‘เซ่าชิง ในภายภาคหน้าเจ้าจะต้องเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ตำแหน่งฐานะของเจ้าจะทำให้เจ้าต้องเผชิญหน้ากับแผนการชั่วร้ายต่างๆ นาๆ มือเปื้อนโลหิต! อาจารย์รับเจ้าเป็นศิษย์ในวันนั้น ก็เพียงเพราะพื้นฐานความแข็งแรงของร่างกายเจ้าดีเยี่ยมเป็นพิเศษ อาจารย์ไม่อาจฝืนทนให้พื้นฐานร่างกายที่ดีเช่นนี้ต้องถูกทำลาย ดังนั้นถึงได้ทำลายกฎเกณฑ์โดยการรับเจ้าเป็นศิษย์ แต่เจ้าก็ต้องจำไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ของพวกเราตลอดห้าปีมานี้ได้เดินมาจนถึงปลายทางในวันนี้แล้ว! อาจารย์ไม่ดึงดันจะยื้อเจ้าเอาไว้ และจะไม่เตือนเจ้าเหมือนกับที่เตือนคนอื่น อย่าได้มีความคิดหุนหันพลันแล่นที่จะเข่นฆ่าผู้คน สรรพสิ่งบนโลกมนุษย์นั้นมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าหากเจ้าใจอ่อน เช่นนั้นคนที่จะถูกตัดศีรษะย่อมเป็นตัวเจ้าแน่นอน! ทว่า เจ้าก็ต้องจำเอาไว้ว่า ไม่ว่าช่วงเวลาใด ขอเพียงแค่ในใจยังมีพุทธานุสติแม้เพียงเล็กน้อย ขอเพียงแค่คนคนนั้นไม่ได้มีบาปหนาจริงๆ ขอเพียงแค่คนคนนั้นไม่ได้เป็นภัยถึงชีวิตของเจ้า เจ้าก็เหลือเส้นทางการมีชีวิตให้เขา แบบนี้จะได้ไม่ทำให้ข้าที่อบรมเจ้าอย่างสุดความสามารถมาตลอดห้าปีนี้ต้องผิดหวัง เด็กน้อย ไปเถอะ’
ในวันนั้น แม้ว่าหน่วยตาของหนิงเซ่าชิงจะมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ แต่กลับกลั้นเอาไว้ไม่ยอมให้มันรินไหลออกมา เขาคุกเข่าลงบนพื้นให้กับเจ้าอาวาสหยวนเหริน หลังจากโขกศีรษะคำนับอาจารย์ของเขาไปสามครั้งแล้ว ก็หมุนกายจากไป
การจากไปในคราวนั้นได้จากไปเป็นระยะเวลาห้าปี
ปีนั้นก่อนจะจากไป เขาเคยให้คำมั่นสัญญากับเจ้าอาวาสหยวนเหริน ‘หากวันใดที่หนิงเซ่าชิงหาคู่ชีวิตที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิตพบ จะต้องมาวัดเซียงกั๋วอีก เพื่อให้นางได้โขกศีรษะยกน้ำชาให้กับท่านผู้เป็นอาจารย์แน่นอน’
เป็นอาจารย์เพียงวันเดียว เปรียบดั่งเป็นบิดาตลอดชีวิต!
แม้ว่าเจ้าอาวาสหยวนเหรินจะเคยพูดว่า ความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ระหว่างพวกเขาได้ขาดสะบั้นลงแล้ว แต่หนิงเซ่าชิงกลับจำเรื่องนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด! มิกล้าลืมเลือน
เส้นทางภูเขาคดเคี้ยวไปมา ยิ่งใกล้วัดมากขึ้น หนิงเซ่าชิงก็ยิ่งกระสับกระส่าย
ค่อนข้างจะให้ความรู้สึกคิดถึงบ้าน
อาจารย์ เซ่าชิงกลับมาแล้ว พาสตรีที่จะอยู่ด้วยกัน และสาบานว่าจะรักและปกป้องนางไปตลอดชีวิตกลับมาเยี่ยมท่านแล้ว!
ท่านจะยินดีต้อนรับหรือไม่
ทว่า ไม่ว่าอาจารย์จะยินดีต้อนรับหรือไม่นั้น หนิงเซ่าชิงก็จะพามั่วเชียนเสวี่ยไปคารวะที่วัดเซียงกั๋วอยู่ดี แม้ว่าเจ้าอาวาสหยวนเหรินจะไม่ยอมพบเขา เขาก็จะพาเชียนเสวี่ยไปคารวะโดยที่มีบานประตูกั้น นี่นับว่าเป็นการแสดงความกตัญญูเช่นกัน
หนิงเซ่าชิงกอดร่างมั่วเชียนเสวี่ยที่หลับสนิทไปแล้วแน่น พลางทอดถอนใจด้วยอารมณ์หลากหลาย
โลกอันกว้างใหญ่ไพศาล โลกมนุษย์ที่เจริญรุ่งเรือง โชคดีที่มีเจ้า โชคดีที่ทำให้ข้าได้พบกับเจ้า โชคดีที่ได้ครองคู่และกุมมือกับเจ้าไปจนแก่เฒ่า
และในเวลาเดียวกันนั้น มั่วเชียนเสวี่ยกลับฝันว่าพาหนิงเซ่าชิงทะลุมิติไปพันปี กลับไปยังโลกใบที่นางเคยอาศัยมาก่อน
ในความฝัน มั่วเชียนเสวี่ยพาหนิงเซ่าชิงที่เก่งกาจเหนือผู้คน ราวกับเทพเซียนกลับไปยังยุคปัจจุบัน กลับไปยังศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่มีเครื่องบินและคอมพิวเตอร์
ในความฝัน มั่วเชียนเสวี่ยที่กลับไปยุคปัจจุบันได้พาหนิงเซ่าชิงกลับบ้านของตนเอง พาหนิงเซ่าชิงไปพบบิดามารดาและน้องชายของตนเอง พร้อมกับแนะนำเขาอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นก็เห็นว่าแม้ว่าบิดามารดาจะตะลึง แต่กลับยังคงมีแววตายินดี
ความจริงแล้วบิดามารดาก็แค่หวังว่าให้ลูกๆ ได้ใช้ชีวิตให้มีความสุขเท่านั้นเอง
การรู้ใจกันและรักใคร่ซึ่งกันและกันของหนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ย ความจริงแล้วดูคล้ายกับเรื่องบังเอิญ เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่จะรู้ได้เช่นไรว่าไม่ใช่การจัดการพรหมลิขิตของเง็กเซียนฮ่องเต้
ก็เหมือนกับในตอนนี้ พวกเขาสองคนล้วนพาอีกฝ่ายไปพบกับคนที่ให้ความสำคัญมากที่สุดของตนเอง เพียงเพื่อสัตย์สาบานที่พวกเขาได้ให้ไว้ต่อกัน
ชั่วชีวิตนี้จะแต่งกับเจ้าเพียงผู้เดียว ชั่วชีวิตนี้หากไม่ใช่ท่านก็จะไม่แต่งงาน!
ในที่สุด ยามที่ดวงอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตก รถม้าก็มาถึงวัดเซียงกั๋วซึ่งตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเนินเขา
รถม้าหยุดจอดแล้ว ทว่า ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ด้านนอกกลับไม่มีใครสักคนเอ่ยปากเตือนผู้เป็นนายว่าถึงจุดหมายแล้ว
ใครก็ไม่อยากไปหาเรื่องใส่ตัว!
อาศัยฝีมือของนายท่าน/กูเหยีย จะไม่รู้ได้เช่นไรว่ารถม้าจอดนิ่งและถึงวัดเซียงกั๋วแล้ว?
ในเมื่อไม่ได้ส่งเสียงอะไร ก็คิดว่าจะต้องเป็นเพราะคุณหนูใหญ่มั่ว/นายท่าน ยังไม่ตื่นเท่านั้นเอง
ทั้งสามคนรู้จักกาลเทศะ ทันทีที่รถม้าจอดนิ่งล้วนลงจากรถม้ากันอย่างรู้ใจ เคลื่อนย้ายร่างไปยืนอยู่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว และลดการมีอยู่ของตนเองให้ต่ำลง เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ในห้องโดยสารรู้สึกไม่สบายแม้แต่น้อย
เสี้ยววินาทีที่รถม้าจอดนิ่ง หนิงเซ่าชิงก็ลืมตาแล้ว
เดิมเขาก็ไม่ได้นอน ที่หลับตาก็แค่หลับตาพักผ่อนเท่านั้นเอง เขาย่อมรู้ว่ารถม้าได้จอดนิ่งและถึงวัดเซียงกั๋วแล้ว
เขาก้มหน้ามองมั่วเชียนเสวี่ยที่หลับปุ๋ย ขมุบขมิบปากไม่หยุดในห้วงแห่งความฝันอยู่ในอ้อมแขนของตนเองแล้ว มุมปากก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเอาใจ
เชียนเสวี่ยเหนื่อยแล้ว
มิน่านางที่ระแวดระวังตัวตลอดเวลากลับไม่รู้สึกตัวว่ารถม้าจอดนิ่งเลยแม้แต่น้อย
นางลำบากเกินไปแล้ว!
และอาจจะเป็นเพราะตนเองอยู่ข้างกายนาง นางถึงได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอย่างหาได้ยาก และนอนหลับสบายสักตื่นหนึ่ง
ระหว่างที่ปวดใจ หนิงเซ่าชิงก็กระชับอ้อมแขนคนที่อยู่ในอ้อมกอดตนเองแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แทบอยากจะผสานร่างคนในอ้อมกอดเข้ากับไขกระดูกของตนเอง
รอถึงตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเรื่องหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามแล้ว!
“อืม…หลับสบายมากเลย!”
มั่วเชียนเสวี่ยทอดถอนใจออกมาอย่างพึงพอใจ คิดจะบิดขี้เกียจ แต่ในตอนที่จะกางแขนสองข้างออก ก็พบว่าตนเองถูกคนกอดอยู่ในอ้อมแขน
“ที่นี่คือภายในรถม้า ระวังจะกระแทกถูกมือ” เป็นเสียงของหนิงเซ่าชิง น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน เอาใจ และเปี่ยมไปด้วยความรัก
ชั่วพริบตานั้น มั่วเชียนเสวี่ยกลับยังคงสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงเซ่าชิงถึงได้มาปรากฏกายอยู่ข้างกายนาง!
นางเพิ่งจะตื่น กลับมาจากความฝัน ตอนนี้จึงมีท่าทางมึนงงไม่เข้าใจ
บนร่างของมั่วเชียนเสวี่ยมีกลิ่นอายเกียจคร้าน บวกกับแววตาที่ฉงนสนเท่ห์ มองดูแล้วน่ารักมาก!
เมื่อแววตาเช่นนี้ตกอยู่ในสายตาของหนิงเซ่าชิง หัวใจก็ยิ่งอ่อนยวบ
“เด็กโง่ หลับจนมึนไปแล้วหรือ” ยกนิ้วกลางขึ้นมา พลางงอลงเล็กน้อยแล้วไล้ไปบนสันจมูกของมั่วเชียนเสวี่ย
เขากล้ามั่นใจเลยว่า ตอนนี้มั่วเชียนเสวี่ยจะต้องคิดว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏกายอยู่ข้างกายนางในตอนนี้แน่นอน!
เป็นตามที่คาดการณ์เอาไว้จริงๆ มั่วเชียนเสวี่ยมองหนิงเซ่าชิงอย่างตะลึงอยู่บ้าง ขณะเอ่ยถามว่า “ท่านมาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร หรือว่าท่านสกัดจุดเลือดลมชูอีกับสืออู่แล้วแอบเข้ามาอีกแล้ว”
เมื่อได้นอนหลับสบายเช่นนี้ ก็ทำให้นางลืมแม้กระทั่งเรื่องราวก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น!
ส่วนสืออู่ที่ยืนอยู่ด้านนอกตัวรถไม่ไกลมาก ได้ยินวาจาของคุณหนูตนเองแล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาทันที!
นางก็ว่าทำไมบางครั้งที่นางเฝ้ายาม มักจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งตอนที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ท้ายทอยก็เจ็บเจียนตาย!
รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องราวอันรุ่งโรจน์ที่กูเหยียที่แสนดีของพวกนางเป็นคนทำ!
เสี้ยวพริบตา ดวงหน้ารูปไข่ของสืออู่ก็ดำทะมึน เสียใจ ตกตะลึง…
แน่นอนว่าสืออู่ไม่รู้ว่า ตอนที่ชูอีเฝ้ายามแล้วหนิงเซ่าชิงมาเยี่ยมเยือนมั่วเชียนเสวี่ย ก็ยังคงทำเช่นนี้ต่อชูอี!