เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 295 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ยื่นมือเข้ามาช่วยในยามคับขัน (1)

น้ำเสียงของนางเปี่ยมไปด้วยความสุภาพ ทว่าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ฟังแล้วทำให้คนอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น

องครักษ์ครุ่นคิดในใจ ฉุดกระชากลากถูในท้องพระโรงก็ไม่ดีเท่าใดนัก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่แน่อาจจะมีความผิดฐานล่วงเกินสตรีชั้นสูง ด้วยเหตุนี้ มือขององครักษ์จึงหยุดนิ่งแล้วเปลี่ยนเป็นผายมือให้มั่วเชียนเสวี่ยแทน “คุณหนูมั่ว เชิญ…”

พูดจบ หมุนตัวหันหลังเดินนำทาง ในท้องพระโรง ภายในวังหลวง ภายใต้สายพระเนตรของฮ่องเต้ ยังต้องกลัวว่านางจะคิดหนีเช่นนั้นหรือ

องครักษ์สองคนเดินนำทางอยู่ด้านหน้า องครักษ์อีกสองคนเดินตามหลัง สีเหน้าเยือกเย็น แผ่ซ่านด้วยไอสังหาร ในท้องพระโรง ข้าราชบริพารที่คุกเข่าร้องขอให้ฮ่องเต้ใจเย็น ฮ่องเต้รับสั่งให้พวกเขาลุกขึ้นนานแล้ว

ทว่า ก่อนหน้านี้สีหน้าของเขาตกใจแทบตาย เมื่อเหยียดกายลุกขึ้น สายตาของพวกเขาที่มองมั่วเชียนเสวี่ยเปี่ยมไปด้วยความทะนง

มั่วเชียนเสวี่ยเย้ยหยันพวกเขาในใจ หัวเราะเยือกเย็น แต่สีหน้าของนางไม่แปรเปลี่ยน เมื่อชาติก่อนเพื่อให้งานออกมาดี นอกจากทำหน้าที่ของตนให้ดีแล้ว ในทุกวันนางยังคอยพัฒนาด้านต่างๆ แน่นอนว่าสมบัติผู้ดีย่อมเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญ ทำความเข้าใจและรู้จักสร้างสมบัติผู้ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

เมื่อเราไม่ว้าวุ่น ศัตรูก็จะเป็นฝ่ายว้าวุ่นเอง!

แม้นางจะติดอยู่ตรงกลาง ทว่า ก้าวเดินด้วยความมั่นคง เชิดหน้าอกผายไหล่ผึ่ง เดินอย่างมั่นใจ

สะบัดแขนเสื้อวางมือทั้งสองไว้ตรงท้องน้อย ชั่วขณะหนึ่งมั่วเชียนเสวี่ยสง่าผ่าเผยยิ่งนัก คล้ายสถานที่ที่นางไปไม่ใช่สถานที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง แต่เป็นหนทางสู่บัลลังก์

ดวงตาของนางกวาดมองเหล่าข้าราชบริพารเป็นครั้งคราว คล้ายกำลังอ่านความคิดของพวกเขา และคล้ายไม่ได้มองพวกเขา

ชั่วขณะหนึ่ง ภายในใจของเหล่าข้าราชบริพารเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย

บัณฑิตจย่าลูบหนวดเคราของตนเอง ลอบพยักหน้า ดูเหมือนว่าการมาในวันนี้ของเขาถูกแล้ว วางตัวกล้าหาญและมากประสบการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ หากเป็นบุรุษ ต้องเป็นวีรุบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน ทางด้านตำหนักข้าง แน่นอนว่าคือตำหนักเล็กที่อยู่ติดกับตำหนักจินหลวนเป่า

มั่วเชียนเสวี่ยเดินตามองครักษ์ทั้งสองคนออกไปจากท้องพระโรง เพียงครู่หนึ่งก็ไปถึงตำหนักข้าง

ด้านในตำหนักข้างมีสตรีชั้นสูงนั่งอยู่หกคน นอกจากนี้ยังมีนางกำนัลและหมัวมัวคอยรินน้ำชาอีกสี่ห้าคน เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเดินเข้ามา นางกำนัลและหมัวมัวถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง

หมัวมัวสองคนเดินไปปิดประตู ส่วนนางกำนัลที่คอยรินน้ำชาก็เดินไปเฝ้าหน้าประตูอย่างรู้งาน

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้หยุดเดิน นางก้าวไปด้านหน้า ใบหน้าของนางเปื้อนยิ้ม “น้อมทำความเคารพพระชายาจิ่งชินอ๋อง น้อมทำความเคารพฮูหยินทุกท่านเจ้าค่ะ”

ฐานันดรศักดิ์ของพระชายาจิ่งชินอ๋องเทียบเท่ากุ้ยเฟยในวังหลวง ชุดพิธีการของนางมั่วเชียนเสวี่ยย่อมรู้ หากมั่วเชียนเสวี่ยเดาไม่ผิด สตรีคนนี้คือพระชายาจิ่งชินอ๋อง มารดาของท่านหญิงซูซู

เวลานี้พระชายาจิ่งชินอ๋องปรากฏตัวที่นี่ ท่านหญิงซูซูเป็นคนร้องขอให้มาอย่างแน่นอน น้ำใจของซูซูในครั้งนี้ นางจะตอบแทนแน่นอน

พระชายาจิ่งชินอ๋องเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเดินมาด้วยความอ่อนช้อย ไม่ได้สูญเสียความเป็นผู้ดีเพราะอยู่ในคุกหลวงหนึ่งคืน นอกจากนั้นไม่ได้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะสงครามในท้องพระโรงเมื่อครู่ ดวงหน้าของนางแม้มองดูแล้วจะอิดโรยเล็กน้อย ทว่าทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากทะนุถนอม

มีความสามารถระดับหนึ่ง

ด้วยความสงบเยือกเย็นและไม่สะทกสะท้านนี้ มั่วเชียนเสวี่ยคนนี้ นางจะปกป้องให้ได้!

เมื่อตัดสินใจแล้ว พระชายาจิ่งชินอ๋องยกมือขึ้นเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่ต้องมีพิธีรีตอง ยิ้มแล้วพูด “ทันทีที่ซูซูกลับมาก็พูดกับข้าว่า คุณหนูตระกูลมั่วเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามทั้งยังสง่างามและสุภาพอ่อนโยน วันนี้เมื่อได้พบเจอ เป็นสตรีที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

คำพูดของนาง ไม่เห็นมั่วเชียนเสวี่ยเป็นคนนอกแม้แต่น้อย

ทว่า ฮูหยินสวมชุดพิธีการสีแดงนั่งอยู่ทางด้านขวาสุดกลับพูดขึ้น “จริงที่ว่าเป็นคนงดงาม แต่น่าเสียดายพฤติกรรมต่ำทราม มิเช่นนั้นด้วยการแข่งขันในงานเลี้ยงดอกท้อ วันนี้นางควรจะเป็นสตรีอันดับหนึ่งของราชวงศ์เทียนฉี”

พูดจบ ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นป้องปากแล้วหัวเราะเบาๆ

ฮูหยินอีกคนหนึ่งพูด “เซี่ยฮูหยินพูดถูก สตรีแม้ไร้ความสามารถก็ควรมีคุณธรรม ข้าคิดว่า สตรีอย่างเราจะมีความสามารถมากมายไปเพื่อการใด ศึกษาเพียงคุณธรรมสตรีและคำสอนสตรีก็พอแล้ว”

ฮูหยินคนนี้คิดจะเอาคุณธรรมสตรีและคำสอนสตรีมาถากถางนาง เวลานี้หัวเราะด้วยความเย้ยหยัน ยิ้มอย่างสดใส คอยดูเถอะ ประเดี๋ยวพวกเจ้าจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้

ต้องการให้เสแสร้งแกล้งทำ นางก็ทำได้ รอยยิ้มของมั่วเชียนเสวี่ยไม่ลดลง “ฮูหยินทั้งสองกล่าวชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ เชียนเสวี่ยไม่กล้ารับตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถ แต่ว่าคำพูดของฮูหยินทั้งสอง เชียนเสวี่ยไม่เห็นด้วย โบราณกล่าวไว้ เป็นสตรีเหมือนกัน อย่าดูถูกสตรี เหตุใดฮูหยินจึงดูถูกดูแคลน…” ตน!

คำพูดสุดท้ายแม้ไม่ได้พูด แต่สีหน้าของฮูหยินทั้งสองคนเปลี่ยนไปทันที

……

โถงบรรพบุรุษตระกูลหนิง

บุตรสายตรงทั้งหมดของตระกูลหนิงต่างมารวมตัวกันในโถงบรรพบุรุษ ขอเพียงเป็นคนตระกูลหนิงที่สร้างคุณงามความดีล้วนยืนอยู่ด้านนอกโถงบรรพบุรุษ วันนี้เป็นจุดเปลี่ยนของตระกูลหนิง คือวันสำคัญที่หัวหน้าตระกูลเก่ามอบตำแหน่งให้หัวหน้าตระกูลใหม่

ด้านหน้าป้ายบรรพบุรุษภายในโถงบรรพบุรุษ ผู้ทำพิธีกำลังทำพิธียกตำแหน่งหัวหน้าตระกูล

“หัวหน้าตระกูลคนใหม่จุดธูปเคารพบรรพบุรุษ…”

“น้อมคำนับสามครั้ง…”

“จบพิธี”

เสียงของผู้ทำพิธีเคร่งขรึมยิ่งนัก ทุกถ้อยคำล้วนลากยาว หลังจากกล่าวคำว่าจบพิธี หัวหน้าตระกูลหนิงคนเก่ามอบตำแหน่งให้หัวหน้าตระกูลหนิงคนใหม่เรียบร้อยแล้ว

หนิงเซ่าชิงเหยียดตัวตรง หันหน้าไปเผชิญกับลูกหลานตระกูลหนิง

ชุดสีน้ำเงินเข้มยาวถึงพื้น นั่นคือความน่าเกรงขามที่นิ่งสงบและลึกล้ำ เขาดูยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามขึ้นมาในชั่วพริบตาอย่างแปลกพิกล ทำให้ทุกคนรู้สึกนับถือ

ในโถงบรรพบุรุษเงียบงัน สีหน้าของลูกหลานตระกูลหนิงเคร่งขรึมยิ่งนัก

“ลูกหลานตระกูลหนิงทำความเคารพหัวหน้าตระกูลคนใหม่…”

“น้อมคำนับครั้งที่หนึ่ง…”

“น้อมคำนับครั้งที่สอง…”

“น้อมคำนับครั้งที่สาม…”

……

มั่วเชียนเสวี่ยพูดด้วยดวงหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาหงส์ทอประกาย คล้ายมีแสงแดดอยู่ด้านใน มองดูแล้วใสซื่อยิ่งนัก ชั่วขณะหนึ่งฮูหยินถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าของเซี่ยฮูหยินที่นางพูดถึงไม่สู้ดีเท่าใดนัก

คำพูดเพียงไม่กี่คำ แม้จะทำให้ฮูหยินทั้งสองที่เจตนายั่วยุพูดไม่ออก แต่ก็ทำให้ภายในตำหนักเย็นยะเยือกทันที

พระชายาจิ่งชินอ๋องยกถ้วยน้ำชาตรงหน้าขึ้น จิบน้ำชาเล็กน้อย ตอนที่มุมปากของนางสัมผัสกับถ้วยน้ำชา ยกมุมปากขึ้น คล้ายกำลังจิบน้ำชา แต่ที่เหมือนกว่านั้นคือกำลังเย้ยหยันบางคน

จุดประสงค์ในการมาของแต่ละคนชัดเจนตั้งแต่แรก ในเมื่อพวกนางไม่พูด มั่วเชียนเสวี่ยก็ทำเหมือนไม่มีผู้ใด นางมีความอดทนสูงยิ่งนัก

พระชายาจิ่งชินอ๋องเมตตานางมาก นางยืนอยู่ข้างพระชายาจิ่งชินอ๋องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม กล่าวชื่นชมท่านหญิงซูซูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พระชายาจิ่งชินอ๋องวางถ้วยน้ำชาลง ดวงหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของมั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อยแล้วพูดถึงเรื่องความสนใจของท่านหญิงซูซู

เซี่ยฮูหยินคนนั้นส่งสายตาพิจารณามาทางมั่วเชียนเสวี่ย สตรีคนนี้สวมชุดกระโปรงสีฟ้าคราม ชายกระโปรงปักลายดอกท้อเล็กน้อย ม้วนผมขึ้นเป็นกรวยตามแบบฉบับที่หญิงสาวในเวลานี้นิยม ทว่าผมของนางประดับด้วยปิ่นหยกผีเสื้อสีทองหนึ่งอันเท่านั้น

การแต่งกายเช่นนี้เรียบง่าย แต่ดวงตาของนางสูงสง่าราวกับปีกหงส์ คล้ายมรกตย้อมด้วยน้ำหมึก ได้ยินว่านางนอนในคุกหลวงหนึ่งคืน เวลานี้กลับไม่มอมแมม…ไม่เพียงเท่านี้ ชุดสีฟ้าครามที่ไม่มีลวดลายมากเท่าใดนี้ กลับขับให้นางดูอ่อนโยนและสง่างาม ทำให้บุคลิกของนางสูงสง่าและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง

ท่าทางสงบเสงี่ยมนั้นแม้มองดูแล้วนิ่งสงบและเชื่อฟัง ทว่า ยามพูดจากลับโต้กลับโดยไม่เปลืองแรง วางตัวเป็นธรรมชาติเช่นนี้ เป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก เป็นไปตามที่ฮองเฮากล่าว…เป็นหญิงสาวที่รับมือยากอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะรับมือยากเพียงใด ประเดี๋ยวนางก็ต้องร้องไห้แล้ว!

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset