คุณชายรองน่ากลัวเกินไปแล้ว! พวกเขา ใครก็ไม่กล้าออกหน้าเป็นคนแรก
นับตั้งแต่คุณชายใหญ่เป็นหัวหน้าตระกูล ในเรือนของฮูหยินรองก็ไม่เคยเงียบสงบเลย
“สตรีแพศยา! เรื่องแค่นี้ก็ยังทำได้ไม่ดี เจ้ายังจะมีประโยชน์อันใดอีก”
ภายในห้องหลัก หนิงเซ่าอวี่ที่สีหน้าดุร้ายกดกุ้ยเสี่ยวซีลงบนโต๊ะ จับสาบเสื้อของนางแล้วเงื้อมมือตบใบหน้าซ้ายขวาของนาง!
หนิงเซ่าอวี่ตบอย่างมีความสุขมาก ส่วนกุ้ยเสี่ยวซีในตอนนี้กลับกัดฟันอดทน! ทว่านัยน์ตากลับถลึงมองเขาอย่างไม่ยอมจำนน และเต็มไปด้วยความเกลียดชังเข้ากระดูกดำ!
ถ้าหากว่าเป็นไปได้! ถ้าหากว่าตอนนี้ในมือนางถือดาบเล่มหนึ่งเอาไว้ เช่นนั้นนางจะต้องแทงเข้าไปในหัวใจของสัตว์เดรัจฉานตัวนี้แน่นอน!
“เจ้ายังจะกล้าถลึงตาใส่ข้า! ใครให้เจ้าถลึงตาใส่ข้า!”
หนิงเซ่าอวี่เห็นกุ้ยเสี่ยวซีไม่ได้กอดเขาแล้วร้องไห้อ้อนวอนด้วยความเจ็บปวด แต่กลับมองเขาแบบนั้น ก็โมโหขึ้นมาแล้วง้างหมัดต่อยลงไปบนร่างของกุ้ยเสี่ยวซีอย่างแรง!
“ถุย! เจ้ามันสตรีที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง! อย่านึกว่าตัวเองเป็นที่หมายปองของใครต่อใคร! สตรีของข้ามีมากมาย ไม่มีเจ้าก็ไม่เป็นไร! ทางที่ดีเจ้าควรจำฐานะของตนเองเอาไว้! ถ้าหากวันหลังยังกล้าทำแผนการของข้าล้มเหลว ก็จะจัดการเจ้าเหมือนเดิม!”
เมื่อระบายโทสะเสร็จแล้ว หนิงเซ่าอวี่ก็ถุยน้ำลายลงบนร่างของกุ้ยเสี่ยวซี จากนั้นก็กดนางลงกับพื้น ปลดเปลื้องอาภรณ์ และย่ำยีนาง…
รอจนระบายอารมณ์เรียบร้อยแล้ว ถึงได้สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างอารมณ์ดี!
สำหรับเขาแล้ว นางคณิกาที่ไร้ความสามารถในการทำงานให้สำเร็จ แต่มีความสามารในการทำลายอย่างเหลือเฟือเช่นนี้ รอเขามีบุตรชาย รอวันที่เขาเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล วันนั้นจะต้องจัดการนางให้ตายก่อนคนแรก!
แต่ตอนนี้กุ้ยเสี่ยวซีกลับนอนไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนพื้น!
พละกำลังของบุรุษผู้หนึ่งนั้นมีมากเพียงใด นับประสาอะไรกับหนิงเซ่าอวี่ที่กำลังโมโห!
“แค่ก…แค่กๆ…ข้าไม่มีทางให้เจ้าสมปรารถนา! ตายก็ไม่มีวันให้เจ้าได้สมปรารถนา!” เดรัจฉานผู้นี้ต้องคิดไม่ถึงแน่นอนว่า ยาถ้วยที่ตนเองดื่ม ไม่ว่าเขาจะทรมานนางเช่นไร นางก็ไม่มีทางกล้าตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายก่อนมั่วเชียนเสวี่ยแน่นอน
น้ำเสียงแหบพร่าที่เจือไปด้วยความร้ายกาจทำให้เหล่าสาวใช้ที่เข้ามาปรนนิบัติจากด้านนอกรู้สึกร่างกายเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที…
……
ภายในวัดทรุดโทรมแห่งหนึ่งบริเวณชานเมืองนอกเมืองหลวง บุรุษที่สวมอาภรณ์สีน้ำเงิน สวมหน้ากากภูตผีสีดำบนใบหน้า ยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ โดยไม่พูดไม่จา
ครู่หนึ่ง ด้านนอกก็มีความเคลื่อนไหว ผู้ที่เข้ามาก็คือผู้อาวุุโสใหญ่ตระกูลหนิง ตอนที่เห็นคนที่อยู่ข้างในขณะเดินเข้ามา ก็ทำความเคารพคนคนนั้นก่อน
คนชุดน้ำเงินไม่สนใจการทำความเคารพที่ทำพอเป็นพิธีเหล่านี้ เขาโบกมือ “ระยะนี้เขามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง”
“หลายวันมานี้นอกจากจะจัดการเรื่องราวในตระกูลหนิง ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่า เมื่อวานเขาส่งเทียบเชิญไปให้คุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วแห่งจวนกั๋วกง วันนี้ก็ออกไปเที่ยวชมทะเลสาบในฤดูใบไม้ผลิกับคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วขอรับ”
ได้ยินเช่นนี้ คนชุดน้ำเงินก็หัวเราะเสียงประหลาด พลางเอ่ยเหยียดหยาม “อ่อ…เขายังรู้จักเสพสุข…ส่งคนไปสร้างความวุ่นวายสักหน่อย สามารถฆ่าให้ตายได้นั้นดีที่สุด ฆ่าไม่ตายก็อย่าให้พวกเขาได้อยู่อย่างสงบ!”
ผู้อาวุุโสใหญ่โน้มน้าวว่า “นี่…จะทำให้เรื่องใหญ่เกินไปหรือไม่ขอรับ หนิงเซ่าชิงไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน ถ้าหากว่าเขาสืบเรื่องราวจากเบาะแสที่มีแล้วสาวมาถึงพวกเรา…”
เอ่ยตามตรงก็คือกลัวว่าจะถูกเปิดเผย! ใช้ชีวิตผ่านคืนวันที่สงบสุขมามาก อีกทั้งการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ก็ไม่ได้อยู่ในแผนการด้วย!
เขาคิดเช่นนี้ก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้! จัดการวางแผนด้วยความรอบคอบมาหลายปีขนาดนี้ ไม่สามารถล้มเหลวเพราะโทสะเพียงชั่ววูบ!
คนชุดน้ำเงินกวาดตามองผู้อาวุโสใหญ่อย่างเย็นชา ทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันเพิ่มทวีคูณทันที!
“ไม่รู้จักขอทานที่เดินไปทั่วทุกที่หรือ สิ่งที่ไม่ขาดแคลนมากที่สุดในเมืองหลวงก็คือขอทาน! อีกทั้งสิ่งที่ขอทานขาดแคลนมากที่สุดก็คือของกิน! ลำดับถัดไปคงไม่ต้องให้ข้าสอนเจ้าหรอกนะ”
ผู้อาวุโสใหญ่ได้ยินแล้ว ก็รีบโค้งตัวรับคำ แสดงให้เห็นว่าตนเองจะจัดการให้เรียบร้อย
คนชุดน้ำเงินไม่พูดอันใดอีก แต่หันหลังเดินออกไป ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ไม่กี่ครั้ง ก็ไม่เห็นเงาแล้ว
…..
หลังจากหัวเราะด้วยกันเสร็จ หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยก็จูงมือเดินไปริมทะเลสาบด้วยกันเงียบๆ
ที่นี่คือนอกเมือง ไม่ได้มีกฎเกณฑ์มากมายขนาดนั้น
หนิงเซ่าชิงดึงมือมั่วเชียนเสวี่ยเบาๆ แม้ว่าแรงจะเบา แต่ความรู้สึกกลับหนักหน่วง
ทั้งสองคนไม่ได้พักผ่อนหย่อนใจอย่างอิสระเหมือนในวันนี้มานานแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยอ้าแขนข้างที่ว่างออก หน้าหันไปทางทะเลสาบ หลับตาลง ยิ้มบางๆ อย่างสบายใจมาก
ตลอดทางมือที่จับกันอยู่ของทั้งสองคนไม่ได้ปล่อยออก และหนิงเซ่าชิงก็ยืนอยู่ข้างกายนางแบบนั้น เสี้ยวพริบตาที่นางยกแขนขึ้น เขาก็อ้าแขนอีกข้างของตนเองออกอย่างให้ความร่วมมือ
วันนี้มั่วเชียนเสวี่ยสวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อน ยามที่สายลมพัดผ่านมา อาภรณ์ก็พลิ้วไหวร่ายรำ คล้ายกับผีเสื้อที่โบยบินอย่างร่าเริง
เมื่อเห็นนางยิ้มอย่างมีความสุขไร้ความกังวล หนิงเซ่าชิงก็โค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“เซ่าชิง ความรู้สึกแบบนี้สบายมากจริงๆ!” มั่วเชียนเสวี่ยทอดถอนใจ นี่ถึงจะเป็นชีวิตที่นางปรารถนา อยู่กับคนที่รักมากที่สุด หันหน้าเข้าหาทะเล ท่ามกลางบรรยากาศที่ดีงาม!
ต่อหน้าธารกำนัล จูงมือกันยังพอไหว
ถึงอย่างไรหนิงเซ่าชิงก็เป็นคนยุคโบราณ แม้ว่าจะอยากดึงคนเข้ามาในอ้อมแขน เอ่ยคำหวาน แต่กลับไม่กล้าทำในเวลานี้และต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
แม้ว่าจะเป็นคู่หมั้นที่กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ได้แต่งงาน
หนิงเซ่าชิงควบคุมความคิดในใจ จากนั้นก็ออกแรงกระชับมือมั่วเชียนเสวี่ย “เชียนเสวี่ยชอบก็ดีแล้ว”
ขอเพียงแค่เจ้าชอบ เช่นนั้นทุกสิ่งล้วนไม่สำคัญ!
“ชอบ ข้าย่อมชอบอยู่แล้ว เซ่าชิงชอบหรือไม่” มั่วเชียนเสวี่ยวางแขนลง นางยืนอยู่ตรงข้ามหนิงเซ่าชิง ยิ้มบางๆ มองเขาแล้วเอ่ยถาม
“ข้ามีความสุข เสวี่ยเสวี่ยก็น่าจะรู้…” วาจานี้คล้ายกับถูกพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ายวนของเขา แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับได้ยินอย่างชัดเจน!
มีความสุข…นางย่อมมีความสุขเช่นกัน เพราะว่านี่เป็นการนัดหมายกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการตั้งแต่ที่นางรู้จักหนิงเซ่าชิงมา!
ในยุคปัจจุบัน การนัดเดทล้วนมาพร้อมกับดอกไม้ มีไวน์เลิศรสอยู่เป็นเพื่อน และยังต้องไปดูหนัง! นี่นับว่าเป็นรูปแบบนัดเดทที่ล้าสมัย แต่กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรัก!
แต่ยุคโบราณนั้นไม่ใช่แบบนั้น อย่างน้อยจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
“เชียนเสวี่ยพูดถึงอะไรหรือ”
หนิงเซ่าชิงถามนางอย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่เข้าใจว่าวาจาเมื่อครู่นี้ของมั่วเชียนเสวี่ยหมายความว่าอะไร!
ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งจะค้นพบว่า ตนเองถึงกับเอ่ยความคิดที่อยู่ในใจเมื่อครู่นี้ออกมา! ขณะที่เผชิญหน้ากับหนิงเซ่าชิงที่มีใบหน้าโดดเด่นเหนือผู้คนแต่กลับมีแววตาไม่เข้าใจสาเหตุแล้ว ก็หัวเราะเหอๆ!
“ข้าพูดว่า!” มั่วเชียนเสวี่ยก็สลัดมือให้หลุดจากมือที่จับเอาไว้ของหนิงเซ่าชิง จากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปด้านหน้าหลายก้าว ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยยิ้มๆ ว่า “หนิงเซ่าชิง ถ้าหากว่าท่านสามารถใช้ดอกไม้ขอข้าแต่งงาน ข้าจะรับปากความปรารถนาของท่านในวันนี้ข้อหนึ่ง!”
ความจริงแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็แค่เอ่ยเล่นเท่านั้นเอง