“อะไรกัน?”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบด้านต่างก็ทอสายตาโง่งมไปยังผู้คุมกฎที่ถูกตบจนลอยกระเด็นออกไปไกล ความรุนแรงกระเทือนไปทั้งใบหน้าจนลูกตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาเลยก็ว่าได้
หลังจากที่ผู้คมกฎกลุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้นมาที่หน้าประตูทางเข้าของหอพลิกสวรรค์ ก็ได้ทำให้ผู้คนอีกกว่าร้อยกว่าเดินหน้าเข้ามามุงดูอยู่ และในหมู่คนเหล่านั้นก็มีศิษย์สายตรงอยู่ถึงสองคน
เดิมทีที่หลงเฉินลงมือต่อเหล่าศิษย์ด้วยกันเองในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาเองก็เลื่อมใสในความกล้าของหลงเฉินอยู่ไม่น้อย ทว่าในตอนนี้หลงเฉินคล้ายกับติดเป็นนิสัยที่ย่ำแย่ไปเสียแล้ว แม้แต่ศิษย์พี่ผู้คุมกฎก็ยังไม่ละเว้น พวกเขาจึงถอดถอนหายใจออกมาอย่างอดสู
ผู้คุมกฎเหล่านี้เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งหมู่ตึก ไม่ควรมีผู้ใดขัดขืนต่อกฎเกณฑ์ของทางหมู่ตึกได้ เพราะผลลัพธ์ของการขัดขืนเหล่านั้นถือได้ว่าหนักหนาเป็นยิ่งนัก
และถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้ไม่นาน ทว่าอย่างน้อยก็พอจะทราบถึงกาลเทศะเป็นอย่างดี แน่นอนว่าการลงมือต่อผู้คุมกฎย่อมก่อเกิดปัญหา อีกทั้งยังต้องถูกลงโทษ
การเคลื่อนไหวของหลงเฉินนั้นคล้ายกับเป็นการท้าทายอำนาจของทางหมู่ตึกอย่างหนึ่ง ด้วยความรุนแรงเช่นนี้อาจถูกขับไล่ออกจากหมู่ตึกได้ เด็กน้อยผู้นี้กำลังคิดอันใดอยู่กัน? หรือเขาบ้าไปแล้ว?
ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมา ดวงตาเปิกกว้างกำลังจ้องมองไปยังใบหน้าที่เคร่งขรึมของหลงเฉิน “เจ้าตัวบัดซบ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือ?”
หลงเฉินจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “อย่าได้กลัว พวกเรามีเหตุผล มาทำให้มันคึกคักเถิด ยิ่งคึกคักก็ยิ่งดี ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตกเป็นเบี้ยล่างเอา”
ทันใดนั้นเองเหล้าผู้คุมกฏทั้งเจ็ดคนก็เริ่มมีปฏิกิริยากลับคืนมาแล้ว ถึงกับกล้าลงมือต่อผู้คุมกฎผู้หนึ่งอย่างไม่เกรงกลัวอย่างนั้นหรือ? เจ้าเด็กน้อยผู้นี้เบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกหล้าแห่งนี้แล้วหรืออย่างไรกัน?
ศิษย์พี่หวู่เป็นคนแรกที่แตกตื่นตกใจกับการกระทำที่โอ่อ่าของหลงเฉิน ภายในจิตใจไม่อาจลิงโลดได้เฉกเช่นก่อนหน้านี้ พลันก็ได้กล่าวด้วยโทสะออกมาว่า “เจ้าหาญกล้าที่จะปฏิเสธการคุมตัวอย่างนั้นหรือ? อีกทั้งยังละเมิดกฎของหมู่ตึก ทั้งหมดนี้ไม่ต่างอันใดไปจากการเป็นปรปักษ์ หากว่ายังคิดจะต่อต้านต่อไป ก็คงยากที่จะพ้นโทษตายเสียแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของศิษย์พี่หวู่ ภายในมือของเขาก็ได้มีโซ่ตรวนจับกุมขึ้นมาอีกเส้นหนึ่ง ทว่าในครั้งนี้กลับเป็นโซ่ที่คล้ายกับเป็นอสรพิษตัวหนึ่งกำลังกระโจนเข้าไปทางหลงเฉินอย่างรวดเร็ว
โซ่ตรวนสีดำทมิฬเริงระบำส่ายไปส่ายมาท่ามกลางอากาศ หอบสายลมพวยพุ่งที่ยังเบื้องหน้าด้วยความบ้าคลั่ง พลังทำลายปะทุขึ้นมาจนเกิดเสียงระเบิดดังเพียพะไม่หยุด ผู้คนโดยรอบต่างก็เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
นี่คือพลังฝีมือของผู้ที่เป็นศิษย์พี่อย่างนั้นหรือ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเป็นการคงอยู่ที่ต่ำต้อยกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ทว่าในสามปีที่ผ่านมาพวกเขาคงจะผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาอย่างโชกโชนเลยก็ว่าได้
ส่วนพลังการฝึกยุทธ์ของพวกเขาก็คงจะอยู่ในช่วงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับกลางไปจนถึงระดับสูงแล้ว อีกทั้งยังเป็นพลังสภาวะที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ภายในจิตใจของผู้คนมากมายต่างก็ทราบได้ทันทีว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถต่อกรได้ พลังการต่อสู้เช่นนั้นเพียงพอที่จะบดขยี้กระดูกของผู้คนให้แหลกลานลงไปได้ในพริบตาเดียว
เมื่อโซ่ตรวนจับกุมจู่โจมเข้ามาด้วยความรวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด หลงเฉินก็ได้แผดเสียงร้องดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง จากนั้นพลังสภาวะทั่วทั้งร่างกายก็ปะทุขึ้นอย่างมหาศาล เขาสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มแซ่หวู่ผู้นี้ไม่ได้มีจิตที่คิดจะปล่อยเขาไปอย่างง่ายดายแน่นอน
ทว่าภายในจิตใจของเขากลับไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเด็กน้อยผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นเขาจึงไม่ควรได้ใจและประมาท จึงรีบปะทุพลังทั้งหมดที่มีออกมาในทันที พลันก็ผสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน
หมับ!
โซ่ตรวนสีดำทมิฬถูกสองมือของหลงเฉินคว้าจับเอาไว้ในทันควัน ทว่าภายในโซ่ตรวนสายนั้นช่างเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอันแกร่งกล้าจึงทำให้โลหิตภายในร่างกายของหลงเฉินไหลย้อนกลับขึ้นมา
“แข็งแกร่งมาก เพียงการโจมตีธรรมดาก็ทำให้ข้าไม่อาจยืนหยัดได้แล้ว”
หลงเฉินร่ำร้องขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย นี่หรือคือความแตกต่างของพลังการฝึกยุทธ์ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ไม่อาจต่อกรกับศิษย์พี่หวู่ได้ อีกทั้งยังเสียเปรียบกว่ามากเกิน
“เจ้าหนูน้อย ตายไปซะ”
หลังจากที่หลงเฉินเพิ่งจะคว้าจับโซ่ตรวนเส้นนั้นได้ ศิษย์พี่หวู่ก็ได้ฟาดโซ่ตรวนอีกเส้นหนึ่งออกมาพร้อมกับหอบสายลมอันรุนแรงพวยพุ่งเข้ามาที่หน้าอกของหลงเฉินอย่างหนักหน่วง
“วายุตัดจันทรา”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องเจื้อยแจ้วดังขึ้นมาข้างกาย คมวายุสายหนึ่งลอยระบำออกมาบรรจบกับโซ่ตรวนเส้นนั้นพอดี โซ่ตรวนเส้นนั้นเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรงจนเจ้าของโซ่ตรวนทอสีหน้าแตกตื่นตกใจ คนผู้นั้นก็คือผู้ที่ถูกหลงเฉินฝากรอยฝ่ามือเอาไว้เมื่อครู่นี้นั่นเอง
คนผู้นี้มีพลังการฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก แม้ว่าฝ่ามือของหลงเฉินจะไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บหนัก ทว่ากลับเป็นสิ่งที่สร้างความอับอายให้แก่เขาอย่างถึงที่สุด
“กล้าขัดขืนการคุมตัวอย่างนั้นหรือ? ทั้งหมดลงมือ”
เมื่อพบว่าถังหว่านเอ๋อสอดมือเข้ามาช่วยด้วย ศิษย์พี่หวู่จึงรีบตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมกับสะบัดโซ่ตรวนที่อยู่ในมือหมายที่จะชักกลับมาจากมือของหลงเฉิน ทว่าเขาต้องตกใจตัวโยนขึ้นมาเมื่อพบว่าโซ่ตรวนของเขานั้นคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นจนไม่อาจช่วงชิงกลับมาได้
เหตุการณ์ในตอนนี้ทำให้เขาทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เดิมทีหากเป็นเพียงการต่อกรกับเด็กใหม่เพียงคนเดียวที่มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตย่อมไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงมากถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังสามารถแสดงแรงกดดันของการเป็นศิษย์พี่ได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นเรื่องง่ายในการควบคุมเด็กน้อยเหล่านี้ในภายหลัง
ทว่าเพียงโจมตีไปครั้งแรกก็ถูกหลงเฉินรับเอาไว้ได้แล้ว ถือได้ว่าเป็นการเสียหน้ายิ่งนัก และในขณะนี้ยังไม่มีแรงช่วงชิงโซ่ตรวนกลับคืนมาอีก ยิ่งสร้างความอับอายให้แก่เขาจนระเบิดเพลิงโทสะขึ้นมา
“หาที่ตาย”
ศิษย์พี่หวู่แผดเสียงคำรามออกมาจนดึงกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ พร้อมกับปะทุพลังสภาวะขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลางขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พลังอันมหาศาลขุมหนึ่งปะทุขึ้นมาประดุจมหาสมุทรโหมกระหน่ำเข้าไปที่หลงเฉินในทันที
หลงเฉินสัมผัสได้ทันทีว่าพลังสภาวะนั้นหนักหน่วงจนเกินไป หากทนรับเอาไว้คงจะทำให้ร่างกายถูกซัดกระเด็นออกไปอีกหลายจั่งเห็นจะได้ เช่นนั้นเขาจึงปล่อยโซ่ตรวนในมือออก
“รับกระบวนท่าของข้าบ้าง”
หลังจากที่ศิษย์พี่หวู่ตะโกนขึ้นมา โซ่ตรวนภายในมือของเขาก็ร่ายระบำสู่กลางอากาศ จากนั้นก็ตวัดปลายกระแทกเข้าไปทางหลงเฉินอย่างรุนแรง
ส่วนผู้คุมกฎอีกคนหนึ่งก็พยายามกวัดแกว่งโซ่ตรวนเข้ามาหมายที่จะฟาดไปยังใบหน้าของหลงเฉิน ทว่าทันใดนั้นเองเหล่าผู้คนก็เกิดอาการแตกตื่นตกใจขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ถังหว่านเอ๋อได้ผสานมืออันขาวผ่องเข้าด้วยกัน จากนั้นก็มีคมวายุสายหนึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของนางจนผู้คุมกฎคนนั้นไม่อาจต้านทานสภาวะเอาไว้ได้ทันท่วงที จึงถูกกดดันจนต้องถอยร่นออกไป
“แข็งแกร่งยิ่งนัก สามารถต่อกรกับผู้คุมกฎได้ด้วยหรือ?”
“จะต้องเป็นพลังฝีมือระดับศิษย์สายตรงแล้ว”
“ทว่าการต่อต้านผู้คุมกฎเช่นนี้คงจะไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ เอ๊ะ!”
เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถกดดันผู้คุมกฎผู้นั้นจนถอยร่นออกไปได้ ถังหว่านเอ๋อเกรงว่าหลงเฉินไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีอีกทางหนึ่งได้จึงออกตัวเข้าช่วยเหลือในทันที ผู้คุมกฎคนนั้นได้แต่ส่งเสียงดังชิอย่างเย็นชาออกมา แล้วร่ายโซ่ตรวนตรงเข้ามาจู่โจมถังหว่านเอ๋อแทน
“เก็บไปเถิด”
ถังหว่านเอ๋อเริ่มระเบิดโทสะขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพลังการฝึกยุทธ์กลับยังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตเท่านั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับศิษย์พี่ที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นทั้งสองคนแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกันอย่างแน่นอน
ดวงตาคู่งามจ้องมองไปที่คู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้า เห็นได้ชัดเจนว่าผู้คุมกฎผู้นี้ย่อมไม่ปล่อยให้นางเข้าไปช่วยหลงเฉินอย่างแน่นอน
“ซูม”
ใจกลางฝ่ามือของถังหว่านเอ๋อมีคมวายุขนาดใหญ่กว่าสิบจั่งปรากฏขึ้นมา ทว่ารูปร่างในครั้งนี้กลับคล้ายกับศาสตราวุธขนาดใหญ่เล่มหนึ่งฟาดฟันไปยังผู้คุมกฎผู้นั้นอย่างดุดัน อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบก็มีสายลมวนเวียนไปมาอย่างรุนแรง แม้แต่ผู้คุมกฎที่ยืมอยู่รอบนอกก็ยังต้องกลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมกัน
เมื่อศาสตรวุธเล่มนั้นปรากฏขึ้นมา ที่ใจกลางของมันก็ได้เปล่งประกายอักขระขนาดใหญ่สั่นไหวไปมาไม่หยุด ราวกับมีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
อักขระเหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล อีกทั้งยังเป็นพลังจากยันต์อักขระที่สืบทอดต่อมาจากบรรพบุรุษ หลังจากที่พลังของตระกูลถูกปลุกขึ้นมาแล้วก็ทำให้คมวายุแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเห็นอักขระปรากฏขึ้นมาภายในคมวายุ ผู้คุมกฎที่เหลือต่างก็ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง หนึ่งในกลุ่มนั้นก็ได้สบถขึ้นมาว่า “มารดาเถิด”
สายตาของผู้คุมกฎคนนั้นเบิกกว้างมองไปที่คมวายุสายนั้น ร่างกายสั่นไหวจนไม่กล้าที่จะสวนกลับไป ทว่าเพียงตวัดโซ่ตรวนขึ้นมาคุ้มกันร่างกายของตัวเองเอาไว้เท่านั้น
ทันทีที่คมวายฟาดลงมา ผู้คนไม่น้อยก็ได้ถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล เงาร่างเหล่านั้นกระแทกชนเข้ากับกำแพงศิลาที่อยู่ด้านหลัง แม้กำแพงศิลาเหล่านั้นจะแข็งแรงมาก ทว่าก็ยังเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมา
ผู้คนเหล่านั้นมีใบหน้าขาวซีดมองไปที่รอยร้าวสายนั้นด้วยความตื่นตระหนกจนไม่อาจสงบจิตใจให้แน่นิ่งได้ เพียงแต่ยืนมองหน้ากันด้วยสายตาโง่งม ไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ควรจะคุมตัวพวกเขาต่ออีกหรือไม่
“ตูม”
จากนั้นอีกด้านหนึ่งก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พื้นที่ขนาดใหญ่เกิดการสั่นไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง คลื่นลมมหาศาลถาโถมไปทั่วทุกสารทิศ พื้นดินที่ว่าแข็งแรงยังถึงกับแตกร้าวคล้ายกับใยแมงมุมหลายสิบแห่ง
เหล่าผู้คนโดยรอบจึงหันไปมองยังต้นเสียงนั้น สายตาทุกคู่พบเห็นแต่แผ่นหลังของหลงเฉินที่กำลังมีประกายวงแหวนขนาดร้อยจั่งสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา มือข้างหนึ่งกำหมัดเอาไว้จนแน่น
ฝั่งตรงกันข้ามของหลงเฉินนั้นเป็นศิษย์พี่หวู่ที่กำลังทอสีหน้าแตกตื่นยกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าหลงเฉินเพิ่งจะออกหมัดเข้ารับกระบวนท่าของศิษย์พี่หวู่เอาไว้เมื่อครู่นี้นั่นเอง
“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ เพียงหมัดเดียวก็สามารถต้านทานพลังโจมตีของศิษย์พี่ที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลางเอาไว้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ทว่าเขายังอยู่เพียงขอบเขตก่อโลหิตตอนปลายเท่านั้นเอง เอ๊ะ ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว เคยได้ยินมาว่ามีการปรากฏตัวของยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เขามีนามว่าหลงเฉิน” ทันใดนั้นเองก็มีคนผู้หนึ่งจดจำหลงเฉินขึ้นมาได้
“แล้วประกายวงแหวนเหล่านั้นคืออะไรกัน? เป็นทักษะยุทธ์? หรือว่าเคล็ดวิชา? เหตุใดถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังปะทุพลังอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาได้อย่างมหาศาล”
ผู้คนมากมายต่างก็เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ ดวงตาทุกคู่จดจ้องไปที่หลงเฉินด้วยความหวาดกลัว รวมไปถึงศิษย์สายตรงอีกสองคนที่ยืนอยู่ในบริเวณที่ห่างไกลออกไปด้วย นี่หรือที่ผู้คนเรียกขานกันว่าผู้แข็งแกร่งที่แม้แต่ฟ้าดินก็ไม่เกรงกลัว
“ปะทุพลังเพื่อเลี่ยงการคุมตัว ทำลายสิ่งปลูกสร้างจนวอดวาย ข้าจะสังหารเจ้า เจ้าจะได้ไม่ต้องพูดอันใดออกมาอีก” ศิษย์พี่หวู่ส่งเสียงดังชิออกมาอย่างเย็นชา โซ่ตรวนในมือก็สั่นไหวไปมาเล็กน้อย พลังสภาวะปะทุขึ้นมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะใช้พลังยุทธ์อันแข็งแกร่งเข้าสยบหลงเฉินในครั้งเดียว
“เจ้าโง่ กระบวนท่าเมื่อครู่นี้เกิดจากข้าและเจ้า เจ้าก็กล่าวใส่ร้ายข้าเกินไปแล้ว” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ต่อปากต่อคำ ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าหากจะอยู่ในที่แห่งนี้ได้อย่างสงบสุขก็จะต้องทำตามกฎเกณฑ์”
ศิษย์พี่หวู่ตะโกนเสียงดัง บรรยากาศกดดันก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา โซ่ตรวนที่อยู่ในมือลอยระบำขึ้นกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง แฝงเอาไว้ด้วยพลังสภาวะทำลายที่รุนแรงพุ่งเข้าหาหลงเฉินด้วยความเร็วสูงสุด
จากการโจมตีเมื่อครู่นี้ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะต้านรับเอาไว้ได้ ทว่าก็ยังถูกผลกระทบอันมหาศาลปะทะเข้าที่กำปั้นจนเกิดความเจ็บปวดขึ้นมา ทั่วทั้งแขนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม้แต่กายเนื้อที่แข็งแกร่งก็ยังได้รับบาดเจ็บ
ในที่สุดเขาก็ทราบแล้วว่าตัวเองและยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นนั้นต่างชั้นกันมากเพียงใด ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถใช้เพียงกระบวนท่าเดียวสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาได้แล้ว แน่นอนว่าคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาในตอนนี้อย่างแน่นอน
สายตาคู่คมจ้องมองไปยังศิษย์พี่หวู่ที่กำลังเบิกกระบวนท่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ภายในจิตใจของหลงเฉินจึงเกิดโทสะขึ้นมา เจ้าตัวบัดซบผู้นี้ไม่ได้คิดที่จะจับกุมตัวเพียงอย่างเดียวแล้ว ทว่าหมายที่จะให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย ทว่าหากสังหารได้ก็คงสังหารจนตายตกไป
ภายในจิตใจของหลงเฉินจึงยิ่งทวีความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา สถานที่แห่งนี้คือยุทธภพแห่งหนึ่ง เพียงการเป็นยอดฝีมือที่มีความสุขจะต้องกลายเป็นเพียงความฝันไปอย่างนั้นหรือ อีกทั้งยังมีแต่เรื่องยุ่งยากเข้ามาไม่หยุด ต่อให้ร่ำไห้หรือประนีประนอมก็จะยิ่งทำให้คนเหล่านี้เหยียบย้ำตัวเองให้จมดินมากยิ่งขึ้น
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก จุดดารากักวายุก็เข้าสู่ความสงบนิ่งในทันที พลังแปลกประหลาดขุมหนึ่งไหลเวียนภายในร่างกายอย่างเชื่องช้า พลังสภาวะพร้อมที่จะเข้าสู่ศึกกักวายุในทันที
“หยุดมือ”
ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะเข้าสู่พลังร่างกายกักวายุอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมาจนทำให้แก้วหูของผู้คนมากมายเกิดความเจ็บปวด
เหล่าผู้คนมากมายค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองยังต้นเสียง ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใดที่หน้าประตูของหอพลิกสวรรค์ ได้มีร่างของชายชราสวมอาภรณ์ตัวยาวสีเทายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ อีกทั้งยังทอสีหน้าบึ้งตึงมองมายังพวกเขา
“พวกเจ้าคิดจะก่อเรื่องอย่างไม่มีวันเลิกราอย่างนั้นหรือ? อีกทั้งยังกล้ามีเรื่องวิวาทกันหน้าหอพลิกสวรรค์ของข้า คิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ระบายอารมณ์หรืออย่างไรกัน? ” ชายชราผู้นั้นแผดเสียงดังขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดเสียยกใหญ่
หลงเฉินจดจำขึ้นมาได้ทันทีว่าชายชราผู้นี้ก็คือหนึ่งในผู้คุมสอบของการทดสอบรอบสุดท้าย และในขณะที่หลงเฉินกำลังจะกล่าววาจาเอื้อยเอ่ยออกไป ทว่าศิษย์พี่หวู่ก็ชิงกล่าวขึ้นมาก่อนว่า “เรียนท่านผู้อาวุโสซุน ศิษย์น้องผู้นี้ได้ละเมิดกฎระเบียบของหมู่ตึก โดยการลงมือทำร้ายผู้คนภายในเขตหวงห้ามการใช้วรยุทธ์
ศิษย์จึงมาที่แห่งนี้เพื่อคุมตัวเขา ทว่าเขาฝ่ายกลับกระตุ้นพลังเข้าต่อต้านการจับกุม ความผิดทั้งหมดต่างก็เป็นของศิษย์น้องผู้นี้ ขอท่านผู้อาวุโสให้ความเป็นธรรมด้วย”
ผู้อาวุโสซุนกวาดสายตามองไปที่หลงเฉินอย่างเย็นชา “ใช้พลังการต่อสู้ออกมาด้วยความใจร้อน แล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรกัน? บุคคลเช่นนี้ หากไม่พบเจอกับความยากลำบากก็คงจะไม่อาจเติบใหญ่ได้อีก คุมตัวไป แล้วโบยแปดสิบที จากนั้นก็กักบริเวณอีกหนึ่งเดือน”