ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 – ตอนที่ 19 พี่ชาย นายเป็นคนดีจริงๆ!

ตอนแรกชายชุดปักดิ้นทองประหลาดใจมาก เขาพูด “%[email protected]#[email protected]” กับตา卜ล่ำบึ้ก จากนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ๆ ความงุนงงก็เปลี่ยนเป็นความเคารพเลื่อมใส ชายชุดปักดิ้นทองซึ่งมีสภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำวิ่งมาคำนับตา卜ล่ำบึ้กอย่างนอบน้อมโดยไม่ถือสาเรื่องที่ตัวเองถูกเตะ แถมยังประคองผู้หญิงท้องโตคนนั้นมาโขกศีรษะคำนับเธออีกด้วย

ท่ามากจริงๆ

กู้จิ้งเบือนหน้าหนี คร้านจะมอง ภูตผีเท่านั้นถึงจะรู้ว่าพวกเขากำลังพูด ‘@#%&*$’ อะไร

คิดไม่ถึงว่า ชายชุดปักดิ้นทองท่ามากเห็นเธอไม่สนใจ สีหน้าก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใสและซาบซึ้งใจ

คงไม่ได้เป็นบ้าหรอกนะ?

เธอลุกขึ้นปัดฝุ่นบนบั้นท้าย ตั้งท่าจะเดินจากไป

แต่เพิ่งเดินไปได้สองก้าว ตา卜ล่ำบึ้กก็คว้าแขนเธอเอาไว้

ตา卜ล่ำบึ้กไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองเธอเฉยๆ เท่านั้น

ชั่ววินาทีนั้น กู้จิ้งไม่กล้ามองตาคู่นั้นตรงๆ เสียด้วยซ้ำ

ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสงสารแกมจนใจ ซ้ำยังแฝงด้วยความรู้สึกผิด?

เธอกัดริมฝีปากพลางเบือนหน้าหนี ไม่ยอมมองเขา

เมื่อก่อนเธอปักใจเชื่อว่าตัวเองถูกจับมาขายที่หมู่บ้านชนบทล้าหลังห่างไกล ทำให้เห็นตา卜ล่ำบึ้กเป็นศัตรู เธอจึงดูแคลนเขา ใช้มีดแทงเขาไปสองครั้ง แถมยังพ่นสเปรย์กันหมาป่าใส่เขาอีกด้วย ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองข้ามเวลามาในอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อน พอย้อนกลับไปนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบเขารวมทั้งภาพต่างๆ ที่เขาดูแลเธอเป็นอย่างดี เธอก็จำต้องพูดว่า…

พี่ชาย นายเป็นคนดีจริงๆ!

หากเปลี่ยนเป็นเธอ ป่านนี้คงจะเอาตัวประหลาดที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าหนังไปมอบให้ทางการแลกเงินรางวัลหรือไม่ก็ใช้กระบองตีให้ตายไปแล้ว!

เธอทั้งหลอกเขา ดูถูกเขา แถมยังรังแกเขาต่างๆ นานา แต่เขากลับตามมาช่วยปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นทุบตี ซ้ำยังช่วยเตะชายชุดปักดิ้นทองให้เธอด้วย?

กู้จิ้งไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะมองหน้าตา卜ล่ำบึ้กได้อย่างไร

ในตอนนั้นเอง ตา卜ล่ำบึ้กก็หยิบไข่ไก่ฟองหนึ่งออกมาจากถุงผ้าเนื้อหยาบแล้วยัดมันใส่มือของเธอ จากนั้นก็ส่งน้ำเต้ามาให้เธออีก

กู้จิ้งไม่พูดอะไร เธอยื่นมือไปรับไข่ไก่มากิน รับน้ำมาดื่มด้วยท่าทางเซื่องซึม

ตา卜ล่ำบึ้กฉวยโอกาสที่กู้จิ้งกำลังกินอาหารหยิบรองเท้าผ้าออกมาคู่หนึ่งแล้วก้มลงเปลี่ยนรองเท้าให้เธอ

มองดูผู้ชายที่กำลังเปลี่ยนรองเท้าให้ตัวเองแล้ว กู้จิ้งอยากร้องไห้เหลือเกิน

คิดไม่ถึงว่าเธอยังไม่ทันได้น้ำตาร่วง ตา卜ล่ำบึ้กซึ่งเหลือบมาเห็นเข้าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาพึมพำเบาๆ จากนั้นก็หยิบยาสมุนไพรออกมาพลางชี้ไปที่หลังของเธอ

เธอเข้าใจความหมายของเขาดี เขาจะดูบาดแผลบนแผ่นหลังให้

จริงๆ ในกระเป๋าหนังของเธอมียารักษาแผลที่ดีกว่านี้ แต่เธอก็ไม่พูดอะไร

ชายชุดปักดิ้นทองกับพวกจากไปหมดแล้ว ตา卜ล่ำบึ้กจึงพาเธอไปที่ป่าลับตาแล้วช่วยตรวจดูบาดแผลบนหลังให้ เห็นไม่ได้หนักหนาอะไร เขาก็ช่วยใส่ยาให้

เขายังคงใส่ยาให้เธอด้วยวิธีป่าเถื่อนที่สุดเหมือนตอนที่พบกันครั้งแรก แต่ครั้งนี้กู้จิ้งปล่อยให้เขาใส่ยาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ตา卜ล่ำบึ้กใส่ยาให้เธอเสร็จก็ก้มลงจ้องหน้าเธอนิ่ง จากนั้นก็ใช้มือตบศีรษะเธอเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

จู่ๆ เธอก็อยากจะร้องไห้

กู้จิ้งเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา ปากพึมพำว่า “ฉันกลับไปไม่ได้แล้ว กลับไปไม่ได้แล้ว… ฉันอยากกลับบ้าน…”

ตา卜ล่ำบึ้กกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือมากอดเธอเอาไว้

เธอซบหน้ากับบ่าของเขาร้องไห้โฮ

ตา卜ล่ำบึ้กพึมพำ “#$%@$” เบาๆ เธอฟังไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไร เธอไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เธอแค่อยากให้ใครบางคนกอดเธอเอาไว้แล้วมอบความอบอุ่นให้เธอบ้างเท่านั้น

เธอสูญเสียครอบครัว, เพื่อน, เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างในโลกยุคปัจจุบันไปจนหมด แต่อย่างน้อย ในโลกอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อนนี้ ก็มีใครบางคนที่ดีต่อเธอ

ร้องไห้อยู่นาน กู้จิ้งรู้สึกว่าร้องมากพอแล้ว เธอจึงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา

ตา卜ล่ำบึ้กหยิกแก้มเธอเบาๆ จากนั้นก็ให้เธอขี่หลังแล้วเดินย้อนกลับไปตามทางเล็กๆ สายนั้น

จริงๆ แล้วเท้าของเธอเจ็บมาก เขาให้ขี่หลังแบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน

กู้จิ้งแนบร่างกับแผ่นหลังของตา卜ล่ำบึ้ก วางศีรษะลงบนหลังของเขา มือทั้งสองโอบบ่าของเขาเอาไว้

แสงตะวันยามเย็นซึ่งลดความน่าเกรงขามลงไปมากสาดส่องลงบนร่างของเธอกับตา卜ล่ำบึ้ก สายลมฤดูร้อนพัดพาความเย็นชื้นในป่ามา ทำให้กู้จิ้งหรี่ตาลงอย่างมีความสุข

ชั่ววินาทีนี้ เธอคิดว่าตัวเองเกือบจะหลงรักผู้ชายคนนี้

แต่ชั่ววินาทีต่อมา เธอก็รู้สึกว่ามันอาจเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากความซาบซึ้งใจที่มีผู้ชายคนหนึ่งมาคอยดูแลในยามที่เธอกำลังโดดเดี่ยวที่สุดก็เป็นได้

ถึงจะแบกเธอไว้บนหลัง แต่ฝีเท้าของตา卜ล่ำบึ้กก็ยังเร็วมาก ไม่นานนักก็กลับไปถึงเชิงเขา กู้จิ้งนึกถึงป้ายหินอันนั้นขึ้นมาก็รีบตบบ่ากว้างของเขาเบาๆ

ตา卜ล่ำบึ้กหันกลับมามอง เธอก็ชี้ป้ายหินนั้นให้เขาดู

เขาวางเธอลงแล้วประคองเธอเดินไปที่ป้ายหินอันนั้น

กู้จิ้งลูบตัวอักษรสีดำสามตัวที่แสนจะคุ้นเคยนั้นเบาๆ จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง สายลมยามเย็นในฤดูร้อนพัดเส้นผมของเธอปลิวสยาย กู้จิ้งหลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองรับรู้ถึงสัมผัสของสายลมในโลกอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อน

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เธอก็มาที่ยุคสมัยนี้แล้ว และคงไม่มีวันกลับไปได้อีก

ในเมื่อกลับไปไม่ได้ เธอก็ต้องมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยนี้ต่อไป

คิดได้เช่นนี้ เธอก็ยิ้มพลางกำหมัดแน่นเป็นการให้กำลังใจตัวเอง “โชคดีที่คุณยายบอกให้ฉันเรียนหมอมาตั้งแต่เด็ก”

ประสบการณ์การเรียนรู้ของเธอแตกต่างจากผู้อื่นที่เรียนไปทีละขั้นทีละตอน ตั้งแต่ตอนที่เธอยังอายุน้อยมากๆ ก็ถูกคุณพ่อบังคับให้อ่านตำราแพทย์พื้นฐาน เธอได้รับการชี้แนะจากคุณพ่ออยู่บ่อยๆ แถมยังมีโอกาสฝึกฝนทางลัดอย่างที่ผู้คนมากมายไม่มีโอกาสจะได้รับในวัยเพียงแค่นี้

กู้จิ้งลืมตาขึ้นมองดวงอาทิตย์ยามอัสดงพลางตะโกนเสียงดังว่า “ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันจะต้องอยู่ต่อไปให้ได้!”

 

เซียวเถี่ยเฟิงยืนอยู่ตรงเชิงเขาเว่ยอวิ๋

เขามองดูปีศาจสาวกระโดดขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ แสงสีแดงเพลิงของดวงตะวันยามอัสดงสาดส่องลงบนใบหน้างดงามของนาง สายลมยามค่ำพัดเส้นผมสีดำราวแพรต่วนของนางปลิวสยาย ช่างงดงามเหลือเกิน

บนร่างนางสวมเพียงเสื้อคลุมสีครามของเขา แม้จะดูลวกๆ ไม่ประณีตงดงามสักนิด แต่เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางสายลมเช่นนี้ ก็ให้ความรู้สึกสง่างามราวเทพธิดาไม่มีผิด

มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่เซียวเถี่ยเฟิงคิดว่า นางจะลอยตามลมไปเสียอีก

เขาเม้มปากพลางจ้องปีศาจสาวนิ่ง ในใจอดคิดไม่ได้ว่าแม้นางจะเป็นปีศาจ แต่ก็เป็นปีศาจที่มีจิตใจดีงาม

นางอยู่กับเขามาหลายวัน ทั้งที่มีอาคม แต่นางก็ไม่เคยบังคับดูดไอหยางไปจากเขา ถึงสุดท้ายจะดูดไอหยางของเขาไปเพราะความจำเป็น แต่อย่างน้อยนางก็ยังไว้ชีวิตเขา ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากลงเขาไปแล้ว นางยังใช้อาคมช่วยชีวิตผู้หญิงคนนั้นเอาไว้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเองอีกด้วย!

เขายังจำท่าทางน่าสงสารของนางที่นั่งคอตกอยู่บนตอไม้หลังจากถูกทุบตี รวมทั้งภาพที่นางซบหน้าร่ำไห้อยู่กับบ่าของเขาได้ดี

ที่แท้นางมีเรื่องเสียใจอะไรกันแน่ ทำไมถึงไม่กลับเข้าไปในป่า นางกลับไปไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

เซียวเถี่ยเฟิงนึกถึงตอนที่พบกันครั้งแรก เขาหวาดระแวงปีศาจสาวมาก คิดว่านางอาจจะดูดไอหยางหรือไม่ก็คร่าชีวิตผู้คน คิดว่านางไม่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป

ตอนนี้มาคิดดู บางทีในโลกของปีศาจก็อาจมีปัญหาต่างๆ มากมาย บางทีปีศาจสาวตนนี้อาจต้องหนีมายังโลกมนุษย์เพราะมีความจำเป็นก็เป็นได้

แถมนางอาจจะกลับไปไม่ได้อีกแล้ว

ถูกเข้าใจผิด ไม่เข้าใจภาษา ถูกผู้คนทุบตีจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แต่นางกลับได้แต่ซบหน้าร้องไห้กับบ่าของเขา

ระหว่างที่คิดเช่นนี้ เขาก็เห็นนางโบกแขนไปมาอย่างสง่างามพลางพูดอะไรบางอย่าง

เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงข้างก้อนหินแล้วยื่นมือไปหานาง

ปีศาจสาวหันมายิ้มให้เขา

รอยยิ้มของนางทำให้แสงตะวันยามอัสดงดูจืดจาง แม้กระทั่งขุนเขาและสายน้ำเขียวขจีก็ไม่อาจเทียบกับความงามของนางได้เลย

เซียวเถี่ยเฟิงจ้องนางด้วยความหลงใหล ไม่อาจถอนสายตาไปไหนได้อีก

ปีศาจสาวกางแขนออกแล้วกระโดดลงมาสู่อ้อมอกของเขาราวกับนกน้อยที่มีความสุข

เขากอดนางไว้แนบอก ตามองดูขุนเขาทอดยาวสลับซับซ้อนแล้วก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ให้ปลายคางของตัวเองสัมผัสกับเส้นผมของนาง

สายลมพัดเส้นผมของนางมาสัมผัสกับใบหน้าของเขาเบาๆ

“กลับไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เจ้า…”

เขาชะงักไปเล็กน้อย “อยู่เป็นเพื่อนข้าในโลกมนุษย์เถิด”

 

เซียวเถี่ยเฟิงแบกปีศาจสาวกลับเข้าไปในภูเขา เส้นทางบนภูเขาคดเคี้ยวไปมา แถมฟ้าก็มืดแล้ว ทำให้เดินลำบาก แต่เขาอยากพาปีศาจสาวกลับบ้านให้เร็วที่สุด ดังนั้น นอกจากหยุดพักป้อนอาหารให้นางแล้ว เขาก็ไม่ยอมเสียเวลาอีกแม้แต่เสี้ยวขณะเดียว

ในที่สุด เมื่อพระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือภูเขา เขาก็กลับไปถึงหมู่บ้าน

ตอนที่เข้าไปในหมู่บ้าน หมาที่มีชื่อว่าวั่งไฉส่งเสียงเห่าไม่หยุด

เสียงเห่าของเจ้าวั่งไฉเรียกผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเมียของใครให้ออกมาดู พอเห็นเขา นางก็ตะโกนว่า “เถี่ยเฟิงพาเมียที่มีอาคมกลับมาแล้ว!”

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัว

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัว

ในถุงหนังนั่นมีอะไร? เขาคิดจะเปิด แต่จู่ ๆ ปากถุงก็คลี่ออกเองเสียอย่างนั้น จากนั้นศีรษะของใครบางคนก็โผล่ขึ้นมา ถึงตอนนี้ เซียวเถี่ยเฟิงถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วบนโลกนี้มีปีศาจอยู่จริง ที่แท้ปีศาจก็ไม่จำเป็นต้องงามหยาดเยิ้มเหมือนชุนเถาเอ๋อผู้งามล้ำในหมู่บ้าน ไม่จำเป็นต้องมากรักเหมือนแม่ม่ายซิ่วเฟิน นางเพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้น แล้วมองมาด้วยสายตาเรียบเฉยก็สามารถทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้แล้ว เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียการควบคุม ตรงหน้าคือหุบเหวลึก หากยังคงก้าวเดินต่อคงไม่เหลือแม้แต่ซาก ดังนั้นเขาจะต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ทว่าจู่ ๆ นางก็เลียริมฝีปาก…

Options

not work with dark mode
Reset