เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 181 ส่วนผสม

เมื่อถังหว่านเอ๋อทราบว่าหลงเฉินกำลังรีบวิ่งตามเข้ามา ที่ฝีปากเรียวบางก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าทันใดนั้นก็เก็บกลับลงไปแล้วทอสีหน้าเคร่งขรึมหันกลับมา “เจ้าตามข้ามาด้วยเหตุใดกัน?”

 

 

 

 

 

 

 

 

“หึหึ แน่นอนว่าข้าจะมาขอโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ระดับสูงสุด” หลงเฉินยักไหล่แล้วทอสีหน้าเจ้าเล่ห์ไปที่ถังหว่านเอ๋อ

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อคิดจะกลั่นแกล้งแสร้งมีโทสะขึ้นมา ทว่าเมื่อมองไปยังดวงตาคู่คมของหลงเฉินแล้ว จู่จู่ร่างกายก็ไม่อาจเคลื่อนไหวไปตามใจนึก พลันก็รีบหันหน้ากลับมาแล้วกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ศิษย์สายตรงได้รับมา โลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ ทว่าข้าไม่อาจทราบได้ว่าสรรพคุณของมันมากกว่าในมือของพวกเขากี่เท่าตัว

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนนี้ข้าจะแบ่งมันให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ทว่าเจ้าต้องรับปากกับข้าก่อนว่าหลังจากนี้เจ้าจะอยู่ข้างกายของข้าตลอดไป ต้องช่วยปลุกขวัญกำลังใจของเหล่าผู้คน และที่สำคัญก็คืออย่าได้หัวเราะเยาะข้าอีก”

 

 

 

 

 

 

 

 

“แบ่งให้ข้าครึ่งหนึ่ง? แล้วเจ้าจะมีใช้ได้อย่างเพียงพอได้อย่างไรกัน?” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“หากอย่างประหยัดก็มีเพียงพออยู่แล้ว” ถังหว่านเอ๋อกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

 

 

 

 

 

 

 

 

“แล้วไหของข้า?” หลงเฉินถามถึงไหที่บรรจุโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ที่ควรจะได้รับในตอนแรก

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อส่งไหอีกใบหนึ่งให้เขาแล้วตอบกลับขึ้นมาว่า “นี่ ทว่าโลหิตบริสุทธิ์ภายในนั้นเป็นเพียงระดับธรรมดาเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้าสัมผัสได้ว่ากายเนื้อของเจ้าแข็งแกร่งเกินไปจึงควรได้รับโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ระดับสูงมากกว่าข้า ซึ่งไหที่อยู่ในมือของข้าใบนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาที่มีอายุหมื่นปีขึ้นไปจึงแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินกำลังจะเปิดไหของตัวเองออกมา ทว่าฝาที่ปิดเอาไว้นั้นแน่นสนิท เขาจึงตบเข้าไปเบาๆ แล้วทันใดนั้นเองกลิ่นคาวโลหิตสายหนึ่งก็ได้โชยขึ้นมาเตะจมูก ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นโอสถฉุนกลุ่มหนึ่งโชยตามขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

“ดาราสวรรค์ประจิม หญ้ารวมสด แก่นพื้นมังกร……?”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินแตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ทันทีที่สูดดมกลิ่นเหล่านั้นเข้าไป เขาก็สามารถแยกแยะสมุนไพรปะปนกันอยู่หลายชนิดได้ในทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อจ้องมองไปที่หลงเฉินประดุจเป็นตัวประหลาด “เจ้าสามารถแยกแยะด้วยการดมอย่างนั้นหรือ?”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินพยักหน้ารับ นิ้วมือข้างหนึ่งจุ่มเข้าไปยังใจกลางโลหิตที่อยู่ในไห แล้วยกขึ้นมาแตะที่ลิ้นของตัวเองเบาๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

“ดีขม รากโบตันขาว ใยรากบัว……” ฉุกคิดเพียงหนึ่งลมหายใจ หลงเฉินก็สามารถสาธยายสมุนไพรทั้งหมดออกมาได้ถึงสิบแปดชนิด “นี่เป็นโลหิตของสัตว์มายาทั่วไปที่นำไปผสมกับสมุนไพร จากนั้นก็นำไปกลั่นออกมาเป็นโลหิตบริสุทธิ์”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อจดจ้องไปที่หลงเฉินด้วยดวงตาเบิกกว้าง “เจ้าทราบส่วนผสมทั้งหมดของโลหิตบริสุทธิ์เหล่านี้ได้จริงหรือ? เจ้าควรทราบว่าโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์เป็นสิ่งที่สำนักพลิกสวรรค์ไม่เคยถ่ายทอดออกสู่โลกภายนอกเลย หากนำออกไปภายนอกแล้วแน่นอนว่าจะต้องเกิดการแยกชิงอันอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

และเหล่าศิษย์ที่เข้ามาอยู่ในสำนักอย่างพวกเราก็จะได้รับโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง” นี่จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ถังหว่านเอ๋อไม่อาจเชื่อได้ลง

 

 

 

 

 

 

 

 

มีผู้คนมากมายลักลอบทำการวิเคราะห์ส่วนผสมที่อยู่ในโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ ทว่าก็ไม่มีผู้ใดกระทำได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้สิ่งลี้ลับชิ้นนี้จึงสามารถถึงดูดยอดฝีมือมากมายให้เข้ามาในหมู่ตึกแห่งนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

“ขอข้าตรวจสอบโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ของเจ้าหน่อย”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินคว้าไหมามือของถังหว่านเอ๋อแล้วค่อยๆ เปิดออกอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เปิดออกก็สัมผัสได้ทันทีว่าโลหิตบริสุทธิ์ของถังหว่านเอ๋อเข้มข้นและแกร่งกล้ากว่าไหของเขามาก อีกทั้งยังไหลวนเป็นกระแสเชี่ยวน่าหวาดกลัว เพียงครู่เดียวก็ส่งกลิ่นคาวตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“เหอะ นี่เป็นกลิ่นผายลมของสัตว์มายาที่มีอายุนับหมื่นปีหรืออย่างไรกัน เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นเพียงโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาระดับสาม ทว่ามีส่วนผสมของสมุนไพรที่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง” หลงเฉินด่าทอขึ้นมายกใหญ่

 

 

 

 

 

 

 

 

เขามีจิตวิญญาณของจักรพรรดิโอสถอยู่ภายในห้วงสมองจึงสามารถแยกแยะวัตถุดิบและสมุนไพรต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและหมดจด อีกทั้งภายในไหยังเป็นเพียงโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาและสมุนไพรหลายชนิด เพียงแค่ได้ดอมดมกลิ่นก็พอจะแยกแยะได้แล้วว่าเป็นสมุนไพรชนิดใดบ้าง

 

 

 

 

 

 

 

 

“หว่านเอ๋อ เจ้าช่วยข้าจดบันทึกสิ่งที่ข้าจะพูดออกมาให้หน่อย”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าถังหว่านเอ๋อจะไม่ทราบว่าหลงเฉินกำลังคิดจะทำการอันใดอยู่ ทว่านางก็รีบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ล้วงพู่กันออกมาเตรียมการจดบันทึก

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินหยดโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ลงไปบนลิ้นทีละหยด จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลงแล้วรับสัมผัส “หอมหวนคืนวิญญาณ ดินขม ดอกฉีโหลว……”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อรวบรวมสมาธิให้จดจ่อไปที่การจดบันทึกเพราะไม่อยากเขียนผิดไปแม้แต้อักษรเดียว เมื่อหลงเฉินท่องออกมาจนครบภายในลมหายใจเดียว ถังหว่านเอ๋อก็สามารถเขียนรายชื่อสมุนไพรออกมาได้ถึงสี่สิบแปดชนิด

 

 

 

 

 

 

 

 

จากนั้นหลงเฉินก็วิ่งออกไปบ้วนปากเพื่อล้างโลหิตออก แล้วรวบรวมสมาธิขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วมือข้างหนึ่งหยดโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ลงไปที่ลิ้นอีกครั้ง พลันก็ท่องสมุนไพรทั้งหมดให้ถังหว่านเอ๋อทวนตามที่จดบันทึกอีกรอบ

 

 

 

 

 

 

 

 

พวกเขาทำวนเวียนอยู่อย่างนี้อีกสามรอบ ถังหว่านเอ๋อตรวจทานรายชื่อดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็พบว่าสมุนไพรที่จดบันทึกทั้งหมดแม้จะจัดเรียงไม่เหมือนกัน ทว่ากลับมีรายชื่อตรงกันทั้งหมดสี่สิบแปดชนิด

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน เจ้าทำได้จริง” ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าแตกตื่นไปที่หลงเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หากมีผู้ใดทราบว่าหลงเฉินสามารถไขความลับของหมู่ตึกที่ไม่เคยถ่ายทอดออกไปได้ แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นคงจะเข้ามาแย่งชิงตัวอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

“คงจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ขอเพียงเสาะหาโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาระดับสามมาได้ เช่นนั้นข้าก็จะสามารถผสมโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ขึ้นมาใช้ได้เอง” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาในขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

 

 

 

 

 

 

 

 

เหอะ โลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาที่มีอายุกว่าหมื่นปีอย่างนั้นหรือ หลอกลวงผู้คนโดยสิ้นเชิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าที่หมู่ตึกแห่งนี้เพียงต้องการจะทำให้ผู้คนเกิดความเข้าใจผิดไปเท่านั้น เพราะสัตว์มายาระดับสามโดยมากแล้วก็มีชีวิตอยู่ได้เพียงสองพันปีเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

หากเป็นสัตว์มายาที่มีอายุหมื่นปีขึ้นไปอย่างน้อยก็ควรจะเป็นสัตว์มายาระดับสี่แล้ว และหากพวกเขาใช้โลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาระดับสี่จริง ต่อให้เป็นสำนักที่ใหญ่โตกว่านี้ก็ย่อมกลายเป็นขอทานแห่งยุคเข้าสักวันหนึ่งแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

“หว่านเอ๋อ โลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์เหล่านี้เจ้าเก็บเอาไว้ใช้เองเถิด ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาระดับสาม ทว่าข้าได้จดบันทึกและคำนวณเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากรวบรวมสมุนไพรครบทั้งหมดสี่สิบแปดชนิดแล้ว ก็จะเป็นเสมือนแหล่งพลังงานของโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายา ขอเพียงใช้พวกมันเข้าไปดูดซับก็จะสามารถทำให้สิ่งปนเปื้อนที่อยู่ภายในโลหิตของร่างกายถูกชำระล้างออกไปอย่างหมดจด เมื่อถึงเวลานั้นการเข้าสู่ขอบเขตต่อไปย่อมไม่ใช่ปัญหา” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“ทว่าเจ้า……”

 

 

 

 

 

 

 

 

“อย่าได้เป็นกังวล ข้าสามารถจัดการด้วยตัวของข้าเองได้ และข้าในตอนนี้ก็ยังไม่อาจดูดซับพลังจากมันเพื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ ต่อให้มีหรือใช้ไปก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี” หลงเฉินกล่าวโน้มน้าวเพื่อให้ถังหว่านเอ๋อยอมตัดใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรเด็กสาวผู้นี้ก็มักจะมากน้ำใจต่อผู้คนอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อพยักหน้าไปมาอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ขยับมืออันขาวผ่องเบาๆ แล้วไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของถังหว่านเอ๋อช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

โลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ที่อยู่ในไหค่อยๆ ลอยละล่องขึ้นมาประดุจสายน้ำลอยระบำอยู่กลางอากาศ ถังหว่านเอ๋อหลับตาลง พร้อมกวาดมือทั้งสองข้างชักนำโลหิตบริสุทธิ์กลุ่มนั้นให้เริ่มต้นการดูดซับอย่างช้าๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อเห็นว่าถังหว่านเอ๋อกำลังเข้าสู่การฝึกยุทธ์แล้ว หลงเฉินก็ค่อยๆ ย่องออกมาจากถ้ำ และก็พบกับชิงยวูที่กำลังทำการคุ้มกันให้ถังหว่านเอ๋ออยู่ภายนอกนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่กล่าวทักทายชิงยวูเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลงเฉินก็ได้ปลีกตัวไปเสาะหาสถานที่อันเงียบสงบ จากนั้นเขาก็ได้ยืนมือเข้าไปในไห พลังแห่งจิตวิญญาณขุมหนึ่งไหลเวียนขึ้นมาจนใจกลางฝ่ามือปรากฏการหมุนวนของสายโลหิตเป็นระลอก

 

 

 

 

 

 

 

 

เพียงแค่หนึ่งลมหายใจ โลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ที่อยู่ภายในไหใบนั้นก็ได้ถูกหลงเฉินดูดกลืนเข้าไปในร่างกายจนหมดสิ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีอันนุ่มนวลของถังหว่านเอ๋อแล้ว หลงเฉินก็ราวกับเป็นหมาป่าที่กำลังหิวโหยตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น เพียงแค่ไม่นานก็สามารถกินเหยื่อเข้าไปจนไม่หลงเหลือแม้แต่กระดูกภายในคำเดียว

 

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะที่โลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์กำลังไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายอยู่นั้น โลหิตของหลงเฉินก็คล้ายกับปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงและเดือดดาล จากนั้นก็เริ่มไหลเวียนไปมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

หากมีผู้ใดพบเห็นว่าหลงเฉินใช้วิธีการดูดกลืนโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์เช่นนี้เข้าไป แน่นอนว่าย่อมต้องแตกตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด เพราะนั่นเป็นโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายา ไม่ใช่โลหิตของมนุษย์ หากดูดกลืนเข้าสู่ร่างกายจนเกิดเป็นสภาวะต่อต้านกับหยาดโลหิตภายในขึ้นมาก็อาจจะทำให้ร่างกายแตกระเบิดจนตายตกลงไปได้

 

 

 

 

 

 

 

 

ฉะนั้นถังหว่านเอ๋อจึงทำการดูดซับความบริสุทธิ์เข้าไปช้าๆ และระมัดระวังในทุกหยดเพื่อหลักเลี่ยงการแตกระเบิด และเมื่อดูดซับพลังชีวิตเข้าสู่หยาดโลหิตองตัวเองได้แล้วก็จะสามารถสร้างให้เป็นพลังอันมหาศาลขึ้นมาได้ อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดการต่อต้านของหยาดโลหิตอีกด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าหลงเฉินนั้นกลับต่างกัน เขาเข้าใจสภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี จึงคร้านที่จะกระทำเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าเช่นนั้น อีกทั้งเมื่อทำการดูดกลืนโลหิตบริสุทธิ์เข้าไปโดยตรงแล้วค่อยทำให้โลหิตสัตว์เชื่อง

 

 

 

 

 

 

 

 

วิธีการเช่นนี้ก็คล้ายกับการปิดทางหนีเพื่อจะจัดการกับสุนัขบ้าคลั่งฝูงหนึ่ง ทันทีที่หยาดโลหิตภายในร่างกายของหลงเฉินพบเจอกับโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ที่มาใหม่ พวกมันก็เริ่มมีปฏิกิริยาโต้กลับกันอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา

 

 

 

 

 

หยาดโลหิตของหลงเฉินนั้นถูกผนึกจนอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง เมื่อโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์ได้เข้าสู่ร่างกายของหลงเฉินแล้วก็ไม่ได้ต่อต้านมากมายแต่อย่างใด อีกทั้งยังยอมศิโรราบแต่โดยดี

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่หยาดโลหิตเข้ากันอย่างสมบูรณ์แล้ว หลงเฉินก็ได้โบกมือขึ้นมา พลันก็มีบางอย่างที่คล้ายกับลูกศรโลหิตลอยออกมาเป็นสาย สิ่งเหล่านั้นก็คือสิ่งเจือปนภายในโลหิตที่กำลังถูกขับออกมานั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูมตูมตูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในร่างกายของหลงเฉินเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาหลายครั้งประดุจมีคลื่นมหาสมุทรซัดซาดชายฝั่งอย่างรุนแรง เสียงดังที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนั้นเกิดจากการไหลผ่านของหยาดโลหิตที่ไม่หยุดหย่อน ผ่านไปเพียงอึดใจเดียวก็ได้ถูกถ่ายออกมาทางด้านนอกจนหมดสิ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้คนโดยมากมาจากตระกูลใหญ่ที่มีพลังสืบต่อกันทางสายโลหิต การเพิ่มระดับพลังนั้นย่อมแตกต่างกันไปอย่างแน่นอน หลงเฉินจึงไม่ทราบว่าคนเหล่านั้นฝึกยุทธ์กันอย่างไรบ้าง และแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยจดบันทึกเอาไว้ด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดที่จะฝึกยุทธ์ไปพร้อมกับผู้อื่น และที่สำคัญก็คือหลักการฝึกฝนพลังฝีมือของเขานั้นย่อมแปลกประหลาดกว่าแนวทางของผู้อื่นเป็นแน่แท้ อย่าว่าแต่วิธีการเลย แม้แต่จุดเริ่มต้นก่อพลังก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นภายในร่างกายของหลงเฉินก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าในครั้งนี้กลับมีพลังสภาวะอันเข้มข้นแผ่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ขุมพลังมหาศาลพุ่งกระแทกเข้ากับต้นไม้น้อยใหญ่โดยรอบจนล้มระเนระนาดลงไปไม่น้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

“ซูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็สามารถทะลวงพลังขึ้นไปได้แล้ว พลังของกายเนื้อนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมนัก ทว่าพลังโลหิตกลับถูกลดทอนลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว ฉะนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการผนึกรวมพลังโลหิตให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อลองคำนวณเวลาในการทะลวงระดับพลังที่จะต้องมากขึ้นกว่าครั้งก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็ทราบได้ทันทีว่าการจะเข้าสู่ระดับต่อไปนั้นจะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเลยก็ว่าได้

 

 

 

 

 

 

 

 

ครั้งนี้ได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตระดับเจ็ดได้แล้ว หากจะเข้าสู่ระดับแปดก็คงจะต้องใช้เวลานานถึงสองเดือนเต็ม ส่วนระดับเก้าก็ราวสี่เดือน แล้วหลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้เหมือนกันผู้อื่น ทว่านั่นก็ต้องใช้เวลาถึงแปดเดือนด้วยกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงจะต้องใช้เวลากว่าปีครึ่งจึงจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้อย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่ากว่าจะไปถึงตอนนั้น เขาก็คงจะกลายเป็นผักปลาไปเสียแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

หากต้องประมือกับศิษย์ทั่วไปแล้ว เพียงกระตุ้นวงแหวนแห่งเทพออกมาก็คงจะมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าได้แล้ว ทว่าหากเปลี่ยนเป็นศิษย์สายตรงแล้ว เขาคงจะต้องถูกทุบตีประดุจสุนัขตัวหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

 

 

 

 

 

 

อีกทั้งในช่วงเวลาหนึ่งปีครึ่งนี้ก็ต้องเดินไปตามแผนการที่วางเอาไว้อย่างเคร่งครัด เพราะหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไปเนิ่นนานกว่านี้ เขาคงจะต้องตามหลังผู้อื่นแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

ไม่ได้ จะต้องเลื่อนระดับพลังให้เร็วยิ่งขึ้นกว่านี้ด้วย ‘โลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์’ ที่ดียิ่งกว่า

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่อยู่ในห้วงแห่งความคิดอันวุ่นวายไปพักใหญ่ หลงเฉินก็ได้หยุดคิดแล้วย้อนกลับไปที่ถ้ำ ภายในนั้นยังคงมีถังหว่านเอ๋อที่กำลังดูดซับโลหิตบริสุทธิ์อย่างระมัดระวังอยู่ ทว่าหลงเฉินสังเกตเห็นว่าสีหน้าของถังหว่านเอ๋อนั้นแดงก่ำเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีพลังสภาวะตีกลับขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน คล้ายกับกำลังบอกเหตุบางอย่างอยู่

 

 

 

 

 

 

 

 

ชิงยวูและหลงเฉินต่างก็เฝ้าระวังอยู่ที่ด้านหน้าของถ้ำอย่างไม่คลาดสายตา ถึงแม้จะทราบดีว่าสถานที่แห่งนี้ปลอดภัย ทว่าพวกเขาก็เกรงว่าจะผู้คนมารบกวนการฝึกฝนของถังหว่านเอ๋อ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นมาโดยเด็ดขาด

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาเบาๆ บรรยากาศอันน่าเกรงขามขุมหนึ่งกระเพื่อมออกมาเป็นสาย หลงเฉินและชิงยวูต่างก็รีบหันกลับไปมองถังหว่านเอ๋อด้วยความยินดีปรีดาอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพเบื้องหน้าของพวกเขาเป็นถังหว่านเอ๋อที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ รอบกายของนางมีสายลมหมุนวนไปมาอย่างแผ่วเบา อาภรณ์พลิ้วไหวไปตามกระแสลมจางๆ ดวงตาคู่งามทอประกายเจิดจ้าด้วยความยินดีไม่ต่างกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินสัมผัสได้ถึงพลังสภาวะอันแข็งแกร่งบนร่างกายของถังหว่านเอ๋อ อีกทั้งยังมีแรงกดดันอันรุนแรงโอบล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วนึกอยู่ในใจว่า

 

 

 

 

 

 

 

 

‘ประมาทไม่ได้แล้ว’

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset