เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 297 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ยื่นมือเข้ามาช่วยในยามคับขัน (3)

ฉังฮูหยินคือคนแรกที่แม่บุญธรรมแนะนำให้รู้จัก ทั้งยังนั่งข้างแม่บุญธรรม คาดว่าคงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับแม่บุญธรรม มั่วเชียนเสวี่ยโน้มตัวลงทำความเคารพ พูดด้วยความสุภาพ “น้อมทำความเคารพฉังฮูหยิน!”

ฉังฮูหยินเหยียดกายลุกขึ้นแล้วพยุงมั่วเชียนเสวี่ย สีหน้าประหม่าเล็กน้อย “คุณหนูมั่วมากพิธีแล้ว”

จากถ้อยคำของฮูหยิน มั่วเชียนเสวี่ยก็พอจะรู้ดีแก่ใจ ตั้งแต่ฉังฮูหยินเห็นนางกระทั่งเวลานี้ ตอบนางด้วยความสุภาพเท่านั้น น้ำเสียงไม่มีเจตนาร้าย และไม่มีความอบอุ่น คาดว่าคงจะวางตัวเป็นกลาง

แม่บุญธรรมแนะนำฉังฮูหยินให้รู้จักเป็นคนแรก นอกจากนี้ฉังฮูหยินยังนั่งข้างแม่บุญธรรม คาดว่าน่าจะมีความสัมพันธ์กับแม่บุญธรรมอยู่บ้าง ขอเพียงฉังฮูหยินไม่ซ้ำเติมนางก็พอแล้ว ยามที่นางจัดการฮูหยินเหล่านั้น จะได้ไม่ต้องลำบากใจเพราะเห็นแก่หน้าแม่บุญธรรม

ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยกำลังลอบวางแผนในใจ จย่าฮูหยินก็พานางไปทำความรู้จักกับฮูหยินอีกคนหนึ่ง “ท่านนี้คือถานฮูหยินหนึ่งในฮูหยินซันกงเป็นภรรยาของมหาราชาจารย์”

มั่วเชียนเสวี่ยยังคงโน้มตัวลงทำความเคารพ “น้อมทำความเคารพถานฮูหยิน”

ถานฮูหยินพยักหน้า ท่าทีของถานฮูหยินและฉังฮูหยินเหมือนกัน

คล้ายว่าจย่าฮูหยินไม่ได้รู้สึกแปลกใจ จับมือนางแล้วหันหลังไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นชี้ไปยังฮูหยินทั้งสองที่ดูถูกนางทันทีที่เดินเข้ามา “ท่านผู้นี้คือเซี่ยฮูหยินภรรยาของมหาองครักษ์ ส่วนท่านนี้คืออันฮูหยินภรรยาของอัครมหาเสนาบดีที่มาเป็นเพื่อน…”

จย่าฮูหยินยังคงขุ่นเคืองท่าทีเมื่อครู่ของทั้งสองที่มีต่อมั่วเชียนเสวี่ย ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำทั้งสองพร้อมกัน ไม่เพียงแค่นี้ ขณะแนะนำสีหน้าแสดงให้รู้ว่าแนะนำเป็นพิธีเท่านั้น

ในเมื่อแม่บุญธรรมแสดงท่าทีของตนชัดเจนแล้ว เช่นนั้นแน่นอนว่ามั่วเชียนเสวี่ยก็ทำได้เพียงโน้มตัวทำความเคารพเป็นพิธีเช่นเดียวกัน “น้อมทำความเคารพฮูหยินทั้งสองเจ้าค่ะ”

หลังจากทำความเคารพก็ไม่ได้มองฮูหยินทั้งสองคน เดินตามจย่าฮูหยินที่จับมือนางแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างจย่าฮูหยิน ขอเพียงทำความเคารพแล้ว เช่นนั้นก็ไม่กลัวพวกนางมาหาเรื่อง

เซี่ยฮูหยินและอันฮูหยินล้วนเป็นมือดีของเรือน มีหรือที่จะไม่เข้าใจความห่างเหินนี้ แต่กลับไม่เอาเรื่องได้

พวกนางบอกได้หรือว่าจย่าฮูหยินไม่แนะนำตนให้ลูกบุญธรรม จย่าฮูหยินเป็นภรรยาของท่านจย่าหัวหน้าสำนักวิชาการ มียศถาบรรดาศักดิ์เทียบเท่ากับภรรยาผู้อาวุโสในราชสำนัก

การแนะนำตัวเช่นนี้เดิมทีพวกนางที่เป็นผู้น้อยควรจะเป็นคนแนะนำ เวลานี้ฝ่ายนั้นนับถือกันเป็นแม่ลูกบุญธรรมแล้วทำในสิ่งที่พวกนางซึ่งเป็นผู้น้อยควรกระทำ แล้วพวกนางจะไปร้องเรียนที่ใดได้

เซี่ยฮูหยินหัวเราะในลำคอ อันฮูหยินวางถ้วยน้ำชาลง “อืม คนมากันพร้อมแล้ว ทั้งยังแนะนำตัวเสร็จแล้ว ฮ่องเต้และบรรดาข้าราชบริพารน่าจะรอจนร้อนใจแล้ว รีบทำเรื่องที่พึงกระทำเถอะ”

คือนางเองที่รอจนร้อนใจ เวลานี้นางอยากจะฉีกหน้ามั่วเชียนเสวี่ย ให้นางรู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่ต่ำทราม! หลังจากนั้นค่อยดูสีหน้าอันเหี่ยวย่นของจย่าฮูหยิน ที่นึกเสียใจทีหลัง…

มหาราชครูและมหาองครักษ์ขัดแย้งกันมาโดยตลอด การที่เรื่องนี้ฉังฮูหยินวางตัวเป็นกลางเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย ทางด้านท่านจย่าไม่สนใจเรื่องในราชสำนักมานานหลายปีแล้ว เดิมทีคิดว่าจะมาเพื่อความครึกครื้นเท่านั้น ทว่าคิดไม่ถึงกลับได้บุตรีบุญธรรมไปหนึ่ง

ถานฮูหยินภรรยาของมหาราชาจารย์ถานสามารถดึงมาเป็นพวกพ้องได้ แต่ว่ามีพระชายาจิ่งชินอ๋องออกหน้าปกป้องมั่วเชียนเสวี่ย ถานฮูหยินก็ไม่อาจขัดเจตนาของพระชายาจิ่งชินอ๋อง ย่อมต้องให้เกียรติพระชายาจิ่งชินอ๋อง

เดิมทีคิดว่ามั่วเชียนเสวี่ยต่อสู้ตามลำพัง สามารถทำให้นางอับอายอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายเวลานี้ทั้งสองฝ่ายกลับมีอำนาจไล่เลี่ยกัน

หลังจากลำแสงแล่นผ่านแววตาของเซี่ยฮูหยิน เอ่ยวาจาเห็นด้วยกับคำพูดของอันฮูหยิน “เรื่องนับญาติและพูดคุยกันนั้นในอนาคตยังมีโอกาสอีกมาก พวกเรามาที่นี่เป็นเพราะได้รับคำเชิญจากองค์หญิงอวี้เหอ มาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณหนูมั่ว แน่นอนว่าสิ่งที่ควรทำคือทำเรื่องสำคัญ”

แม้จย่าฮูหยินจะจิตใจดี แต่ไม่ใช่คนที่จะสามารถรังแกได้ เวลานี้ก็ไม่อ้อมค้อม สีหน้าแสดงความไม่พอใจ น้ำเสียงเยือกเย็นขึ้นมากะทันหัน “ก็ดี เช่นนั้นขอเชิญเซี่ยฮูหยินและอันฮูหยินร่วมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบุตรีข้า”

เวลานี้เป็นต้นฤดูวัสสันต์ อากาศเริ่มอบอุ่น มั่วเชียนเสวี่ยสวมชุดเพียงสามชั้นเท่านั้น เวลานี้นางเองก็ไม่ได้พูดอะไร ถลกแขนเสื้อของตนเองขึ้น เผยให้เห็นจุดสีแดงตรงกลางแขน

แน่นอนว่าจย่าฮูหยินเพียงกวาดตามองก็เห็นแล้ว นางพยักหน้า นั่งลงบนโต๊ะแล้วยกถ้วยน้ำชาขึ้นด้วยสีหน้าสบายใจ

พระชายาจิ่งชินอ๋องก็เห็นแล้วเช่นกันนางยิ้มแล้วจิบน้ำชา ถานฮูหยินและฉังฮูหยินเพียงไอแห้งๆ สองครั้งแล้วกลับไปนั่งที่ของตนเอง

แน่นอนว่าเซี่ยฮูหยินและอันฮูหยินก็เห็นแล้วเช่นเดียวกัน ทว่า สีหน้าของพวกนางไม่ได้ฉายความแปลกใจ ดวงหน้าของพวกนางฉายความลำพองใจและเย้ยหยันเล็กน้อย

เป็นจริงตามที่ฮองเฮากล่าว แขนของมั่วเชียนเสวี่ยยังคงมีจุดสีแดงคล้ายแต้มพรหมจรรย์ แต่น่าเสียดาย แต้มพรหมจรรย์นี้เป็นของปลอม แต่นางกลับไม่รู้เลย ช่างน่าสงสารเสียจริง!

เวลาเดียวกันที่สูญเสียความบริสุทธิ์ก็แต้มพรหมจรรย์ขึ้นมา หมายจะหลอกหลวงฮ่องเต้ หลอกลวงทุกคน…

เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาเดียวกันที่โทษของนางร้ายแรงมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงมีความผิดฐานไม่ซื่อสัตย์ ทั้งยังประพฤติตัวไม่ดี วางตัวไม่เหมาะสม ไร้ความน่าเชื่อถือและไร้ความชอบธรรม…

อันฮูหยินไม่อาจข่มความดูแคลนในใจเอาไว้ได้อีกแล้ว บอกกับนางกำนัลที่เฝ้าประตู “ไปเอาน้ำสะอาดมา…”

“เจ้าค่ะ” นางกำนัลออกไปยกน้ำสะอาดมาตามคำสั่ง เพียงครู่หนึ่งก็ยกน้ำสะอาดที่เตรียมพร้อมเอาไว้ตั้งแต่แรกมา

การที่สั่งให้ยกน้ำสะอาดมาแน่นอนว่าเป็นเพราะไม่พอใจ ทั้งยังเคลือบแคลงสงสัย

สีหน้าของจย่าฮูหยินฉายความขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่ไม่ได้ห้ามปราม คนบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! หากไม่ให้นางตายใจ ก็ไม่มีวันหยุด

นางไม่ใช่คนโง่ นางเห็นความผิดปกติตั้งแต่เห็นสีหน้าของอันฮูหยินและเซี่ยฮูหยินแล้ว แต่เมื่อมองไปยังมั่วเชียนเสวี่ย มั่วเชียนเสวี่ยกลับยิ้มปลอบโยนนางด้วยความมั่นใจ

หลังจากวิเคราะห์คนทั้งสองนางก็รู้ทันที ต้องมีเงื่อนงำบางอย่างแน่นอน ทว่า เงื่อนงำนี้สตรีที่เพิ่งเป็นบุตรีบุญธรรมของตนจัดการเรียบร้อยแล้ว

นางกำนัลยกกะละมังเข้ามาจากนั้นยืนอยู่ข้างๆ เซี่ยฮูหยินหยิบผ้าขึ้นมาชุดน้ำเล็กน้อย ยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มอ่อนๆ นางเคลื่อนไหวช้ายิ่งนัก และแปลกประหลาดอย่างมาก คล้ายกำลังเพลิดเพลินกับบางอย่าง และคล้ายกำลังรอดูละครฉากใหญ่

ดวงหน้าของอันฮูหยินเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทว่า ในสายตาของมั่วเชียนเสวี่ยคือเบื้องหน้ายิ้มแย้มแต่ข้างในจิตใจกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เซี่ยฮูหยินเช็ดเบาๆ แล้วจับจ้อง ทว่าแต้มสีแดงนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มบนมุมปากของนางนิ่งค้าง ไม่เชื่อสิ่งที่ตนเห็น หลังจากสบตากับอันฮูหยิน ก็เช็ดแรงขึ้น

รอให้นางเอาผ้าเช็ดหน้าออกด้วยความระมัดระวัง แต้มสีแดงนั้นยังคงอยู่ ทว่าผิวหนังบริเวณนั้นถูกนางเช็ดจนแดงเล็กน้อยแล้ว ขับให้แต้มสีแดงนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เซี่ยฮูหยินเบิกตากว้าง ความมั่นใจสลายกลายเป็นควันแล้วจางหาย ร้องตะโกนอย่างเสียการควบคุม “เป็นไปไม่ได้!”

จย่าฮูหยินกระแทกถ้วยน้ำชากับโต๊ะอย่างแรง ปรายตามองเซี่ยฮูหยิน พูดตำหนิเสียงเหี้ยม “เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้” เซี่ยฮูหยินไม่สนใจที่จะโต้กลับสายตาดูแคลนของจย่าฮูหยิน รีบเอาผ้าชุบน้ำ แล้วเช็ดแต้มพรหมจรรย์สีแดงของมั่วเชียนเสวี่ย

แขนขาวเนียนของมั่วเชียนเสวี่ยถูกเช็ดจนแดงก่ำทันที เซี่ยฮูหยินแทบอยากจะเช็ดให้ผิวหนังหลุดลอก

ทว่า มั่วเชียนเสวี่ยกลับนิ่งงัน เพียงหัวเราะเยือกเย็นแล้วพูด “เซี่ยฮูหยินคิดอยากจะเช็ดผิวหนังของเชียนเสวี่ยจนหลุดลอกหรือเจ้าคะ”

เซี่ยฮูหยินถูกมั่วเชียนเสวี่ยเย้ยหยัน นางตกใจแล้วหยุดการกระทำของตนทันที!

เห็นชัดว่าอันฮูหยินไม่เชื่อผลลัพธ์นี้ เอาผ้าชุบน้ำ เช็ดแขนของมั่วเชียนเสวี่ยอีกครั้ง มั่วเชียนเสวี่ยดึงแขนกลับ ปล่อยแขนเสื้อลง พูดเสียงทุ้มต่ำ “ฮูหยินทั้งสอง พวกท่านพอใจหรือยังเจ้าคะ”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset