นายท่านหนิงไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาทันที!
ทั้งที่ในอดีตท่านแม่เป็นคนทำเกินไป แม้จะไม่ได้ลงมือสังหารมารดาของเซ่าชิง แต่นางก็ตกตายเพราะท่าน ตอนนี้กลับตำหนิหลานชาย!
ไม่อยากเสวนากับฮูหยินผู้เฒ่า เพราะนายท่านหนิงรู้ดี แม้เขาจะพูดทุกอย่างแล้ว จิตใจของมารดาก็ไม่มีวันนิ่งสงบ!
“ท่านแม่ ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว ขอตัวก่อน” นายท่านหนิงทำความเคารพมารดาเสร็จ ก็หมุนตัวหันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดสิ่งใด!
เคล้ง…
“อกตัญญู! แต่ละคนต่างไม่เห็นข้าเป็นคน! ข้าดูแลกิจการการค้าของตระกูล คอยดูแลงานในเรือนให้พวกเจ้า ตอนนี้อำนาจอยู่ในกำมือของพวกเจ้าแล้ว กลับไม่มีใครสนใจข้าอีก…”
ด้านหลัง เสียงแก้วแตกดังขึ้น หลังจากนั้นก็เป็นเสียงด่าทอของหญิงชรา ท่านผู้เฒ่าหนิงหยุดก้าวด้าน เขาไม่เข้าใจจริงๆ มารดาของเขากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
หรือว่าเป็นเพราะตระกูลอวี่เหวิน ตระกูลอวี่เหวินสำคัญกว่าตนเช่นนั้นหรือ
นายท่านหนิงส่ายหน้า ซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่ฉายออกมาจากแววตาของเขา จากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินออกไป!
ด้านนอก บุตรชายของเขากำลังรอเขาอยู่!
……
ในที่สุดก็ได้นอนเต็มอิ่มเสียที มั่วเชียนเสวี่ยอาบน้ำเสร็จภายใต้การดูแลของจื่อจู้ จื่อเหอ จื่อหลิงและจื่อเฉี่ยวสาวใช้ทั้งสี่คน นางหาววอดใหญ่ โน้มตัวลงบนเตียง แล้วนอนหลับไป…
ทางด้านนี้มั่วเชียนเสวี่ยนอนหลับฝันดี แต่น่าเสียดายทางด้านหนิงเซ่าชิงกลับเศร้าเสียใจอย่างมาก!
…….
หนิงเซ่าชิงเดินตามบิดาของเขา เข้าไปในห้องหนังสือ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นายท่านหนิงผ่านเรื่องสกปรกๆ มามากมาย กลายเป็นกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่งแล้ว ยากที่จะมีเรื่องใดมาทำลายความหนักแน่นของเขา
หากวันนี้ไม่ใช่เพราะมารดาของเขาจะยัดเยียดสตรีตระกูลเหวินอวี่มาให้บุตรชาย เขาคงไม่โมโหเช่นนี้!
ในห้องมีเพียงสองคน หนิงเซ่าชิงโบกมือบอกให้บ่าวรับใช้ออกไป จากนั้นเขาก็เป็นคนชงน้ำชาให้บิดาหนึ่งแก้วด้วยตนเอง หลังจากนั้นก็รินให้ตนเองหนึ่งแก้ว สองพ่อลูกนั่งอยู่ตรงนั้น ต่างฝ่ายต่างเงียบ
หนิงเซ่าชิงปวดใจและจิตใจว้าวุ่น ไม่รู้จะพูดอะไร
ส่วนนายท่านหนิงกำลังครุ่นคิด ว่าจะพูดอย่างไร จึงจะทำให้บุตรชายไม่ต้องรู้สึกเศร้า
“ท่านพ่อ” สุดท้าย หนิงเซ่าชิงเป็นคนทนไม่ไหว เขาไม่อาจทนเห็นตระกูลหนิงถูกตระกูลเหวินอวี่ตักตวงผลประโยชน์ได้! ตระกูลเหวินอวี่ตักตวงผลประโยชน์ทุกอย่าง แต่เมื่อมีเรื่องไม่ดีกลับให้ตระกูลหนิงของพวกเขารับผิดชอบ!
“สิ่งที่ท่านพ่อพูด เป็นเรื่องจริงหรือขอรับ”
อดีตหัวหน้าตระกูลหนิงเงยหน้าขึ้นมองหนิงเซ่าชิง พบว่าบุตรชายเติบโตกลายเป็นบุรุษผู้กล้าหาญอย่างไม่รู้ตัว! เขาดีใจยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดใจ
หากว่า มารดาของเซ่าชิงยังมีชีวิต นางจะดีใจเพียงใด
“เฮ้อ…” นายท่านหนิงทอดถอนหายใจ เดิมทีเขาอยากจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่เขาก็รู้ดี การกระทำเช่นนี้สุดท้ายแล้วย่อมไม่ดีต่อบุตรชาย! แม้บางบาดแผลจะเจ็บปวดเพียงใด ก็ต้องเปิดแผลแล้วรักษาจึงจะหายดี!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นายท่านหนิงก็เล่าเรื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ให้บุตรชายฟัง เล่าเรื่องที่ตระกูลหนิงต้องประสบพบเจอ เล่าความบ้าคลั่งของตระกูลอวี่เหวิน รวมถึงการเข้าข้างตระกูลอวี่เหวินอย่างไร้ขอบเขตของฮูหยินผู้เฒ่าหนิง…
ทุกถ้อยคำ ทำให้หัวใจของหนิงเซ่าชิงหนักอึ้ง! เขาคิดอยากจะหักคอฮูหยินผู้เฒ่าหนิงอยู่ตลอดเวลา!
อย่าหาว่าเขาใจดำ หากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นย่อมโมโห! ไม่แน่ว่าอาจจะเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเขา!
พูดจบ นายท่านหนิงตบหัวไหล่ของหนิงเซ่าชิงเบาๆ พูด “พ่อต้องสูญเสียแม่ของเจ้าเพราะสตรีตระกูลอวี่เหวินแล้ว ชีวิตนี้พ่อต้องจมอยู่กับความคับแค้นใจ ได้แต่หวังว่าบุตรชายของพ่อจะเข้มแข็งกว่าพ่อ! หากเจอสตรีที่รักมากคนนั้นแล้วจริงๆ เช่นนั้นก็จงทำดีกับนางตลอดชีวิต! ครองรักกันจนวันตาย ไม่ได้มีเพียงสตรีที่เพ้อฝัน บุรุษก็คาดหวังที่จะมีคนรักเช่นนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ ในอดีต พ่ออยากจะใช้ชีวิตกับมารดาของเจ้าเพียงสองคนอย่างมีความสุข แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามปรารถนา! พ่อไม่หนักแน่นเอง ทั้งยังมีความจำเป็น แท้จริงแล้ว พ่อไม่อยากจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ขอเพียงมีทายาทสืบสกุลก็พอแล้ว เพราะการมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองก็หมายความว่าวันข้างหน้าจะมีการแย่งชิงกันมากขึ้น ทำร้ายกันมากขึ้น เช่นเดียวกับพ่อในตอนนี้ แม้กระทั่งตนเองก็ถูกลอบวางแผนทำร้าย! ได้ยินว่าบุตรีตระกูลมั่วเป็นสตรีที่ดี เป็นสตรีที่เข้มแข็ง หากมีเวลา พามาให้พ่อรู้จักด้วย!”
อดีตหัวหน้าตระกูลหนิงไม่ได้บอกว่าให้พามั่วเชียนเสวี่ยมาให้คนในตระกูลของพวกเขารู้จัก บอกเพียงว่าให้พานางมาทำความรู้จักกับเขา สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าอดีตหัวหน้าตระกูลหนิงให้ความสำคัญกับมั่วเชียนเสวี่ย!
บางครั้ง ไม่จำเป็นต้องมีคนมาก ต้องยิ่งใหญ่จึงจะถือเป็นการให้เกียรติและให้ความสำคัญใครคนหนึ่ง
ภายในใจของหนิงเซ่าชิงปวดร้าว แต่เขายังคงฝืนยิ้มแล้วพยักหน้าให้ผู้เป็นบิดา
เขาไม่รู้เลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้…ชีวิตของบิดาจะเป็นเช่นนี้!
เวลานี้ หนิงเซ่าชิงอดไม่ได้ที่จะสาบาน วันข้างหน้า มีแค่ตระกูลหนิงของเขาข่มผู้อื่นเท่านั้น ไม่ให้ผู้ใดกล้ารังแกตระกูลหนิงแม้แต่น้อย!
หากหัวหน้าตระกูลไม่แข็งแกร่ง เช่นนั้นย่อมทำให้ทั้งตระกูลอ่อนแอ
สำหรับฮูหยินผู้เฒ่าหนิง…
หนิงเซ่าชิงเคารพนาง รักนาง นางจึงเป็นท่านย่า หากไม่มีความรักและความเคารพ นางก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า! ทางที่ดีที่สุดคือฮูหยินผู้เฒ่าอย่าทำลายขีดความอดทนของเขา มิเช่นนั้นเขาไม่เคยปรานีคนแปลกหน้ามาก่อน
แน่นอน เขาไม่ทำร้ายนาง ทั้งยังไม่มีวันสังหารนาง เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลหนิง เป็นย่าของเขา เขามีแต่จะ ‘เคารพ’ นาง มีแต่จะ ‘เปิดโลก’ ให้นางโดยใช้ตระกูลเหวินอวี่เป็นเครื่องมือ…
……
ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน มั่วเชียนเสวี่ยปวดเมื่อยไปทั้งตัว
นางขยับร่างกาย ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็รู้ว่า ต้องเป็นเพราะนั่งรถม้าตลอดทั้งวันแน่นอน ยานพาหนะในสมัยโบราณ ทำให้นางหมดคำจะพูดจริงๆ
เมื่อมั่วเหนียงได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ปวดเมื่อยตัว นางกระวนกระวายขึ้นมาทัน สั่งชูอีนวดตัวให้มั่วเชียนเสวี่ย แล้วบอกให้สืออู่ตักน้ำร้อนมา
ขณะที่ความเมื่อยล้ายังไม่หายไป เรือนเสวี่ยหว่านก็มีคนสองคนมาเยือน…
เอ่อ…พูดอย่างไรดีเล่า เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ!
คนที่มาย่อมเป็นมั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงที่มากล่าวโทษมั่วเชียนเสวี่ย!
“คุณหนูใหญ่ คนตระกูลมั่วมาขอพบเจ้าค่ะ”
จื่อหลิงเดินเข้ามารายงาน จากนั้นมือของชูอีที่นวดให้มั่วเชียนเสวี่ยหยุดชะงักลงครู่หนึ่ง นางก็นวดต่อ สืออู่เบ้ปาก ไม่คิดเช่นนั้น ตามความคิดของนางแล้วลากตัวออกไปก็สิ้นเรื่อง
มั่วเหนียงไม่ชอบหญิงตระกูลมั่วอยู่แล้ว แม้จะคอยจับตาดูอย่างลับๆ มาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้หาเรื่องพวกนาง เดิมทีคิดว่าพวกนางจะสงบเสงี่ยมเจียมตน ทว่าคิดไม่ถึงเวลานี้กลับมาหาคุณหนูถึงที่นี่!
ใช้หัวแม่เท้าคิดก็คิดออกว่า สตรีทั้งสองคนมาทำอะไร!
พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เห็นหรือว่าคุณหนูไม่สบาย ไล่สองคนนั้นออกไปซะ”
สำหรับคำพูดที่ไร้ซึ่งความเกรงใจของมั่วเหนียง มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่ยิ้มบางๆ เท่านั้น
ตระกูลมั่ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าท่านพ่อที่อยู่ยมโลกนอนตายตาไม่หลับ มั่วเชียนเสวี่ยสามารถคิดหาเหตุผลทำลายจวนมั่วได้!