นางต้องการจะเอาตัวอันตรายไว้ข้างกายตลอดเวลา เพราะอยากจะดูว่าอีกฝ่ายจะเล่นลูกไม้คิดอะไรแผลงๆ กันแน่ หากอีกฝ่ายคิดจะทำจริงๆ เห็นทีการฝืนรั้งอยู่จวนกั๋วกงเกรงว่าจะยิ่งไม่เป็นการดี
หากอีกฝ่ายลงมือในจวนกั๋วกง ทำให้ตนจำต้องให้อีกฝ่ายอยู่ข้างตัวเอาไว้ นางจะยิ่งเดือดร้อน หลังจากที่อวิ๋นอิ๋นขอบคุณคราแล้วคราเล่าแล้วก็พาซีซีจากไป
หนิงเซ่าชิงวางถ้วยชาในมือลง ก่อนมองแววตาชั่วร้ายของมั่วเชียนเสวี่ย
มุมปากเขาหยักยิ้มขึ้น “นึกไม่ถึงว่าเสวี่ยเสวี่ยก็มีกลยุทธ์เล่นกับใจคนเช่นกัน! รู้ทั้งรู้ว่าอวิ๋นอิ๋นนั่นต้องกินปูนร้อนท้อง แต่ก็ยังจะหยั่งเชิงนาง”
“ทำไมรึ เจ้าสงสารหรือไร เช่นนั้นเจ้าก็ไปปลอบเสียสิ!”
มั่วเชียนเสวี่ยกลอกตาใส่หนิงเซ่าชิงยกใหญ่ ก่อนจะเบ้ปากใส่ไม่มองหนิงเซ่าชิงอีก
ยามนี้นางชาดิกไปทั่วร่างไร้เรี่ยวแรงไปหมด เมื่อคิดถึงตัวการของเรื่องนี้นั่งอยู่ข้างตัวเองอย่างสบายใจเฉิบ โทสะในใจนางก็ยากจะดับมอดลงได้แล้ว
แน่นอนว่าเพลิงโทสะพุ่งลุกโชนมากด้วย
พวกชูอีที่เพิ่งอยู่รับใช้พวกนางทั้งคู่ในห้องก็ออกไปในเวลาเดียวกัน ไม่อยากฟังพวกนางวิวาทหวานแหววกันเพราะกลัวว่าจะเลี่ยนตาย
“นี่เสวี่ยเสวี่ยกำลังบ่นสามีว่ามีเวลาสนใจเจ้าน้อยเกินไปใช่หรือไม่”
หนิงเซ่าชิงลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปข้างหลังมั่วเชียนเสวี่ย ออกแรงโอบกอดร่างนางเข้าสู่อ้อมอกพร้อมกับยิ้มหวาน
“ขอบคุณนะ หากเกิดหึงเพราะเรื่องนี้ล่ะก็ เห็นทีสามีคงจะต้องเฝ้าอยู่ข้างกายเจ้าไม่ห่างไปไหนทั้งวันทั้งคืนเสียแล้ว”
“ไสหัวไปเลย!”
มั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่ได้รู้สึกว่าหนิงเซ่าชิงพูดเช่นนี้เพราะเย้าแย่
เขาไม่ใช่คนชอบพูดหยอกพูดเย้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในเมื่อเอ่ยออกมาแล้ว เห็นทีเขาคงได้ทำจริงขึ้นมาแน่ๆ!
แน่นอนว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่อยากให้หนิงเซ่าชิงมาเฝ้าอยู่ข้างกายนางทั้งวันทั้งคืนหรอก!
หากหนิงเซ่าชิงเอาแต่เฝ้าอยู่ข้างกายนางตลอดเวลา เห็นทีนางคงต้องเตรียมตัวป้องกันเอาไว้ให้ดีเสียแล้ว หากป้องกันไม่ดีคงได้โดนกินเกลี้ยงเสียจนลุกจากเตียงไม่ได้สามวันสามคืนเป็นแน่!
“หึๆ” หนิงเซ่าชิงหัวเราะชั่วร้ายอยู่ด้านหลังนาง
มั่วเชียนเสวี่ยกำลังคิดอะไรอยู่มีหรือเขาจะไม่รู้
บางทีอาจเพราะเมื่อคืนรังแกนางโหดเกินไป ยามนี้นางโดนทรมานจนเกิดฝังใจขึ้นมาเสียแล้ว
นั่นเป็นเพราะเขาอดกลั้นไว้นานเกินไป ต่อไปจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว
เขาไม่มีทางทรมานเสวี่ยเสวี่ยของเขาตามอำเภอใจหรอก ต่อให้คิดก็ต้องมีกระสุน
ถ้อยคำนี้ก็แค่คำพูดหยอกล้อระหว่างทั้งคู่เท่านั้น
แค่อยากจะเย้าแหย่เสวี่ยเสวี่ยเฉยๆ
ทว่าเย้าแหย่ก็เย้าแหย่แต่พอดี เพราะยังมีเรื่องสำคัญที่ยังต้องทำอยู่ “คราก่อนข้าให้อิ่งซาไปตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างหลูเจิ้งหยางกับอวิ๋นอิ๋นแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานคงพบร่องรอยอะไรบ้างแน่!”
มั่วเชียนเสวี่ยกลอกตาใส่เขา นานเพียงนี้แล้วยังตรวจสอบความพัวพันระหว่างพวกเขามาไม่ได้อีก ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าอสูรเงาดำผู้กุมข่าวกรองทั่วทั้งใต้หล้าไว้ในมืออะไรนั่นอีก
ทว่าคิดไปคิดมามั่วเชียนเสวี่ยก็รู้ว่าหลูเจิ้งหยางกล้าเล่นลูกไม้มากมายลับหลังเช่นนี้ได้ คงเพราะมีคนคอยตามล้างตามเช็ดเก็บกวาดให้ ทำให้ยากจะตรวจสอบได้
นางสะทกสะท้อนใจเสียงเบาว่า “อืม! ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ระหว่างพวกเขาสองคนต้องมีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยซุกซ่อนอยู่แน่!”
หนิงเซ่าชิงกลับมองนางอ่อนโยน ก่อนกระซิบข้างหูนางว่า “กระบองเทพ!”
“หนิงเซ่าชิงไอ้คนนิสัยไม่ดี!”
ตั้งแต่เมื่อคราที่แล้วที่ซูชีสารภาพรักในจวนกั๋วกงแล้วโดนปฏิเสธ ก็ระบายโทสะใส่ขอทานทั่วทั้งเมือง โดยการกวาดล้างขอทานทั้งนอกทั้งในเมืองจนเกลี้ยง
จากนั้นก็ปะทะโดยตรงกับแม่ทัพน่าอู่ฉังที่เป็นเจ้านายอยู่เบื้องบนของเขา หลังจากประลองฝีมือในสนามประลองไปแล้ว ซูชีก็เกิดแผนการบางอย่างขึ้น
เขาอยากจะปีนข้ามหัวน่าอู่ฉังยึดสิทธิในการแสดงความเห็นของจวนแม่ทัพเก้าประตู หากอาศัยแค่พละกำลังและการสนับสนุนจากตระกูลอย่างเดียวมันไม่พอ ยังต้องมีจิตใจผู้คน คุณูปการและต้องได้รับการนับถือด้วย
ยามนี้โอกาสเพียงหนึ่งเดียวมาหาถึงที่แล้ว
ฮวาหูเตี๋ยที่ก่ออาชญากรรมในเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้งเมื่อสองปีก่อนได้ปรากฏตัวขึ้นอีกคราแล้ว
คนผู้นี้เจ้าเล่ห์เป็นกรด ทำเอาศาลาว่าการปวดหัวกันไปตามๆ กัน ประกาศรางวัลนำจับมาสองปีแล้ว ยังไร้วี่แววว่าจะจับได้
เป็นเพราะวิชาตัวเบาของคนผู้นั้นสูงส่งยิ่ง พอจับมาได้ก็หลบหนีไปได้อย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอยเสียทุกครา
ทว่า ฮวาหูเตี๋ยกลับชินเสียแล้ว ทุกครั้งที่ก่ออาชญากรรรมเขามักจะไปดูลาดเลาตระกูลใหญ่ๆ ที่จะโจรกรรมว่าคนในครอบครัว ผู้ดูแลและองครักษ์เข้มงวดแน่นหนาหรือไม่ ถ้าแน่นหนาเขาก็ไม่ไป
สตรีที่ครอบครัวเล็กๆ ธรรมดาไม่เข้าตาเขาเขาก็ไม่ไป
เป้าหมายของเขาจะต้องเป็นคุณหนูตระกูลระดับกลางที่ร่ำรวยมีฐานะ ตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยเงินทองเช่นนี้ส่วนใหญ่เลี้ยงลูกสาวไว้เพื่อปีนขึ้นไปหาผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเลี้ยงดูอย่างดีเยี่ยม ให้หน้าตาสะสวยงดงามและหาได้ง่าย
ลูกน้องตรวจสอบเวลาและสถานที่ที่ฮวาหูเตี๋ยจะลงมือในวันนี้ได้แล้ว
ซูชีได้รับข่าวแล้วกลับไม่ได้พาทหารใต้บังคับบัญชาของเขาไปด้วย คนเยอะเดี๋ยวความแตกแล้วจะทำให้คนผู้นั้นไหวตัวทัน
ด้วยเหตุนี้ซูชีจึงรอจนถึงค่ำ แล้วหลบซ่อนอยู่ในมุมอับในห้องนอนคุณหนูของตระกูลใหญ่ตระกูลนั้น ซึ่งเป็นทางเดียวที่ออกไปได้หลายทาง รอแค่ฮวาหูเตี๋ยติดกับก็เป็นอันเรียบร้อย เขาจะได้จับได้ทั้งโจรทั้งของเลย
ส่วน…ความบริสุทธิ์ของสตรีนางนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขานี่
หากไม่ให้ฮวาหูเตี๋ยได้นาง จะยืนยันตัวตนของฮวาหูเตี๋ยและสิ่งชั่วร้ายที่เขาทำได้อย่างไรกันล่ะ
ทว่า เขากลับไม่รู้เลยว่าคืนนี้ในห้องนอนของคุณหนูตระกูลนั้น คนที่นอนอยู่จะไม่ใช่คุณหนูของบ้านนั้น แต่เป็นท่านหญิงซูซูที่อยากช่วยซูชีจับโจรจึงยอมใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ
ท่านหญิงซูซูปลอมตัวเป็นเสี่ยวซูติดตามซูชีอยู่ทั้งวัน เรื่องนี้ย่อมปิดบังนางไม่ได้อยู่แล้ว
นางอยากให้เขาได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ ตนสามารถช่วยเขาได้ สามารถร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่เขาได้
ดังนั้นวันนี้พอซูชีให้นางไป นางจึงไปอย่างเชื่อฟัง
นางไม่ได้กลับบ้าน แต่แอบมานอนยังห้องนอนของคุณหนูตระกูลใหญ่หลังนี้ ซ้ำยังไม่อนุญาตให้คนเขาส่งเสียงอีก
นางหยิบป้ายคำสั่งออกมาประกาศตัวตนของตัวเองว่าเป็นท่านหญิง
ฐานันดรท่านหญิงซูซูนั้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นตระกูลใหญ่แต่ก็ไม่มีคนในครอบครัวมีฐานันดรกันเท่าใดนัก นั่นเพราะประจบสอพลอมาไม่ได้
อีกอย่างท่านหญิงซูซูขึ้นชื่อเรื่องนิสัยนักเลงในเมืองหลวงแห่งนี้ ตระกูลใหญ่จึงคิดเสียว่าท่านหญิงซูซูมีนิสัยแปลกๆ
ฮวาหูเตี๋ยยืนอยู่ในบ้านของตระกูลใหญ่หลังนั้น เมื่อมาถึงห้องนอนของคุณหนูก็สัมผัสได้ว่าลมหายใจของคนด้านในไม่มั่นคนแปลกๆ
ทว่าเขากลับไม่ได้ถอยกลับ
แต่แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์แทน ก่อนจะทะยานเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วดุจลมกรด
เขาเคยปะทะกับขุนนางเหล่านั้นและของรางวัลมาหลายคราแล้ว ไอ้พวกกระจอกเหล่านั้นไม่มีใครตามเขาทันสักคน แม้ว่าจะเป็นตอนหลังจากที่เขาเสร็จกิจแล้วก็ตาม
เขาค่อยๆ ชอบความสนุกที่ถูกไล่ตามเช่นนี้ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
อันที่จริงบางครั้งเขาก็ไม่ได้ต้องการสตรีหรอก สำหรับเขาแล้วเขาเบื่อสตรีไปนานแล้ว
ยามนี้สิ่งที่เขาต้องการคือความสนุกของการเล่นไล่จับต่างหาก
หากเขาไม่มาหาสตรี จะมีใครมาเล่นสนุกกับเขากันล่ะ