เห็นชูอีมีสีหน้าทุกข์ใจ มั่วเชียนเสวี่ยก็ยิ้มไม่ใส่ใจ “จะทำเช่นไรได้เล่า!”
จะทำอย่างไรได้อีก อย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว
นางไม่ได้คบชู้อะไรกับคนข้างนอก
“จะทำเช่นไรได้หรือเจ้าคะ” ชูอีที่มีท่าทางจริงจังมาโดยตลอดอ้าปากน้อยๆ หมัวมัวจากไปแล้ว นางก็ไร้ที่พึ่งพิงในการเพิ่มพลังใจแล้ว
“นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เจ้าต้องกังวล สิ่งที่เจ้าควรกังวลในตอนนี้คือข้าผู้เป็นนายเจ้าที่ร่างกายปวดเมื่อย ท้องหิวจนแทบจะทนไม่ไหวผู้นี้”
“อ่อ” ชูอีใบหน้าแดงระเรื่อ “กูเหยียสั่งการลงไปเรียบร้อยแต่เนิ่นๆ แล้วเจ้าค่ะ”
เอ่ยจบ ก็สั่งคนที่อยู่ข้างนอกประตู “ยกน้ำร้อนเข้ามา” แม้ว่าชูอีจะหน้าแดง แต่ตอนที่สั่งงานกลับไม่รีบร้อน
สตรีที่อยู่ด้านนอกคนหนึ่งตอบ “เจ้าค่ะ”
ชูอีหันหน้ากลับไปจัดเรือนผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยให้มั่วเชียนเสวี่ย พลางเอ่ยยิ้มๆ “รอคุณหนูอาบน้ำชำระความไม่สบายตัวบนร่างกายออกไปแล้ว ชูอีจะให้คนนำโจ๊กบำรุงมาส่งนะเจ้าคะ โจ๊กนี้ให้คนเคี่ยวสองชั่วยามเต็มๆ เพิ่งจะเคี่ยวเสร็จเจ้าค่ะ ในนั้นใส่สมุนไพรเจ็ดแปดอย่าง บำรุงสุขภาพได้ดีมาก”
คิดว่า โจ๊กนี้ก็เป็นหนิงเซ่าชิงที่สั่งให้เคี่ยวเป็นพิเศษสินะ
คิดไม่ถึงเลยว่า หนิงเซ่าชิงจะละเอียดรอบคอบถึงเพียงนี้
ในใจมั่วเชียนเสวี่ยเกิดความรู้สึกหวานล้ำ
เขายุ่งมาก จากไปแต่เช้าก็อยู่ในความคาดการณ์ของนาง
ผอจื่อที่ทำงานใช้แรงงานสองคนแบกน้ำเข้ามา และผู้ที่เดินตามพวกนางเข้ามาก็คือสืออู่
ผอจื่อสองนางถอยออกไป ตอนที่สืออู่ปิดประตูเข้ามา มั่วเชียนเสวี่ยก็ถอดเสื้อผ้าภายใต้การปรนนิบัติจากชูอี และเข้าไปในถังอาบน้ำแล้ว
สืออู่หยิบผ้าเช็ดตัวและเตรียมจะถูหลังให้มั่วเชียนเสวี่ยตามปกติ แต่กลับพบรอยจูบเขียวช้ำเต็มแผ่นหลังนาง
เดิมนางก็เป็นคนไม่สนใจสิ่งใด จึงไม่ทำต่อ พลางเอ่ยว่า
“กูเหยียรังแกคุณหนูใหญ่แบบนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ ทำจนร่างกายคุณหนูใหญ่มีรอยเขียวช้ำเช่นนี้…”
เด็กแสบคนนี้ใสซื่อเกินไปแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยถูกนางทำให้ตัวแข็งทื่อ สืออู่ยังไม่หยุด พลางถามด้วยความปวดใจว่า “คุณหนูใหญ่…กูเหยียตีท่านหรือเจ้าคะ เจ็บหรือไม่ อีกครู่บ่าวจะไปหายามาทาให้ท่าน หลังจากนี้จะไม่ให้กูเหยียเข้ามาในห้องอีก คิดไม่ถึงเลยว่ากูเหยียที่สง่างามเช่นนี้กลับ…”
มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่บ้าง
ทำได้เพียงแค่เอาศีรษะจุ่มน้ำ นางจะเอ่ยกับสืออูอย่างไรว่า นี่คือ…นี่คือ…
ก็ได้ นางได้รับบาดเจ็บแล้ว ถูกวาจาเด็กน้อยของสืออู่ทำให้ตะลึงจนบาดเจ็บภายใน!
สืออู่ยังอยากจะเอ่ย แต่ชูอีปิดปากนางเอาไว้
และเอ่ยอะไรบางอย่างข้างหูนาง สืออู่จึงปิดปาก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ
ชั่วขณะหนึ่ง ภายในห้องเงียบจนได้ยินเพียงแค่เสียงน้ำที่ใช้อาบ
ชำระร่างกายด้วยน้ำอุ่นช่วยบรรเทาความปวดเมื่อยได้ไม่น้อย
กินอาหารกลางวันเสร็จ มั่วเชียนเสวี่ยก็นำชูอี สืออู่และอวี่เสวียนออกไปข้างนอก
ทิ้งจื่อจู้ และยังมีสาวใช้ จื่อจิงที่หนิงเซ่าชิงมอบให้นางไว้เฝ้าบ้านไร่
แน่นอนว่าคนที่ยังอยู่นั้นมีผอจื่ออีกสองนางที่ยกน้ำเข้าไปในห้องก่อนหน้านี้ด้วย หลังจากนี้จะเป็นคนทำงานที่ใช้แรงงานหนักในเรือนของนางที่บ้านไร่แห่งนี้
เมื่อวานตอนที่เข้ามาในบ้านไร่
มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้ประกาศว่า หมัวมัวไม่อยู่แล้ว วันหลัง คนที่จะจัดการเรื่องต่างๆ ในห้องนางก็คือชูอี
ชูอีเป็นคนจัดการดูแลสาวใช้ จื่อจู้กับจื่อชิงเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่ง
คนที่อยู่ในเรือนนาง นอกจากนางแล้ว ทุกคนล้วนเชื่อฟังการมอบหมายงานจากชูอี
ตอนนี้ในเรือนนางก็มีคนเพียงเท่านี้
ความจริงการอาศัยอยู่ที่บ้านไร่แห่งนี้ นางใช้คนปรนนิบัติไม่กี่คน
ยามบ่ายแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยนำสาวใช้สองนางกับอวี่เสวียนไปตรวจดูสวนผลไม้ที่ปลูกต้นผลไม้เต็มไปหมด
หลายวันก่อนหน้านี้ นางคิดเรียบร้อยแล้วว่า ผลไม้ที่กินไม่หมดมีประโยชน์มากมาย
ร่วงลงบนพื้นนั้นสิ้นเปลืองเกินไปแล้วจริงๆ
ผลไม้เหล่านั้นสามารถทำแยมผลไม้ ผลไม้กระป๋อง ผลไม้เชื่อม…
ตอนนี้นางต้องรู้แน่ชัดก่อนว่า บนภูเขาหลายลูกนี้มีต้นผลไม้กี่อย่างกันแน่ และจะวางแผนใหม่เช่นไร
นางยังต้องทำการทดสอบสักหน่อยถึงจะได้
แยมผลไม้ นางเคยลองทำตอนอยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยยาก
วิธีการทำแยมผลไม้แต่ละประเภทล้วนแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย หนีไม่พ้นการใส่น้ำตาลหมักทิ้งเอาไว้ก่อน 30 นาที จนมีน้ำและกรดเพกตินตามธรรมชาติออกมา ค่อยใช้เครื่องปั่นตีเบาๆ ให้ผลไม้ทั้งลูกยังคงตัวอยู่
จากนั้นก็อุ่นด้วยไฟปานกลาง 30 นาที ระหว่างนั้นก็ตักฟองที่เกินออกมา ต้มจนกระทั่งเข้มข้น และรอให้เย็นตัวลง ค่อยเก็บให้มิดชิดก็ได้แล้ว
ในต่างโลกนี้ไม่มีเครื่องปั่น ใช้มีดสับหลายครั้งหน่อย สับละเอียดเล็กน้อยก็น่าจะได้นะ
แต่แยมผลไม้นี้ทำง่าย ผลไม้กระป๋องกับผลไม้เชื่อม นางเคยกินแต่ไม่เคยทำนี่!
ทำได้เพียงแค่ลองทำดูก่อนค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน
ไม่นานมากนัก มั่วเชียนเสวี่ยก็ดูที่ดินของนางคร่าวๆ ภายใต้การนำของหวังเทียนซง
ไม่เหมือนกับความรกร้างเงียบเหงาของสวนผลไม้ที่มาเยือนในครั้งที่แล้ว ตอนนี้ วัชพืชในสวนผลไม้ถูกกำจัดออกไปพอสมควรแล้ว
สถานที่บางแห่งที่ว่างเปล่าก็กำลังปลูกต้นกล้าเสริมเข้าไปใหม่
ภายใต้การกำกับของหวังเทียนซง ครอบครัวของตาเฒ่าหูก็กำลังนำทุกคนทำงานอยู่ในสวนผลไม้ เมื่อเห็นมั่วเขียนเสวี่ยมาเยือน ก็พากันทำความเคารพ
แม้ว่าซีซีจะยังเด็ก แต่กลับไม่ได้อยู่ว่างๆ
นี่เป็นเด็กน่าเอ็นดูคนหนึ่ง เห็นผู้ใหญ่ยุ่ง นางก็รีบยกชาส่งน้ำ ยื่นอุปกรณ์ให้ และทำงานจิปาถะต่างๆ โดยไม่ปริปากบ่น
เพราะมีความหวาดระแวงในจิตใจ ครานี้มั่วเชียนเสวี่ยจึงไม่ได้พาอวิ๋นอิ๋งมาที่บ้านไร่บนภูเขาด้วย
โชคดีที่ตอนนี้ซีซีคุ้นเคยกับครอบครัวหวังเทียนซงนานแล้ว เมื่อได้ยินว่ามารดาสบายดี และได้ยินว่ามารดาช่วยพ่อบ้านชราจัดการเรื่องต่างๆ ในจวนกั๋วกง ก็ไม่ได้คิดอะไรอีก
มองดูเงาร่างเล็กๆ วิ่งวุ่นไปมา มั่วเชียนเสวี่ยกลับถอนหายใจ
นางหวังเพียงแค่ว่า อวิ๋นอิ๋งจะไม่ทำให้นางผิดหวัง
เพื่อเด็กหญิงน่าเอ็นดูคนนี้ ขอเพียงนางไม่ทำผิดแล้วผิดอีก มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ต้องการชีวิตนาง หวังว่านางจะทำตัวดีๆ
เดิมคิดจะเดินดูสักหน่อย แต่ซีซี เด็กน้อยกลับนำน้ำแก้วหนึ่งมามอบให้อย่างเอาใจใส่
พลางเอ่ยอย่างแก่แดดว่า “คุณหนูใหญ่ หลายวันมานี้ท่านเหนื่อยมาก อย่าตากแดดอยู่ที่นี่อีกเลยเจ้าค่ะ แดดเดือนห้าเริ่มแรงบ้างแล้ว ตากแดดแล้วตัวจะคล้ำนะเจ้าคะ”
ซีซีเอ่ย พลางนำใบไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนยื่นให้มั่วเชียนเสวี่ยบังแดด
เห็นเด็กน้อยน่ารักแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็นึกถึงเด็กน้อยจ้ำม่ำหลายคนในความฝัน มือก็ลูบศีรษะนาง
คิดๆ แล้ว เด็กผู้หญิงในยุคปัจจุบันคนไหนบ้างที่ไม่ใช่แก้วตาดวงใจของบิดามารดา ตอนอายุหกเจ็ดขวบ มีคนไหนที่ไม่ได้ร่ำเรียน ออดอ้อน
นางใจอ่อน จึงเอ่ยว่า “ซีซี ข้าส่งเจ้าไปร่ำเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาดีไหม”
แม้ว่าสตรีไร้ความสามารถนับว่าดี แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่วิธีการหนึ่งที่ผู้มีอำนาจใช้ปั่นหัวคุมอำนาจเท่านั้นเอง
ซีซีรู้ความมาก คาดว่าอวิ๋นอิ๋งคงกำชับอะไรบางอย่างกับนาง จึงยิ้มหวาน
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ซีซีเรียนรู้ตัวอักษรจากท่านแม่มาเยอะมาก และคิดคำนวณเป็น ทั้งยังนับวันเวลาการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลได้ ท่านแม่บอกไว้ว่า ให้ซีซีดูแลตนเองให้ดี ช่วยคุณหนูใหญ่ทำงานเยอะๆ อย่าสร้างปัญหาให้คุณหนูใหญ่”