ทุกคนต่างรู้ดีว่า เวลานี้จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินไม่อาจวางมาดลงแล้ว
หากคุณชายเฟิงนำเรื่องนี้ไปบอกหัวหน้าตระกูล ไปขอความยุติธรรมจากตระกูลหนิง หากฝ่าบาทเอาความขึ้นมา ภายใต้ความน่าเกรงขามของอดีตหัวหน้าตระกูล พวกนางไม่อาจได้ประโยชน์ใดๆ
จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินยืนนิ่ง หน้าเปลี่ยนสีอย่างต่อเนื่อง ทางด้านอวี่เหวินหันเหล่ยราวกับคิดบางอย่างขึ้นได้อย่างไรอย่างนั้น โน้มตัวไปใกล้แล้วพูดกระซิบข้างหูทั้งสองคน
หลังจากนั้น ไล่สาวใช้ทั้งสองแถวที่ป้องอยู่ตรงหน้าให้ถอยไป สีหน้าของจิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินราวกับเมินเฉยต่อความตาย รอมั่วเชียนเสวี่ยตบพวกนาง
ทว่า สายตาที่มองต่ำลงเคล้าไปด้วยแผนการชั่วร้าย
ชูอีและสืออู่เห็นพวกสาวใช้หลีกทาง ดวงหน้าของทั้งสองฉายความดีใจ เดินเข้าไปทีละก้าว
ท่านหญิงซูซูรอดูเรื่องสนุก ทว่าไม่รู้หลันรั่วเมิ่งเดินมาตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวล
มั่วเชียนเสวี่ยหัวใจบีบรัด “ช้าก่อน”
ชูอีและสืออู่ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็หยุดฝีเท้าลง
มั่วเชียนเสวี่ยเหงื่อชุ่มแผ่นหลัง ลอบพูดในใจว่าเรือนหลังเต็มไปด้วยความซับซ้อน นางเกือบตกหลุมพรางแล้ว แต่มั่วเชียนเสวี่ยไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย
นางเพียงเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ดวงหน้าไร้อารมณ์ พูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ “เมื่อครู่เชียนเสวี่ยโมโหจึงทำให้ใจร้อนเล็กน้อย ถึงอย่างไรฮูหยินทั้งสองก็เป็นอนุภรรยาของอดีตหัวหน้าตระกูล แม้เชียนเสวี่ยจะลงโทษโดยการตบหน้าฮูหยินทั้งสองแทนเหล่าฮูหยิน แต่ก็เป็นการทำเกินหน้าที่ ให้เหล่าฮูหยินจัดการด้วยตนเองดีกว่าเจ้าค่ะ เชื่อว่าด้วยความเข้มงวดของเหล่าฮูหยิน ต้องจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี”
ในเมื่อเหล่าฮูหยินส่งฮูหยินส่งสอนคนนี้มา เวลานี้ส่งกลับไปให้เหล่าฮูหยินลงโทษ เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไม่ใช่หรือ
จัดการคนชั่วช้าที่รังแกนาง ขณะเดียวกันก็สร้างความน่าเกรงขาม โดยไม่ทำให้มือของตนแปดเปื้อน ทำให้เหล่าฮูหยินตกตะลึงได้
อีกทั้ง เพื่อเกียรติยศของตนแล้ว เกรงว่าเหล่าฮูหยินไม่จบเรื่องโดยเพียงตบหญิงชั่วช้าเท่านั้น
จัดการหญิงชั่วช้าทั้งสอง โดยไม่เหลือสิ่งใดให้ตำหนิ นี่ต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด
พูดจบ หันไปมองชูอี มั่วเชียนเสวี่ยออกคำสั่ง “ชูอี เจ้าส่งฮูหยินทั้งสองออกไปจากสวนร้อยบุปผาแล้วให้องครักษ์อวี่คอยดูแล แล้วให้อวี่เสวียนส่งเทียบเชิญของข้าไปให้เหล่าฮูหยิน อธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด”
“เจ้าค่ะ”
เวลานี้จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยิน อยากจะตายยิ่งนัก แต่ไม่อาจพูดกล่าวออกมาได้
ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฮูหยินผู้อาวุโสใหญ่ฟัง ลงโทษพวกนาง พวกนางยังจะปฏิเสธได้หรือ
สะใภ้ของตระกูลหนิง ฮูหยินอันดับหนึ่ง เซี่ยซื่อคนนั้นลงโทษตนเองโดยการย้ายไปอยู่ในศาลบรรพชน ไม่ออกมาจัดการเรื่องต่างๆ อีกแล้ว เวลานี้มีเพียงฮูหยินผู้อาวุโสใหญ่ และอีกคนหนึ่ง ก็คือสตรีตรงหน้าที่ยังไม่ได้ตบแต่งเข้าตระกูล
พวกนางเสียใจจริงๆ หากพวกนางคิดขึ้นได้ก่อนหันเหล่ย ยอมอับอายขายหน้าต่อหน้าทุกคนตั้งแต่เมื่อครู่ ยอมถูกตบ ร้องไห้ฟูมฟาย…ตระกูลต้องลงโทษโดยกล่าวว่ามั่วเชียนเสวี่ยใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำเกินอำนาจตนเองและไม่เคารพผู้อาวุโส ทำให้นางถูกลงโทษตั้งแต่ยังไม่ทันตบแต่งเข้าตระกูล
มั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งพูดจบไม่นาน หลันรั่วเมิ่งก็พูดขึ้น บอกหมัวมัวที่่อยู่ข้างกาย “หมัวมัว เกรงว่าสาวใช้ของคุณหนูเชียนเสวี่ยและฮูหยินทั้งสองท่านจะไม่คุ้นชินกับสวนร้อยบุปผา หมัวมัวช่วยนำทางฮูหยินทั้งสองท่านออกนอกสวนร้อยบุปผาด้วย”
สวนร้อยบุปผาสร้างโดยบรรพบุรุษของตระกูลหลัน กว้างใหญ่ยิ่งนัก ไม่มีคนเดินนำ ถือเป็นเรื่องยากที่จะเดินออกไปจริงๆ หลันรั่วเมิ่งกำลังช่วยมั่วเชียนเสวี่ยอย่างเห็นได้ชัด แต่เหตุผลที่นางพูดออกมากลับสมเหตุสมผลยิ่งนัก
หลังจากออกคำสั่งเสร็จ คล้ายหลันรั่วเมิ่งฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดเสริม “หมัวมัว หมัวมัวไปหยิบเทียบเชิญของมารดาข้า หลังจากส่งฮูหยินทั้งสองท่านออกไป หมัวมัวตามองครักษ์หญิงของคุณหนูเชียนเสวี่ยไปส่งฮูหยินทั้งสองกลับจวนหนิงพร้อมกัน อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฮูหยินผู้อาวุโสใหญ่ฟังอย่างละเอียด”
พูดจบ หลันรั่วเมิ่งหันหน้าไปทางบรรดาสตรีชั้นสูงแล้วพูดอธิบาย “เรื่องเกิดขึ้นในสวนของตระกูลหลัน ตระกูลหลันย่อมมีหน้าที่อธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน”
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าหลันรั่วเมิ่งถือเป็นสตรีเก่งกาจในเรือนหลังใหญ่จริงๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากฮูหยินทั้งสองอยากจะตำหนินาง อยากจะตำหนิตระกูลหลัน ก็ไม่อาจหาเหตุผลมาตำหนิได้
มั่วเชียนเสวี่ยเพียงมองสายตาของนางก็เข้าใจเจตนาของนาง นางเป็นคู่กรณี เรื่องบางเรื่องไม่ควรให้บริวารของนางเป็นคนพูด
หากตระกูลหลันออกหน้า ระหว่างส่งกลับจวนหนิงย่อมไม่เกิดข้อผิดพลาด อีกทั้งการที่นำเรื่องนี้ไปรายงานเหล่าฮูหยิน เหล่าฮูหยินก็ไม่อาจเคลือบแคลงสงสัยแต่อย่างใด
ภายใต้การเดินนำของชูอีและการเดินนำด้วยความสุภาพของหมัวมัว ฮูหยินทั้งสองพาสาวใช้ทั้งหลาย หมุนตัวหันหลัง
มองส่งแผ่นหลังของชูอีและพวกฮูหยินที่เดินออกไปอย่างยิ่งใหญ่ มั่วเชียนเสวี่ยยิ้ม เหล่าฮูหยิน รอรับการโต้กลับของนางเถอะ!
มั่วเชียนเสวี่ยหุบยิ้ม หันไปมองเฟิงอวี้เฉินที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความดีใจ
ดูเหมือนว่า เฟิงอวี้เฉินคลายเงื่อนในใจแล้ว กระบี่นั้น คุ้มค่ากับการถูกฟันยิ่งนัก!
ไม่เพียงทำให้เสวี่ยเอ๋อร์สมปรารถนา ทั้งยังได้ใจพี่ชายที่ทั้งใจมีเพียงนาง พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อนางทุกเมื่อ พี่ชายแสนดีที่ปกป้องนางด้วยหัวใจ
สองครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นในท้องพระโรง เฟิงอวี้เฉินพูดเข้าข้างนางโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด มั่วเชียนเสวี่ยไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้สึกขอบคุณ
จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินเดินออกไปแล้ว อวี่เหวินหันเหล่ยก็ขายหน้า นางทำเสียงฮึดฮัดให้มั่วเชียนเสวี่ย แล้วเดินตามไป ออกไปจากสวนร้อยบุปผาเช่นเดียวกัน
ทุกคนเห็นว่าไม่มีเรื่องครึกครื้นให้ชม จึงแยกย้าย
บรรดาคุณชายเสเพลที่ก่อนหน้านี้พูดจาไม่เคารพมั่วเชียนเสวี่ย เวลานี้มีคนบอกฐานันดรศักดิ์ของมั่วเชียนเสวี่ยให้พวกเขาฟังแล้ว พวกเขาสั่นเทาไปทั้งตัว ล้วนเดินเข้ามากล่าวขอโทษแล้วค่อยกล้าเดินจากไป
กล่าวขอโทษคือมารยาท แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับคือชีวิต!
เมื่อทุกคนแยกย้าย บรรยากาศจึงดีขึ้นมาก มั่วเชียนเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ทำให้พวกคนแปลกๆ ของตระกูลหนิงอับอายต่อหน้าผู้คน นางไม่รู้สึกอึดอัดใจแม้แต่น้อย
ผู้อื่นไม่หาเรื่องข้า ข้าย่อมไม่หาเรื่องพวกเขา!
นี่คือหลักการของนางมาโดยตลอด นางไม่มีวันถ่อมตนเพราะเดินทางทะลุมิติมายังโลกประหลาดนี้
ในทางเดียวกัน นางก็ไม่มีวันมองข้ามความรักและความแค้นของเสวีย่เอ๋อร์ ผู้เป็นเจ้าของร่างเดิม
มั่วเชียนเสวี่ยหันไปมองเฟิงอวี้เฉินที่อยู่ข้างๆ นางปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าความอบอุ่นแล่นผ่านหัวใจของนาง
เฟิงอวี้เฉินคนนี้ นางยอมรับเขาเป็นพี่ชายแล้ว!
คำพูดที่เฟิงอวี้เฉินกล่าวเมื่อครู่ ไม่ว่าเฟิงอวี้เฉินจะตัดใจแล้วจริงหรือไม่
ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เขาจะคอยช่วยเหลือตนตลอดไป แค่นี้ก็พอแล้ว
แน่นอน ตราบใดที่มั่วเชียนเสวี่ยยังคงอยู่ นางไม่มีวันปล่อยให้ตระกูลเฟิงล่มสลาย
ระหว่างครุ่นคิด หลันรั่วเมิ่งก้าวเดินแผ่วเบา เดินมาข้างๆ มั่วเชียนเสวี่ย
หลันรั่วเมิ่งลอบมองเฟิงอวี้เฉินที่ยืนไม่ห่างจากมั่วเชียนเสวี่ยเท่าใดนัก เฟิงอวี้เฉินนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่หลันรั่วเมิ่งปกป้องมั่วเชียนเสวี่ย จึงมองนางด้วยแววตาขอบคุณ พยักหน้าแสดงมารยาทเล็กน้อย
แน่นอนว่าหลันรั่วเมิ่งย่อมพยักหน้าตอบ ทว่าดวงแก้มของนางกลับแดงระเรื่อ พูดไม่เป็นภาษาเล็กน้อย “เชียน…เชียนเสวี่ย ประเดี๋ยวทุกคนต้องแต่งกลอนเพื่อสร้างความครึกครื้น เจ้าก็ไปแต่งกลอนด้วยกันเถอะ!”
เวลานี้หลันรั่วเมิ่งราวกับหญิงสาวที่เพิ่งมีความรัก มั่วเชียนเสวี่ยไม่ใช่คนโง่ นางจะดูไม่ออกได้อย่างไร
หันไปมองเฟิงอวี้เฉินที่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยราวกับต้นใบเงิน แล้วหันไปมองดวงหน้างดงามและทระนงตนของหลันรั่วเมิ่ง นางได้แต่กลอกตาไปมา!