มั่วเชียนเสวี่ยเป็นตัวหมากในสายตาคนหลายคน แต่เป็นเสี้ยนหนามในใจผู้คนมากมายยิ่งกว่า!
จึงเป็นธรรมดาที่ทุกคนจะให้ความสนใจกับการกระทำของนาง
การกระทำของมั่วเชียนเสวี่ยในงานเลี้ยงชมบุปผาเมื่อคืนวานก็ถูกทุกคนรับรู้ภายในคืนเดียวเท่านั้น
……
ภายในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ฟังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว ก็ไม่ได้บันดาลโทสะเหมือนที่ผ่านมา เพียงแค่อ่านฎีกาในมือด้วยท่าทีสงบนิ่ง และยิ้มเย็นออกมา
หลายวันมานี้อารมณ์ของฮองเฮาดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด บางทีการตักเตือนของหัวหน้าตระกูลเซี่ยคงจะมีประโยชน์จริงๆ ตอนนี้ฮองเฮาแทบจะไม่ค่อยบันดาลโทสะแล้ว
แต่เมื่อได้ยินเสียงรายงานของขันที กลับยังคงปาถ้วยแตกด้วยความเดือดดาลไปใบหนึ่ง!
“สตรีน่ารังเกียจ! ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะหยิ่งยโสเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน”
จากนั้นก็หันหน้ากลับมามองหมัวมัวที่ยืนอยู่ข้างกาย พลางรับสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “น้ำแกงบำรุงสุขภาพที่เตรียมไว้ให้ข้าเล่า ทำไมยังไม่ส่งมาอีก”
หมัวมัวนางนั้นรับคำ พลางกล่าวว่าสั่งการลงไปแล้ว “จะยกมาให้เหนียงเหนียงในไม่ช้าเพคะ”
จากนั้นก็ลอบมองฮองเฮาแวบหนึ่ง และก้มหน้าเหลือบมองเศษกระเบื้องบนพื้น ก่อนจะรีบโค้งกายออกไปข้างนอกเพื่อเรียกนางกำนัลมาทำความสะอาด
กงหมัวมัวเหลือบมองกรงนกในเรือนระเบียงกรงนั้น ในใจก็คิดว่า เขวี้ยงถ้วยแตกนั้นไม่เป็นอะไร ขอเพียงแค่นกตัวนี้สามารถมีชีวิตได้อีกหลายวันก็พอ…
หัวใจของนางทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว เสียงร้องอันน่าสงสารยามจบชีวิตของนกแก้วตัวนั้น…
……
ตระกูลมั่ว
หัวหน้าตระกูลมั่วกับเหล่าผู้อาวุโสล้วนนั่งอยู่ในห้องประชุมเงียบๆ โดยไม่กล่าววาจาใด!
พูดตามจริง ยากที่มั่วเชียนเสวี่ยจะกระทำเรื่องที่ทำให้พวกเขาค่อนข้างพอใจเรื่องหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะพอใจเท่านั้น แต่ยังสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขอยู่บ้าง!
ผู้อาวุโสรองนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือยกถ้วยชา เอ่ยยิ้มๆ ว่า “มั่วเชียนเสวี่ยผู้นี้ไม่นับว่าไร้สมอง รู้จักแสดงอำนาจต่อคุณหนูตระกูลหนิงผู้นั้น ในที่สุดก็ให้ข่าวที่ค่อนข้างดีกับพวกเราเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนล้วนคิดจะมาประจบประแจงตระกูลมั่ว…” ถ้าหากว่ากระทั่งคุณหนูตระกูลหนิงผู้นั้น มั่วเชียนเสวี่ยก็ยังจัดการไม่ได้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นในภายหน้าเมื่อแต่งเข้าตระกูลหนิง จะไม่ถูกคนบีบตายเอาหรือ
แม้ว่าพวกเขาจะหวังให้มั่วเชียนเสวี่ยตาย แต่ในยามที่นางมีชีวิต อย่างน้อยก็ไม่สามารถทำให้ตระกูลมั่วอับอายขายหน้าได้
ผู้นำตระกูลมั่วได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่ได้กล่าววาจาหักล้างอันใด
แม้ว่าในใจจะไม่ถึงขั้นสบายใจ แต่ก็ไม่ประชดประชันแล้ว
เหอะ…แม้ว่าตอนนี้อวดดีไปแล้วจะทำอันใดได้ สุดท้ายก็ไม่ใช่ว่า…
ผลที่ตามมาของเรื่องนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ท่านที่อยู่ในวังหลวงผู้นั้นเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตระกูลมั่ว กระทั่งตระกูลหนิงในยามนี้ก็ไม่สงบเช่นกัน! ……
ณ ห้องลับภายในเมืองหลวงแห่งหนึ่ง มีเงาร่างคนสองคนยืนอยู่ หนึ่งบุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีน้ำเงินกับหนึ่งชายชราอาภรณ์สีดำ บุรุษชุดน้ำเงินแค่นเสียงเบา “ฮ่องเต้สุนัขแทบจะทนรอจัดการมั่วเชียนเสวี่ยไม่ไหว ยิ่งรอไม่ไหวที่จะจัดการตระกูลหนิงยิ่งกว่า ดูท่า แผนการที่พวกเราวางไว้จะสำเร็จในอีกไม่นานแล้ว…”
ชายชราชุดดำเหมือนจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “เรื่องที่นายท่านถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ ไม่ได้ถูกพบเห็นใช่ไหมขอรับ”
“ถูกพบเห็นก็ไม่กลัว ก็ใช้เรื่องที่ฮ่องเต้สุนัขมีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องในยุทธภพมาจัดการเหมือนเดิม”
“นายท่านระวังไว้หน่อยจะดีกว่าขอรับ ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลลู่ทั้งหมดล้วนถูกแบกอยู่บนร่างของนายท่านผู้เดียวนะขอรับ”
“อืม ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวเตือนได้ถูกต้อง ข้าจะระวัง” บุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินหันหน้ากลับมา “เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปทำ จัดการไปถึงไหนแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลหนิงถามอีกว่า “นายท่านจะลงมือแล้วหรือขอรับ”
ชายชุดน้ำเงินถูกผู้อาวุโสใหญ่ถามคำถามหลายครั้ง จึงรู้สึกหงุดหงิดนานแล้ว เขาถอนสายตากลับมา “เจ้าแค่สืบหน่วยรักษาการณ์ลับที่หนิงเซ่าชิงจัดวางไว้รอบจวนมั่วให้ชัดเจนก็พอ เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องเป็นกังวล”
“ขอรับ”
……
คืนนี้หนิงเหล่าเหยีย บิดาของหนิงเซ่าชิงพักที่เรือนจื่อของจื่อฮูหยิน
จื่อฮูหยินผู้นี้ทั้งอ่อนโยนและมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ไม่ว่าตอนไหน ก็ล้วนพูดจาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่นุ่มนวล เพียงแค่เห็นสายตาของหนิงเหล่าเหยีย และท่าทางยกมือของเขา นางก็รู้แล้วว่า หนิงเหล่าเหยียคิดอะไร ต้องการอะไร
หนิงเหล่าเหยียอายุมากแล้ว ยามนี้ปลดภาระหนักที่อยู่บนร่าง ก็ถึงเวลาเสวยสุขแล้ว
เขาไม่ใช่คนที่มักมากในกามารมณ์ ไม่สนใจจะไปทำร้ายหรือชุบเลี้ยงสาวงามที่ผู้อื่นส่งมาให้เขาเหล่านั้น
ยามค่ำคืน เมฆฝนคลื่นลมสงบ บนเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนของความรัก หนิงเหล่าเหยียลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าเนียนสะอาดของจื่อฮูหยินเป็นบางช่วง จิตใจล่องลอยไปด้านนอก
จื่อฮูหยินเอนร่างโอนอ่อนราวกับสายน้ำอยู่ในอ้อมเเขนหนิงเหล่าเหยีย คิ้วงามดั่งใบหลิวขมวดเล็กน้อย
“เหล่าเหยีย ความกล้าของจิ้งฮูหยินกับเหมยฮูหยินมากเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าทำให้ฮูหยินผู้นำตระกูลในอนาคตต้องเสียหน้าต่อหน้าธารกำนัล…”
มือหนิงเหล่าเหยียชะงัก สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องพวกนี้ เจ้าไม่ต้องสนใจ เข้านอนให้เช้าหน่อยเถอะ”
จื่อฮูหยินไม่ได้อธิบายเหตุผล และปราศจากความน้อยใจโดยสิ้นเชิง นางยิ้มอย่างไร้เดียงสา “อืม” คำหนึ่ง ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเหล่าเหยีย ราวกับแมวเหมียว ทั้งยังเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “เช่นนั้นข้านอนแล้วนะเจ้าคะ” เอ่ยจบก็หลับตานอนจริงๆ
หนิงเหล่าเหยียมองใบหน้าด้านข้างของจื่อฮูหยินที่อยู่ในความฝันก็ยังดูว่านอนสอนง่าย ในห้วงความคิดปรากฏดวงหน้าอ่อนโยนงามแฉล้มอีกดวงหนึ่งขึ้นมา
ทั่วทั้งร่างนางมีความสุภาพเยือกเย็นและงามสง่า ราวกับบงกชในน้ำบริสุทธิ์ ไม่คลุกคลีกับเรื่องทางโลกสักนิด นุ่มนวลยิ่งกว่าจื่อฮูหยินขณะที่โล้สำเภามักจะเรียกเขายิ้มๆ ว่า ‘เทาหลาง’ ระหว่างร่วมรัก น้ำเสียงที่เรียกเทาหลางนั้นคล้ายกับเสียงพึมพำเรียกชายคนรัก…
ทว่า คนที่บริสุทธิ์ราวกับสายน้ำเช่นนี้กลับมีนิสัยเด็ดเดี่ยวแน่วแน่คนหนึ่ง
และเป็นเพราะนางตั้งครรภ์ให้กำเนิดบุตร ส่วนตนเองก็ไปเอาอกเอาใจญาติผู้น้องลู่เอ๋อร์ที่มารดาส่งมาให้ นางจึงเสียใจปานจะขาดใจ ลู่เอ๋อร์กลับเป็นพวกที่ก่อเรื่องไม่หยุด อาศัยว่ามีเหล่าฮูหยินคอยปกป้อง จึงไปคุยโวโอ้อวดต่อหน้านางทุกวัน
เรื่องในเรือนหลังพวกนี้ เขาจะไปรู้ได้เช่นไร รอถึงตอนที่เขารู้ นางที่ไม่ได้รับการดูแลหลังจากคลอด จึงมีอาการป่วยเกินเยียวยา สุดท้ายก็ตรอมใจตายไปแล้ว
นับตั้งแต่นางตายไป ก็ไม่มีใครเรียกตนเองว่า ‘เทาหลาง’ อีกเลย
นางตายไปแล้ว สิ่งที่เขาทำได้กลับมีเพียงแค่มอบความตายให้กับสตรีน่ารังเกียจนั่น แต่…มารดากลับส่งมาเพิ่มอีกสองนาง
ผู้อาวุโสมอบของให้ ไม่อาจปฏิเสธได้!
เช้าวันรุ่งขึ้น หนิงเหล่าเหยียถ่ายทอดคำสั่งลงมาว่าให้กักบริเวณจิ้งฮูหยินกับเหมยฮูหยินในเรือนสามเดือนเต็ม
เหตุผลคือ ฮองเฮากระทำความผิดยังถูกฮ่องเต้กักบริเวณ สั่งให้คัดคัมภีร์ นับประสาอะไรกับอนุภรรยาคนหนึ่ง
กฎตระกูลหนิงเข้มงวดเคร่งครัด สตรีของตระกูลหนิงสามารถทำตัวยโสโอหังได้ แต่ไม่สามารถสูญเสียความสง่างามเด็ดขาด เมื่อสูญสิ้นความพอดีไป จะทำให้คนในใต้หล้าหัวเราะเอาได้
หนิงเซ่าชิงได้ยินแล้วก็เพียงแค่ยิ้ม ให้ข้ารับใช้ส่งกวนอิมหยกให้กับจื่อฮูหยินองค์หนึ่ง นี่คือเรื่องที่กล่าวในภายหลัง
เมื่อได้ไตร่ตรองครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้นไปทักทายเหล่าฮูหยินผู้จัดการดูแลเรื่องราวต่างๆ ในตระกูลที่เรือนฉือหนิง
“ผู้นำตระกูลมาแล้วเจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินเสียงรายงานจากบ่าวรับใช้ด้านนอก ดวงหน้าเหี่ยวย่นของหนิงเหล่าฮูหยินก็ยิ้มเบิกบานทันที!
ความจริงกล่าวตามตรง ในใจของหนิงเหล่าฮูหยินยังคงชื่นชอบหนิงเซ่าชิง ไม่เช่นนั้น นางที่อายุปูนนี้แล้วยังต้องประคับประคองเรือนหลังทั้งหมดด้วยความยากลำบาก เพื่อการกลับมาของหนิงเซ่าชิงด้วยหรือ
ถึงอย่างไร ในบรรดาบุตรหลานภรรยาเอก หนิงเซ่าชิงก็เป็นคนที่โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่ง
หนิงเซ่าชิงยุ่งมาก ย่อมไม่สามารถมาน้อมทักนางได้ทุกวัน