แน่นอนว่าหานลี่พลันรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติ จากความสามารถของเขาก็สามารถหนีออกจากตาข่ายกักมารได้ในชั่วพริบตาที่มันกำลังก่อตัว
แต่ตอนนั้นเขากำลังอำพรางกาย หากต้องใช้ความสามารถนี้พุ่งออกจากตาข่ายอย่างฉุกละหุก ก็เกรงว่าจะเผยกลิ่นอายออกมาในทันที
ดังนั้นขณะที่ลังเลเล็กน้อย เขาก็ติดอยู่ในตาข่ายแล้ว
หางตาของหานลี่พลันกระตุก ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างจนปัญญาชั่วคราว แต่ในหัวกลับมีข่าวสารทั้งหมดที่เพิ่งได้มาวิ่งกลับไปกลับมา
เห็นได้ชัดว่าคนของเผ่าแดงสดเหล่านี้น่าจะเป็นหนึ่งในทั้งเจ็ดสิบสองสาขาของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ไม่รู้ว่าพวกเขาไปได้ข่าวว่าคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสามจะพกดอกกระดิ่งพฤกษากลับมาจากที่ไหน ดังนั้นจึงมาหมอบซุ่มรอพวกเขากลับมา และสาเหตุที่คนของเผ่าแดงสดเหล่านี้กล้าทำเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะผู้ยิ่งใหญ่ในเผ่าวิหคสวรรค์ได้เพลี้ยงพล้ำไปแล้ว เผ่าวิหคสวรรค์ทั้งเผ่าก็ปกป้องชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ยาก
แต่เช่นนั้นเขา แผนเดินของเขาไม่เป็นการเสียเปล่าหรือ หรือว่าจะทิ้งเผ่าวิหคสวรรค์ไปปะปนอยู่กับเผ่าวิญญาณเหาะเหินเผ่าอื่นแทน
นี่ดูเหมือนจะไม่ปกติแล้ว!
ถึงอย่างไรเสียมองจากภายนอก นอกจากปีกคู่นั้นแล้ว คนของเผ่าวิหคสวรรค์และและเผ่ามนุษย์ก็แทบจะไม่ได้แตกต่างอะไรกัน สาขาอื่นของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ดูจากท่าทางที่โหดเ**้ยมของคนเผ่าแดงสด เกรงว่าคงหาเผ่าอื่นๆ ที่ปะปนเข้าไปได้ง่ายๆ เหมือนเผ่าวิหคสวรรค์ได้ยากแล้ว
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็วในใจ ในเวลาเดียวกันก็มองไปยังการต่อสู้ของวิหคสวรรค์และคนของเผ่าแดงสดที่แปลงกายแล้ว
ตรงนั้นเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ประจุไฟฟ้าหนาๆ ที่ดูเหมือนงูเหลือมสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพลันหมุนวนแผดเสียงคำรามอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง
วิหคสีเงินสามตัวแทบจะแปลงกายเป็นอัสนี ใช้ทั้งปากและกรงเล็บ ดูองอาจห้าวหาญเป็นอย่างมาก แต่ภายใต้การล้อมโจมตีของวิหคเพลิงจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาก็จำต้องตกเป็นรอง
วิหคเพลิงเหล่านี้ไม่เพียงจะมีเปลวเพลิงหมุนวนอยู่รอบร่างกาย ต่อให้บางครั้งถูกประจุไฟฟ้าสีเงินโจมตีทะลุร่างกาย เปลวเพลิงก็เปล่งแสงสว่างวาบ บาดแผลผสานกลับคืนเป็นดังเดิม ราวกับเป็นร่างอมตะอย่างไรอย่างนั้น และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวิหคสีเงินถูกเปลวเพลิงเหล่านี้ม้วนวนเข้าไป ร่างกายก็เปล่งแสงอัสนีสว่างวาบ ไร้ซึ่งอันตรายเช่นกัน แต่ลำแสงสีเงินที่แผ่ออกมาจากร่างกลับหม่นแสงลงส่วนหนึ่ง
ระหว่างที่พวกมันกำลังต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ พลันมีไข่มุกกลมๆ สีแดงสดเม็ดหนึ่งปรากฎขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมา ปกคลุมด้านล่างในรัศมียี่สิบสามสิบจั้งเอาไว้
“เฟิงเสี้ยวถึงแม้ว่าเจ้าและข้าจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่่เมื่อมีไข่มุกมังกรเพลิงของข้าช่วยเสริม เจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร” ระหว่างการต่อสู้วิหคเพลิงยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าพวกเดียวกันหลายเท่าเปล่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ออกมา
แค่สียงเหอะอย่างเย็นชา กรงเล็บข้างหนึ่งของวิหคเงินพลันตะปบออก ชั่วขณะนั้นลำแสงสีขาวห้าสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งไปกลางอากาศด้วยความรวดเร็ว ครู่ต่อมาก็สับลงมาที่ไข่มุกสีแดงอย่างแรง
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น ผิวของไข่มุกมังกรเพลิงมีลำแสงสีแดงชั้นหนึ่งปรากฎขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานกรงเล็บห้าสีเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่าๆ พี่เฟิงเสี้ยว เจ้าอย่าคิดว่าจะโชคดีเลย ข้าได้เชิญให้อาวุโสในเผ่าร่ายเขตอาคมใส่ไข่มุกมังกรเพลิงแล้ว แค่ปรมาจารย์วิญญาณเหาะเหินระดับสูงคนหนึ่งอย่างเจ้า ไม่อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด” วิหคเพลิงยักษ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สองปีกกระพือสองสามครั้ง ชั่วขณะนั้นพลันม้วนเปลวเพลิงเข้าไป
จากนั้นไม่ว่าวิหคสีเงินสามตัวจะขับเคลื่อนลำแสงอัสนีหมายจะหนีออกจากอาณาเขตของไข่มุกมังกรเพลิงอย่างไร ไข่มุกเม็ดนี้ก็จะไล่ตามติดไปราวกับตัวอ่อนแมลงวันที่ฝังติดกระดูก ไม่อาจสลัดออกได้เลยสักนิด และเป็นเพราะแบ่งความสนใจไป วิหคเงินทั้งสามจึงได้รับบาดเจ็บหนักอย่างต่อเนื่อง เปล่งแสงระยิบระยับ และเริ่มอ่อนแอลง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ วิหคเพลิงตัวนั้นก็โจมตีเข้ามาไม่หยุดอย่างบ้าคลั่ง
วิหคสีเงินสามตัวจึงทำได้เพียงต้านทานอยู่ในทะเลเพลิงอย่างยากลำบากเท่านั้น
ชายร่างใหญ่หัวโล้นที่กลายเป็นวิหคเพลิงเห็นเช่นนั้น แววตาพลันเปล่งประกายเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ปากก็เปล่งเสียงร้องไพเราะออกมา
ในที่สุดวิหคยักษ์สองหัวก็เคลื่อนไหว
เห็นเพียงปีกของมันพลันสยายออก หัวทั้งสองเปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมาพร้อมกัน ร่างกายอันใหญ่โตพลิ้วไหวกลายเป็นลำแสงหลากสี พุ่งตรงม้วนเข้าไปหาวิหคสีเงินสามตนที่อยู่ในทะเลเพลิง
เมื่อวิหคสีเงินสามตัวเห็นฉากนั้น ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น หนึ่งในนั้นร้องตะโกนออกมาว่า
“รีบสำแดงเคล็ดวิลาอัสนีหลีกหนีหลบเร็ว! อย่าต้านทานกับวิหคแดงคำรามตัวนั้นตรงๆ”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไปวิหคสีเงินสามตัวก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินสามสายพุ่งออกมาจากทะเลเพลิงอย่างบ้าคลั่ง ระหว่างทางร่างกายก็รับการโจมตีหนักๆ ไปอีกสองสามครั้ง
เมื่อพวกมันหนีออกจากทะเลเพลิงได้ ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ลำแสงหลากสีม้วนไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นลำแสงพลันหม่นแสงลง วิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นปรากฎขึ้นอีกครั้ง หัวยักษ์สองหัวหันไปทางซ้ายทีขวาทีไม่หยุด
ไข่มุกมังกรเพลิงที่อยู่กลางอากาศเม็ดนั้นหมุนติ้วๆ อยู่กลางอากาศไม่หยุด ราวกับว่าขาดร่องรอยของวิหคเงินทั้งสามตัว
วิหคเพลิงสองสามตัวเห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง ตัวที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งในนั้นพลันหุบปีก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นมนุษย์ท่ามกลางเปลวเพลิงอีกครั้ง
นั่นก็คือชายร่างใหญ่หัวโล้นนามว่าเทียนหมิงผู้นั้น
หลังจากที่เขากวาดสายตาไปยังจุดที่ประจุไฟฟ้าสีเงินสามสายหายไป ก็เปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
“อย่าคิดว่าอาศัยการอำพรางตัวของพลังอัสนี แล้วข้าจะตามหาพวกเจ้าไม่พบ ครั้งนี้นอกจากอาศัยไข่มุกมังกรเพลิงแล้ว ข้าก็ยังนำต่อกายสิทธิ์มาด้วย ข้าเคยแยกแยะแกนผลึกของเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเจ้าแล้ว แม้นว่าพวกเจ้าจะฝึกฝนเคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีแล้ว ก็ไม่อาจหนีการไล่ล่าของพวกมันได้” เสียงพูดดังขึ้น ชายร่างใหญ่หัวโล้นอ้าปากออก พ่นน้ำเต้าสีแดงออกมา
ของสิ่งนี้หมุนติ้วๆ เทปากน้ำเต้าลง ฉับพลันนั้นเสียงฟู่ๆ พลันดังขึ้น พ่นต่อพิษสีเหลืองสองสามตัวออกมา ทุกตัวมีขนาดสองสามชุ่น เปล่งลำแสงเรืองๆ ออกมา
ชายร่างใหญ่เปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา นิ้วชี้ไปทางที่วิหคสีเงินหายวับไป
ชั่วขณะนั้นเสียงหึ่งๆ ของต่อวิญญาณสองสามตัวพลันบินออกมา
ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างโหดเ**้ยม มือหนึ่งตะปบทางด้านหลัง
ชั่วขณะนั้นคนของเผ่าแดงสดตนอื่นที่กลายเป็นวิหคเพลิง พลันสยายปีกทั้งสองออกแล้วบินออกไป ไล่ตามหลังต่อวิญญาณทุกตัวไป
วิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นก็เข้ามาใกล้อย่างช้าๆ เช่นกัน
ครู่ต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าของชายร่างใหญ่พลันแข็งค้าง
หลังจากที่ต่อวิญญาณสองสามตัวบินวนรอบๆ แล้ว ก็รวมกันตัวที่แห่งหนึ่ง ล้อมที่เดียวกันเอาไว้ บินวนขึ้นลงไม่หยุด
จะพบคนของวิหคสวรรค์คนเดียวได้อย่างไร
คนของเผ่าแดงสดทั้งหมดต่างพากันงุนงง
แต่ชายร่างใหญ่หัวโล้นกลับเด็ดขาดมาก ครู่ต่อมาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออกพ่นคำว่า “ลงมือ” สองคำออกมา
แต่ไม่รอให้วิหคเพลิงสองสามตัวกระโจนเข้ามา จุดที่ตัวต่อวิญญาณเหล่านั้นล้อมอยู่พลันมีเสียงถอนหายใจของบุรุษดังขึ้น
ทันใดนั้นลำแสงสีเทาก็เปล่งแสงเจิดจ้า ลำแสงวิญญาณกวาดไปกลางอากาศ ตัวต่อวิญญาณสองสามตัวถูกกวาดเข้าไปข้างใน แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
วิหคเพลิงสองสตัวพลันตกตะลึง อ้าปากออกอย่างไม่ต้องคิด ชั่วขณะนั้นเสาเพลิงหนาๆ สองสามกลุ่มพลันเปล่งเสียงร้องคำราม ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฎขึ้น!
เห็นเพียงลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ เสาเพลิงเหล่านั้นทยอยกันสลายหายไปท่ามกลางม่านลำแสง ชั่วพริบตาก็หายไป
ครานี้วิหคเพลิงเหล่านี้พลันตกใจจนสะดุ้งโหยง ชั่วขณะนั้นร่างกายที่เดิมทีโถมเข้ามาอย่างโหดเ**้ยมพลันหยุดชะงัก ล้วนใช้สายตาตกตะลึงระคนสงสัยกวาดไปทางเงาร่างของบุรุษไม่คุ้นหน้าในลำแสงสีเทา
คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีเขียว หน้าตาธรรมดาๆ ที่แผ่นหลังมีปีกสีขาวคู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนของเผ่าวิญญาณคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่หนึ่งในสามคนของเผ่าวิหคสวรรค์ก่อนหน้า
“นายท่านคือใคร?” ชายร่างใหญ่หัวโล้นพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็ร้องคำรามออกมา ร่างกายแผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมา
“ใคร หรือว่าเจ้าดูไม่ออก?” ผู้ที่สวมชุดสีเขียวตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ นั่นก็คือหานลี่ที่ถูกเผยฐานะออกมาอย่างคาดไม่ถึง
เขามีสีหน้าเหมือนราบเรียบ แต่ในใจกลับวิจารณ์อยู่ในใจไม่หยุด
คนของเผ่าประหลาดเหล่านี้ต่อสู้กันก็ต่อสู้ไปสิ เหตุใดถึงดึงเขาเข้าไปเกี่ยว เขาไม่ใช่คนของวิหคสวรรค์ เหตุใดตัวต่อวิญญาณเหล่านั้นถึงได้มาหาเขา
หานลี่เอ่ยพึมพำ รู้สึกว่าแปดเก้าส่วนจะเกี่ยวข้องกับปีกวายุอัสนีที่ตนเองพัฒนาระดับขึ้นและขนของวิหคมัจฉา
โชคดีที่ในเวลาเดียวกันกับที่เขาปรากฎตัวนั้น ไม่เพียงจะทำให้ปีกวายุอัสนีเปลี่ยนสี แล้วยังสร้างภาพลวงตาเป็นปีกที่เหมือนกับปีกของวิหคสวรรค์ออกมา และไม่กลัวว่าจะถูกผู้ใดดูออก
“คนของวิหคสวรรค์?” ชายร่างใหญ่หัวโล้นกวาดสายตาไปที่ใบหน้าของหานลี่และปีกสีขาวที่แผ่นหลัง ชั่วขณะนั้นจิตสังหารพลันปรากฎขึ้น
หานลี่กลับฉีกยิ้มไม่ปริปากใดๆ
“ไม่ว่าเจ้าจะมาปรากฎตัวที่นี่ได้อย่างไร แต่ในเมื่อถูกข้าพบแล้ว ก็มีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น ฆ่ามัน” ชายร่างใหญ่หัวโล้นออกคำสั่งอย่างเย็นชา
ชั่วขณะนั้นวิหคเพลิงเหล่านั้นที่อยู่รอบๆ พลันกรูกันเข้ามา สองปีกและสองกรงเล็บโบกสะบัด กรงเล็บลำแสงสิบกว่าสายหมุนวนปะปนกันอยู่ในเปลวเพลิง ตรงเข้ามาหานลี่
และในตอนนั้นเองไข่มุกมังกรเพลิงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็เคลื่อนย้ายออกไปยี่สิบจั้งโดยไม่รู้เพราะเหตุใด มาปราฎเหนือหัวของหานลี่
ม่านลำแสงสีแดงชั้นหนึ่งห่อหุ้มลงมาในเวลาเดียวกัน
หานลี่พลันขมวดคิ้ว และไม่เห็นว่าเขาจะเคลื่อนไหวใดๆ แค่สะบัดมือสีดำข้างหนึ่ง ลำแสงสีเทาเบื้องหน้าขยายขนาดขึ้นหลายเท่า กรงเล็บลำแสงและเปลวเพลิงจมเข้าไปและแข็งค้าง ทันใดนั้นลำแสงก็เปล่งแสงสว่างวาบ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นปีกที่แผ่นหลังของหานลี่พลันมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ร่างกายเลือนลางหายวับไปท่ามกลางลำแสงอัสนีสีทอง ครู่ต่อมาเขากลับมาปรากฎตัวที่กลางอากาศด้านข้างไข่มุกกลมๆ สีแดง มือหนึ่งยื่นออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะตะปบไข่มุกกลมๆ เอาไว้ในมือ
ไข่มุกมังกรเพลิงเปล่งเสียง “พรึ่บ” ออกมา ไม่เพียงจะมีลำแสงสีแดงชั้นหนึ่งทะลักออกมา ยังสร้างภาพลวงตางูเหลือมยักษ์สีแดงสดยาวสองสามจั้งตัวหนึ่งออกมา อ้าปากใหญ่ๆ ออกหมายจะงับแขนของหานลี่
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
แขนมีลำแสงสีทองสว่างวาบ ผิวมีเกล็ดสีทองเล็กๆ ปรากฎขึ้น ยังคงปล่อยให้งูเหลือมเพลิงงับมาที่เขา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดราวกับเหล็กกล้าบริสุทธิ์
ออกแรงที่นิ้วทั้งห้าที่คว้าไข่มุกเอาไว้ หลังจากแผ่นหลังมีเงาสีทองจางๆ สว่างวาบ ก็เปล่งเสียงประหลาดๆ ออกมา
ไม่เพียงผิวของไข่มุกมังกรเพลิงที่ถูกระเบิดออก แม้แต่ตัวของไข่มุกก็ยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้พลังมหาศาลของหานลี่
สองมือถูเข้าด้วยกันอีกครั้ง ชูสิบนิ้วขึ้น ผงสีชมพูกลุ่มหนึ่งปลิวว่อนไปตามแรงลม
ตั้งแต่ที่หานลี่ทะลายการโจมตีอีกระลอกของพวกเขา จนถึงตอนที่เคลื่อนย้ายมากลางอากาศ อาศัยแค่พลังมหาศาลบีบไข่มุกมังกรเพลิงจนแตกละเอียด มันเกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น
กลุ่มคนของเผ่าแดงสดที่อยู่ด้านล่างต่างมองกันอย่างตกตะลึง
“คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำลายสมบัติของเผ่าแดงสดของพวกเรา!” แม้นว่าชายร่างใหญ่หัวโล้นจะรู้สึกตกตะลึงเช่นกัน แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงผลจากการที่ไข่มุกมังกรเพลิงถูกทำลายขึ้นมา แล้วจึงอดที่จะตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวไม่ได้
เขาเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ร่างกายพลิ้วไหว กลายเป็นวิหคเพลิงขนาดยักษ์ตัวหนึ่งพุ่งออกไปอีกครั้ง วิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นกลายเป็นลำแสงหลากสีผืนหนึ่งม้วนวนไป