฟิงเฉวียนมาด้วยตนเอง พ่อบ้านถงจึงจำต้องออกมาให้การต้อนรับ
เถ้าแก่อวี้นำสุราชั้นดีออกมา ทั้งสองพูดคุยกัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดขณะที่เสวนากันอยู่นั้นก็เอ่ยถึงอาจารย์สอนปฐมวัย เถ้าแก่อวี้ตบต้นขาตนเอง บอกว่าประจวบเหมาะเขาเคยได้ยินอาจารย์ที่มีคุณสมบัติเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้…
เขา ปัญญาชนยากไร้ที่สอบผ่านระดับซิ่วไฉ[2]
ปัญญาชนยากไร้แซ่จี้นามซวี่เหยา เกิดในตระกูลผู้ดีตกอับ อายุสามสิบปีพอดี ตรงตามความต้องการของมั่วเชียนเสวี่ยไม่แก่และไม่หนุ่มเกินไป
พ่อบ้านถงเห็นเช่นนี้ พึงพอใจยิ่งนัก จึงพาไปพบถงเหล่า
ทั้งสองเสวนาร่วมกัน อาจารย์จี้มีศิลปะในการพูด พูดจาขบขัน ทั้งยังมีความรู้ ตอนเด็กยังเคยร่ำเรียนวรยุทธ์อยู่หลายปี รูปร่างกำยำแข็งแรง เกิดมาเพื่อถงจื่อจิ้งจริงๆ
ถงเหล่าพึงพอใจยิ่งนัก สานสัมพันธ์ดีงามด้วยกันอย่างรวดเร็ว เชิญอาจารย์จี้มาเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการ
ตอนที่พ่อบ้านถงพาจี้ซิ่วไฉมาถึงเรือนตระกูลหนิง ถงจื่อจิ้งกำลังแกะสลักที่โรงแกะสลัก เขากำลังตั้งอกตั้งใจ สีหน้านิ่งสงบ มุมปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย ด้วยใบหน้า ด้วยกิริยาท่าทางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป
พ่อบ้านถงมองอย่างถี่ถ้วน ไม่เจอกันเพียงห้าหกวัน คุณชายดูอวบขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าซีดเผือดในตอนแรกหายไปหมดแล้ว มองดูแล้วยังคงผอมเล็กน้อย ทว่ากลับทำให้เขามองแล้วรู้สึกสง่างาม ไม่ได้ป่วยซมเหมือนเมื่อก่อน
[1] ยานำพา ตัวยาที่ทำหน้าที่นำพาตัวยาอื่นๆ ในตำรับให้ไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา
[2] ซิ่วไฉ หมายถึง ผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกระดับท้องถิ่น