เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 177 ไม่รักษาตัวเอง

“ไม่จำเป็น ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด” หลงเฉินส่ายหน้าแล้วตอบกลับออกไป ในขณะเดียวกันก็เข้าใจได้ในทันทีว่าศิษย์พี่ผู้นี้หมายที่จะทำสิ่งใด

 

 

 

 

 

 

 

 

“เจ้ควรเชื่อสายตาของข้า ข้าเห็นว่าร่างกายของเจ้านั้นมีบางอย่างอยู่ เจ้าต้องมีอาการบาดเจ็บอยู่แน่นอน อย่าได้ดื้อรั้นไปเลย ข้ามีนามว่าลู่ฉวน ไม่ใช่คนที่จะรักษาผู้อื่นสุ่มสี่สุ่มห้า” ลู่ฉวนกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

 

 

 

 

 

 

 

คำพูดอันเยือกเย็นของลู่ฉวนทำให้ผู้คนโดยรอบฉงนสงสัยขึ้นมาไม่น้อย โดยเฉพาะถังหว่านเอ๋อที่กำลังทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชายผู้นี้คิดจะรังแกผู้อื่นอยู่

 

 

 

 

 

 

 

 

“ศิษย์พี่ลู่ฉวน ศิษย์น้องไม่คิดว่าร่างกายของเขามีปัญหาอันใด พวกเราควรรีบทำภารกิจแล้วกลับกันได้แล้ว” แน่นอนว่าฉีเยวี่ยเองก็มองออกถึงความในใจของลู่ฉวนจึงกล่าวตัดบทขึ้นมาในทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไปว่า “หากเป็นไปตามประสบการณ์ของข้า ข้านั้นเข้ามาที่หมู่ตึกแห่งนี้ก่อนเจ้าหนึ่งเดือน

 

 

 

 

 

 

 

 

เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงควรเชื่อสายตาของศิษย์พี่เช่นข้าสิ ข้าเพียงหวังดีที่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเขา ทว่าเขากลับปฏิเสธอย่างไรเยื่อใยเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

ศิษย์น้อง อย่าได้ทำให้ศิษย์พี่ลำบากใจไปมากกว่านี้เลย หากข้าต้องใช้พลังฝีมือเพื่อสยบเจ้าอีกทางหนึ่งคงจะไม่ดีนัก”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจ้องมองไปที่แววตาของลู่ฉวน หากเขาไม่เข้าใจความในใจของชายหนุ่มผู้นี้ก็อย่างได้เรียกเขาว่าหลงเฉินเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

ตัวบัดซบผู้นี้กำลังคิดจะใช้ร่างกายของเขาแสดงฝีมือของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้อื่น มุ่งหมายที่จะสั่นคลอนจิตใจของถังหว่านเอ๋อ อีกทั้งยังเพื่อกอบกู้ใบหน้าแตกร้าวเมื่อครู่นี้ให้กลับคืนมาด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

“ทางที่ดี เจ้าอย่าได้กดดันข้า” หลงเฉินยืนกอดอก แล้วจ้องเขม็งไปที่ลู่ฉวนด้วยสายตาที่แสนจะเย็นชา

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องต่างก็แตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด หากหลงเฉินแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา มักจะเป็นเสมือนกับสัญญาณว่ามีเรื่องเลวร้ายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็เป็นโทสะที่กำลังพุ่งพล่านอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้

 

 

 

 

 

 

 

 

“ความหวาดกลัวที่จะเปิดเผยอาการบาดเจ็บออกมานั้นไม่ได้เรื่องที่น่ายินดีนัก เมื่อเจ้าเจ็บปวดก็ควรเข้ารับการรักษา อย่าปล่อยให้ลุกลามถึงขั้นเอาชีวิตเลย” ลู่ฉวนกล่าวพร้อมกับทอแววตาเย็นเยียบขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

“สมองของเจ้าเพี้ยนไปแล้วหรือ ถึงได้มาแสดงท่าทีโอหังให้ศิษย์น้องหวาดกลัว คิดจะสร้างภาพต่อหน้าสาวงามอย่างนั้นหรือ?

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าคงไม่เพียงแต่สมองที่ผิดเพี้ยนไปแล้ว แม้แต่สายตาก็ยังฝ้าฟางไปแล้วอีกด้วย หรือไม่ก็คงจะมืดบอดเสียสนิท ช่างน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่งยวด” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

 

 

 

 

 

 

 

“เจ้า! คิดจะยั่วบันดาลโทสะหามารดาของเจ้าหรือ? ” ลู่ฉวนด่าทอขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือออกมาไป

 

 

 

 

 

 

 

 

“หยุดมือ”

 

 

 

 

 

 

 

 

ฉีเยวี่ยตกใจขึ้นมายกใหญ่ หมายที่จะเข้าไปขัดขวาง ทว่ากลับถูกถังหว่านเอ๋อฉุดรั้งเอาไว้ “ปล่อยพวกเขาไปเถิด”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด นางจึงเชื่อฟังคำพูดของถังหว่านเอ๋อ อีกทั้งยังรู้สึกรังเกียจต่อลู่ฉวนผู้นี้ยิ่งนัก ถึงแม้ว่าชายผู้นี้จะเป็นศิษย์พี่ก็ตาม และภายในจิตใจก็สัมผัสได้ว่าหลงเฉินคงจะไม่อ่อนแอไปกว่าเขา อย่างน้อยก็คงจะไม่พลาดท่าเสียทีจนเกิดอันตราย

 

 

 

 

 

 

 

 

“คิดจะยั่วบันดาลโทสะหามารดาของเจ้าหรือ? ไม่เลย ข้าหมายที่จะยั่วโทสะของเจ้าก็เท่านั้น” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วแก้ไขถ้อยคำให้ถูกต้อง

 

 

 

 

 

 

 

 

“หาที่ตาย” ลู่ฉวนส่งเสียงดังขึ้นมา พลันก็มีเถาวัลย์สายหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่ใจกลางฝ่ามือ จากนั้นได้ฟาดเข้ามาที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมาพร้อมกับกวาดฝ่ามือข้างใหญ่ออกไปคว้าที่เถาวัลย์สายนั้น พลันก็ออกแรงดึงจนลู่ฉวนลอยละลิ่วขึ้นไปอย่างกลางอากาศในทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

“เพี๊ยะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นมาหลังจากที่ฝ่ามืออีกข้างของหลงเฉินตบไปที่ใบหน้าของลู่ฉวนอย่างรุนแรง ทำให้เงาร่างสายนั้นลอยกระเด็นออกไปไกล

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าเหล่าผู้ของศาลาการแพทย์กลับปากอ้าตาค้างด้วยความแตกตื่นตกใจไปตามๆ กัน

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าฉีเยวี่ยจะเป็นผู้นำเหล่าผู้รักษามาในครั้งนี้ และมีพลังฝีมือในการรักษาเยียวยาอยู่ในอันดับหนึ่งของกลุ่ม ทว่ากลับมีพลังการต่อสู้ไม่ต่ำกว่าลู่ฉวนหลายขั้นนัก

 

 

 

 

 

 

 

 

ฉะนั้นการมาเยือนในครั้งนี้ลู่ฉวนจึงเป็นเพียงลูกมือของฉีเยวี่ยจึงทำให้ภายในจิตใจของเขาเกิดความไม่พอใจขึ้นมา และมักจำชมชอบการเบ่งกล้ามต่อหน้าฉีเยวี่ยอยู่เป็นประจำ ฉีเยวี่ยเองก็ไม่อาจทำอันใดได้นอกจากอดกลั้นความรู้สึกรังเกียจเดียจฉันเอาไว้

 

 

 

 

 

 

 

 

หลายครั้งหลายคราวแล้วที่ลู่ฉวนทำให้ฉีเยวี่ยปวดเศียรเวียนเกล้าเพราะการกระทำของเขา ทำให้สถานะผู้นำของนางเกิดการสั่นคลอนไม่น้อย ทว่ายังโชคดีที่คนอื่นนั้นเข้าใจนางและยังคงสนับสนุนนางเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาต่างก็ไม่ชอบนิสัยของลู่ฉวน ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพลังยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุดแล้ว ทว่าในตอนนี้ยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นกลับถูกเด็กน้อยตบไปที่ใบหน้าอย่างหนักหน่วงจนต้องลอยกระเด็นออกไปไกลจึงทำให้พวกเขาตกใจเสียยกใหญ่

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่ลู่ฉวนลอยออกไปไกลหลายสิบเซียะก็ได้ค่อยๆ ร่อนลงสู่พื้นแล้วกระแทกอย่างรุนแรง จากนั้นก็กลิ้งเกลือกออกไปอีกหลายก้าวจึงค่อยหยุดลง ทันทีที่ดึงสติกลับมาได้เขาก็รีบยันตัวลุกขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยฝ่ามือประทับให้เห็นอย่างชัดเจน

 

 

 

 

 

 

 

 

บนใบหน้ารู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวปนกับความเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสาย แววตาดุร้ายกวาดมองไปยังผู้คนโดยรอบแล้วไปหยุดอยู่ที่หลงเฉิน

 

 

 

 

 

 

 

 

“หาที่ตาย!”

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนแผดเสียงคำรามขึ้นมา ใจกลางฝ่ามือปรากฏหอกไม้ด้ามหนึ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยอักขระแปลกประหลาดสลักเอาไว้ถี่ยิบ พลังทำลายมหาศาลไหลเวียนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนบรรยากาศโดยรอบเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ผู้คนที่จ้องมองอยู่ต่างก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาราวกับมีเข็มแหลมทิ่มแทงตามร่างกายอย่างไรอย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

หอกไม้หอบสายลมพวยพุ่งไปยังเบื้องหน้าด้วยพลังสภาวะที่ระเบิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ปลายหอกแทงไปทางหลงเฉินจนเกิดเสียงระเบิดตูมตามดังขึ้นมาไม่หยุด เสียงดังจนทำให้ผู้คนเจ็บปวดไปถึงแก้วหู

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน!”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ ใบหน้าอันงดงามซีดเผือดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทว่าทันทีที่ปลายหอกแทงเข้าไปที่ร่างของหลงเฉินแล้ว จู่จู่เงาร่างนั้นก็ได้ลับหายไปในทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

“เงาทับซ้อนหรือ?”

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนมองไปยังอากาศที่เคยมีหลงเฉินอยู่ด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหวร่างกายอยู่นั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

“เพี๊ยะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียงดังอันคุ้นเคยก็สนั่นหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง มือข้างใหญ่ตบเข้ามาที่ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาลจนไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้

 

 

 

 

 

 

 

 

จึงต้องลอยละล่องกลับไปยังจุดเดิมที่เคยกระเด็นออกไปในครั้งแรก อีกทั้งยังตกอยู่ในสภาพเฉกเช่นเดียวกัน ทว่าในครั้งนี้กลับกระเด็นออกไปไกลเสียยิ่งกว่าเดิม

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

แผ่นหลังของลู่ฉวนกระแทกเข้ากับกำแพงศิลาอย่างรุนแรง เสียงระเบิดดังสนั่นจนทำให้ผู้คนทั้งหมดต่างก็ขนลุกชันขึ้นมาตามๆ กัน ช่างเป็นแรงกระแทกที่รุนแรงมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

“พรวด”

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งพร้อมกับมีฟันหลายซี่พุ่งออกมาพร้อมกับโลหิตสายนั้นด้วย ภาพที่เกิดขึ้นมานั้นทำให้ผู้คนต่างก็ยกมือป้องปากราวกับเจ็บปวดไปตามไรฟันของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ดวงตาทุกคู่จดจ้องไปที่หลงเฉินประดุจมองเห็นสัตว์ประหลาดแสนดุร้ายตัวหนึ่ง นี่เป็นศิษย์น้องที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ภายในหมู่ตึกแห่งนี้อย่างนั้นหรือ? ความแข็งแกร่งเช่นนี้แทบจะไม่ต่างอันใดไปจากการรังแกเด็กน้อยเสียด้วยซ้ำไป

 

 

 

 

 

 

 

 

“พี่ใหญ่แข็งแกร่งยิ่งนัก”

 

 

 

 

 

 

 

 

กัวเหรินส่งเสียงชมเชยขึ้นมาหลังจากที่ดึงสติกลับคืนมาได้ ในที่สุดก็สบโอกาสอันดีที่จะร้องเรียกหลงเฉินขึ้นมาในท่ามกลางฝูงชนเช่นนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้นมา บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับเอาไว้จนเกิดความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบทั้งสองข้าง อีกทั้งยังบวมเป่งขึ้นมาจนคล้ายกับสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจ

 

 

 

 

 

 

 

 

“เจ้าคิดที่จะแสดงพลังการต่อสู้อันสูงส่งให้เป็นที่ประจักษ์ไม่ใช่หรือ? คิดที่จะแสดงฝีมือในการรักษาอันล้ำลึกด้วยไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เจ้ามีโอกาสแล้วนี่” หลงเฉินจ้องไปที่ลู่ฉวนพร้อมกับกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กัวเหรินและผู้คนทั้งหมดต่างก็เข้าใจขึ้นมาอย่างถ่องแท้ เจ้าหนูผู้นี้คิดจะใช้หลงเฉินเป็นหนูทดลองเพื่อแสดงความสามารถของตัวเองให้ผู้คนได้ประจักษ์แก่สายตานั่นเอง จึงนึกไปถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เขาพยายามจะทำการรักษาให้ถังหว่านเอ๋อ

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่ามีผู้คนอีกตั้งมากมายให้เจ้าเลือก แม้จะสุ่มเลือกก็ย่อมได้แล้ว ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นหลงเฉินให้ได้ นี่ไม่ต่างไปจากการดูแคลนหรืออย่างไรกัน?

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้วยพลังการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวของหลงเฉินที่เรียกได้ว่าอยู่เหนือเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งปวง แม้แต่ผู้อาวุโสยังต้องแตกตื่นตกใจขึ้นมา นี่เจ้าจงใจหาเรื่องเองนะ!

 

 

 

 

 

 

 

 

หรือเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างถังหว่านเอ๋อกับหลงเฉินนั้นน่าอิจฉาริษยา เจ้าจึงคิดที่จะใช้หลงเฉินเป็นเหยื่อเพื่อหมายจะทำให้ถังหว่านเอ๋อประทับใจ เช่นนั้นก็แน่นอนว่าหลงเฉินกล่าวถูกต้องที่ว่าสมองของเจ้าคงจะเพี้ยนไปแล้ว อีกทั้งยังมีสายตาที่ฝ้าฟางหรือไม่ก็มืดบอด

 

 

 

 

 

 

 

 

“เหวยเหวยเหวย รอนานเกินไปแล้ว เจ้ายังจะแสดงฤทธิ์เดชอยู่อีกหรือไม่ จะใช้รักษาตัวเองหรือ? หรือว่าเจ้าไม่อาจแสดงพลังออกมาได้กันแน่?” หลงเฉินกล่าวเย้นหยันขึ้นมาด้วยความรำคาญใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

“คุกร้อยหวาย”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นลู่ฉวนก็แผดเสียงร้องขึ้นมา ใจกลางฝ่ามือทั้งสองข้างก็ได้มีเถาวัลย์พุ่งออกมามากมายนับไม่ถ้วนประดุจอสรพิษนับร้อยเลื้อยออกมาพร้อมทั้งมุ่งหน้าไปที่หลงเฉินด้วยความเร็วไร้ที่เปรียบ

 

 

 

 

 

 

 

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหันจนผู้คนมากมายยังไม่มีปฏิกิริยากลับคืนมา หลงเฉินก็ถูกเถาวัลย์นับร้อยพันรอบตัวอย่างหนาแน่นหลงเหลือเพียงแค่ศีรษะที่โผล่ขึ้นมาให้เห็น

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาไม่น้อย พวกเขายังไม่เคยพบวิธีการโจมตีที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลย อีกทั้งยังเป็นการโจมตีของผู้ฝึกวิชาธาตุไม้ ดวงตาทุกคู่จึงได้แต่มองไปที่สองมือของลู่ฉวนด้วยอาการตกตะลึง

 

 

 

 

 

 

 

 

เถาวัลย์เหล่านั้นคล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของกายเนื้อของลู่ฉวนอย่างไรอย่างนั้น เช่นนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นพลังอันมหาศาลอีกชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้คนเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาภายในจิตใจอย่างเต็มเปี่ยมได้

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตอนนี้เจ้าคงจะหุบปากไปได้แล้วล่ะ เจ้าตัวบัดซบเอ๋ย”

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนจ้องเขม็งไปที่หลงเฉินด้วยดวงตาอันเย็นเยียบ เถาวัลย์ที่ออกมาจากใจกลางมือทั้งสองข้างเริ่มรัดร่างกายของหลงเฉินแน่นขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับหมายที่จะรัดจนหลงเฉินตายตกไป ยิ่งแน่นก็ยิ่งทำให้เขาหายใจได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินเหลือบสายตามองไปที่เถาวัลย์รอยกายแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “เพราะเหตุใดข้าต้องหุบปากด้วย ข้าไม่ได้ฟันหลุดเหมือนเจ้าสักหน่อย จึงไม่ได้มีแต่ลมเล็ดลอดผ่านรูโหว่ออกมา”

 

 

 

 

 

 

 

 

เหล่าผู้คนของศาลาการแพทย์ต่างก็ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง แม้ว่าจะถูกจับกุมเอาไว้จนไม่อาจหลุดพ้นออกมาได้ กระนั้นเขายังมีฝีปากโต้กลับไปได้เจ็บแสบอย่างไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เกรงกลัวว่าจะถูกกลืนกินลงไปอย่างนั้นหรือ?

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่ถังหว่านเอ๋อเห็นหลงเฉินถูกจับตัวเอาไว้จนอยู่หมัดจึงอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าทันทีที่ห้วงความคิดนึกย้อนถึงเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้ ความกังวลใจก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงไป อีกทั้งยังส่งเสียงหัวเราะคิกคักแล้วมองไปที่เจ้าตัวบัดซบผู้นั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

“ปากแข็ง เหอะ เช่นนั้นข้าก็ขอดูเสียหน่อยว่าเจ้าจะปากแข็งไปได้นานอีกเพียงใดกัน!” ลู่ฉวนส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วรวบรวมพลังทั้งหมดเข้าควบคุมเถาวัลย์จนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมาไม่หยุด ที่ปลายสายกำลังเข้าสู่การรัดกุมที่หนาแน่นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าหลงเฉินกลับยังคงมีสีหน้าราบเรียบประดุจเดิม อีกทั้งยังมีดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันกำลังจ้องมองไปที่ลู่ฉวน ไม่กล่าววาจาใดออกมาแม้แต่คำเดียว คล้ายกับกำลังชมละครลิงอยู่อย่างไรอย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อจดจ้องไปที่ใบหน้าของหลงเฉิน ลู่ฉวนก็เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรุนแรง รอยฝ่ามือที่อยู่บนแก้มทั้งสองข้างเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าไม่เชื่อว่ามันจะไม่ทำอันใดต่อเจ้าได้”

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนแผดเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด ตลอดทั่วทั้งร่างก็ได้ระเบิดพลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พลังลมปราณทั้งหมดไหลเข้าเส้นเถาวัลย์เหล่านั้นเป็นระลอก ผ่านไปเพียงพริบตาเดียวก็พบว่าเถาวัลย์เหล่านั้นขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนทอดวงตาแตกตื่นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะเถาวัลย์เหล่านั้นถูกใช้ด้วยพลังทั้งหมดที่มีอีกทั้งยังเรียกได้ว่าแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้า

 

 

 

 

 

 

 

 

เช่นนั้นกายเนื้อของผู้คนย่อมต้องถูกรัดกุมจนเปลี่ยนรูปไปตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าหลงเฉินในขณะนี้กลับยังคงมีสีหน้าราบเรียบ หากไม่ใช่เพราะว่ามีกายเนื้อที่แข็งแรงแล้วก็คงจะไม่อาจหาคำอธิบายใดมาใช้ได้

 

 

 

 

 

 

 

 

“คงเล่นสนุกมามากพอแล้ว เจ้าเก็บท่อนฟืนเหล่านี้กลับไปได้แล้วกระมัง?” หลงเฉินหรี่ดวงตาลงแล้วกล่าวขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

ลู่ฉวนจึงค่อยมีปฏิกิริยากลับคืนมา พลันก็รีบเก็บอาการแตกตื่นตกใจกลับไป แล้วตอบกลับไปว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่อาจต่อสู้กับเจ้าได้แล้วอย่างนั้นหรือ? ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะทำให้ใบหน้าของเจ้าเละเทะไม่เป็นท่าให้ดู!”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันทีที่กล่าวจบ ลู่ฉวนก็เรียกเถาวัลย์ที่มีความหนาเท่าหัวแม่มือขึ้นมาเส้นหนึ่ง หลังจากที่เถาวัลย์ปรากฏขึ้นมาก็ได้ถูกยกสูงประดุจแส้ยาวที่ถูกควบคุมเอาไว้ ฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset