ผู้ที่มาเยือนนั้นเป็นกลุ่มคนกว่ายี่สิบชีวิต มีทั้งชายและหญิงปะปนกันไป คนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดเป็นหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปีเห็นจะได้ นางสวมอาภรณ์ยาวสีเขียว ใบหน้าเต็มไปด้วยสภาวะที่นิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง
หลงเฉินและพวกพ้องเดินออกมาจากถ้ำที่พักด้วยใบหน้าที่ฉงนสงสัยอย่างถึงที่สุด เหตุใดถึงมีคนมากมายปรากฏตัวโดยไม่ให้ซุ่มเสียงเลยเล่า?
หญิงสาวผู้นั้นกวาดสายตามองมาที่ยอดฝีมือทั้งสามคน แล้วถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ผู้ใดคือศิษย์สายตรงในปีนี้กัน?”
ถังหว่านเอ๋อก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างรีบร้อนแล้วตอบกลับออกไป “เป็นผู้น้องเอง”
หญิงสาวผู้นั้นมองถังหว่านเอ๋อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “น้องหญิงช่างงดงามประดุจนางเซียนลงมาจุติ เมื่อผนวกกับพรสวรรค์ที่สูงล้ำแล้วช่างน่าชื่นชมเป็นยิ่งนัก”
“ขอบคุณ ขอเรียนถาม เจี่ยเจี่ยและผู้คนเหล่านี้คือ……” ถังหว่านเอ๋อลังเลที่จะถามออกไป
“ออ ขอโทษด้วย ข้าลืมแนะนำตัวไป พวกเราคือผู้มารายงานตัวรุ่นก่อน หรือก็คือศิษย์พี่ของพวกเจ้านั่นเอง ข้ามีนามว่าฉีเยวี่ย หรือเรียกข้าว่าศิษย์พี่ฉีเยวี่ย
ทว่าพวกเรากลับมีหน้าที่ต่างจากศิษย์พี่ที่พวกเจ้าได้พบเจอมาก่อนหน้านี้ พวกเราทั้งหมดมาจากศาลาการแพทย์ มาเพื่อตรวจสอบร่างกายของพวกเจ้า” ฉีเยวี่ยกล่าว
หลงเฉินและพวกพ้องพยักหน้ารับในทันที เมื่อครู่นี้ผู้อาวุโสก็ได้บอกกล่าวเอาไว้แล้วว่าอีกสักครู่จะมีผู้รักษาเข้ามาช่วยทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับพวกเขา
ถึงแม้ว่าพวกเขาต่างก็ใช้โอสถปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บกันไปแล้ว ทว่าก็เป็นเพียงการช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเท่านั้น หากจะทำให้ร่างกายฟื้นคืนกลับมาดังเดิม เกรงว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนเห็นจะได้
เนื่องจากการทดสอบครั้งสุดท้ายนี้เป็นการต่อสู้เป็นตาย จึงไม่มีผู้ใดออมแรงเอาไว้ได้แม้แต่น้อย ต่างก็เค้นพลังที่มีออกมาจนหมดสิ้นเพื่อให้ผ่านด่านไปได้ นอกเสียจากหลงเฉินแล้ว โดยมากก็มักจะได้รับบาดเจ็บกันไปทั้งหมด เพียงแต่จะหนักหรือเบาก็เท่านั้น
“รวมขุมกำลังของเจ้ามาที่นี่เถิด ไปที่หน้าถ้ำแล้วเจ้าจะพบกับลูกแก้วศิลา เจ้าสามารถกดมันเบาๆ แล้วทางด้านล่างก็จะได้รับเสียงสัญญาณแจ้งเตือนเอง” ฉีเยวี่ยกล่าว
ถังหว่านเอ๋อรีบเร่งไปที่ลูกแก้วศิลาแล้วแตะฝ่ามือลงไปที่ด้านบนของลูกแก้วเบาๆ ทันใดนั้นลูกแก้วก็ได้เกิดการสั่นไหวไปมาเล็กน้อย จากนั้นก็ทอประกายแสงสีแดงขึ้นมาวูบหนึ่ง หลังจากที่แสงมอดดับลงไป ที่ไหล่เขาด้านล่างก็คล้ายกับเป็นหม้อไฟที่กำลังร้อนระอุขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น แล้วผู้คนทั้งหมดก็มุ่งหน้าขึ้นมา
หลังจากที่ขุมกำลังทั้งหมดขึ้นมาถึงปากทางเข้าถ้ำศิษย์สายตรงแล้ว ถังหว่านเอ๋อก็เริ่มอธิบายถึงการมาเยือนของเหล่าผู้รักษาให้ทุกคนเข้าใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นภายในจิตใจของเหล่าผู้คนต่างก็บังเกิดความยินดีขึ้นมาอย่างท่วมท้น
หลงเฉินรู้สึกประหลาดใจปนสงสัยเล็กน้อย ศาลาการแพทย์ของหมู่ตึกแห่งนี้มีหน้าที่กระทำการอันใดกัน? คงจะไม่เหมือนกับจักรวรรดิเฟิงหมิงที่ทำการเจาะโลหิตของผู้คนหรอกกระมัง?
“พวกเจ้าเรียงแถวแล้วเข้ามาทีละคน”
คนแรกที่เข้าไปนั้นเป็นศิษย์สายนอก ใบหน้าของเขาขาวซีดเพราะได้รับบาดเจ็บถึงอวัยวะภายในอย่างรุนแรง แม้ว่าจะใช้โอสถไปส่วนหนึ่งแล้ว ทว่าก็ยังไม่อาจทำให้บาดแผลสมานกันได้
เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของศิษย์พี่ผู้หนึ่ง นางยื่นมืออันขาวผ่องออกมาแตะที่กลางหน้าอกของชายหนุ่มเบาๆ ทันใดนั้นหลงเฉินก็สัมผัสได้ถึงขุมพลังอันบริสุทธิ์และแกร่งกล้าได้ไหลเวียนขึ้นมามหาศาล
แล้วภายในจิตใจของหลงเฉินก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา พลังอันบริสุทธิ์ขุมนี้คล้ายกับพลังที่ฉู่เหยาใช้แสดงพลังของธาตุไม้ขึ้นมาในครั้งนั้น จนสามารถทำให้ดอกไม้เบ่งบานขึ้นมาได้
หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าไปมาแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “เส้นลมปราณทั้งห้าสายของเจ้านั้นได้รับผลกระทบมากจนเกินไป มีบางส่วนเกิดการฉีกขาดอย่างรุนแรง เจ้าคงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเลยใช่หรือไม่”
ทันทีที่ศิษย์พี่กล่าวจบ ผู้คนมากมายต่างก็ได้ทอแววตาเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมา บริเวณใจกลางฝ่ามือของหญิงสาวผู้นั้นมีขุมพลังอันแสนอบอุ่นพาดผ่านไปตามเส้นโลหิตเข้าห่อหุ้มไปทั่วทั้งร่างกายของาชายหนุ่ม จากนั้นพลังอันบริสุทธิ์อันแรงกล้าก็ได้ซึมซาบเข้าไปภายในร่างกายของชายหนุ่มผู้นั้นในทันที
จากใบหน้าที่ขาวซีดก็ได้กลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อ แม้แต่เส้นโลหิตที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็กลับคืนสู่สภาวะปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เป็นพลังฝีมือที่แปลกตาเป็นอย่างยิ่ง”
หลงเฉินทอสีหน้าแตกตื่นไปที่หญิงสาวผู้นั้น ภายในห้วงสมองก็เกิดความคิดขึ้นมาว่ามีบุคคลแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่ใต้โลกหล้าแห่งนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โอสถรักษาแล้ว
ฉีเยวี่ยปรายตามองไปยังใบหน้าที่แตกตื่นของเหล่าผู้คน แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “พวกเราเป็นศิษย์ของศาลาการแพทย์ ภายในร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังปราณบริสุทธิ์ของธาตุไม้ หรือที่เรียกกันว่าผู้ฝึกพลังธาตุไม้
พลังปราณของธาตุไม้ที่คงภายในนั้นจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของผู้คนได้เป็นอย่างดี ทว่าก็ไม่ถึงกับเป็นพลังความสามารถที่เย้ยฟ้าอย่างที่พวกเจ้ากำลังคิดกันไปใหญ่โต เพราะพลังลมปราณของพวกเรานั้นมีอยู่อย่างจำกัดจึงไม่สามารถทำการรักษาให้ทุกคนได้ แม้ว่าจะเป็นพลังที่แทนจะพิสดารในสายตาของพวกเจ้าก็ตามที”
เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าเช่นนั้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างก็เข้าใจกันมากขึ้น ทว่าภายในจิตใจของพวกเขาก็ยังเห็นว่าสิ่งนี้เป็นพลังที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นสิ่งลี้ลับที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน หากไม่ได้เป็นศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ก็คงจะไม่ทราบว่ามีการคงอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์เช่นนี้ด้วย
“ขอขอบคุณในความกรุณาของศิษย์พี่เป็นอย่างยิ่ง”
ชายหนุ่มผู้นั้นรีบโค้งคำนับอย่างมีมารยาทออกมาในทันที ความรู้สึกในตอนนี้ราวกับว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนเลยก็ว่าได้ แม้แต่เส้นโลหิตที่เคยตีบตันก็สามารถไหลเวียนได้อย่างปกติ พลังภายในร่างกายก็กลับคืนสู่สภาวะปกติจนทำให้เขารู้สึกขอบคุณหญิงสาวผู้นี้อย่างถึงที่สุด
จากนั้นผู้คนที่เหลือก็แยกย้ายกันไปเข้ารับการรักษาต่อ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการรักษาเช่นนี้ช่างน่าประหลาดมากจนเกินไปแล้ว อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดีเสียยิ่งกว่าการโอสถนับร้อยพัน
ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บภายในหรือแม้กระทั่งภายนอก พลังลมปราณของหญิงสาวผู้นั้นก็สามารถที่ทำให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาได้หลายส่วน ให้ความรู้สึกดีเสียยิ่งกว่าการใช้โอสถปราณเสียด้วยซ้ำไป
หลังจากที่หญิงสาวผู้นั้นทำการรักษาผู้คนไปแล้วกว่ายี่สิบคน นางก็ได้ผลัดเปลี่ยนกับพวกพ้องคนอื่นให้เข้ามารับหน้าที่ต่อ อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกพลังธาตุไม้เช่นเดียวกันด้วย
เมื่อสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง หลงเฉินก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าการรักษาด้วยวิธีการเช่นนี้ย่อมทำให้พวกเขาสูญเสียพลังลมปราณไปไม่น้อยเลยทีเดียว เช่นนั้นจึงได้ขนกองกำลังมามากมายถึงเพียงนี้
“ศิษย์น้อง เจ้ามีใบหน้าซีดเผือดจนเกินไปแล้ว เส้นโลหิตของเจ้าคงจะได้รับผลกระทบอย่างหนักเลยสินะ มาให้ข้าช่วยรักษาให้เจ้าเถิด” ชายหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาราวกับมีน้ำใจอย่างถึงที่สุด บนใบหน้าแอบแฝงด้วยรอยยิ้มเลศนัย
ถังหว่านเอ๋อมองไปที่ศิษย์พี่ผู้นั้นแล้วส่ายหน้าไปมา “ขอขอบคุณในความหวังดีของศิษย์พี่ ข้าอยากให้ศิษย์พี่ฉีเยวี่ยช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของข้ามากกว่า”
ศิษย์พี่ผู้นั้นขมวดคิ้วขึ้นมา ภายในดวงตาปรากฏความไม่พอใจเล็กน้อง การถูกผู้คนปฏิเสธอย่างไรเยื่อใยเช่นนี้ทำให้จิตใจของเขาไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็ยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อปรารถนาเช่นนั้นก็ย่อมได้ พลังฝีมือในการรักษาของศิษย์น้องฉีเยวี่ยถือได้ว่าสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง”
ทว่าหลงเฉินที่ยืนอยู่ข้างกายของถังหว่านเอ๋อกลับฟังออกได้อย่างชัดเจนว่าชายผู้นี้ได้ไม่ชมเชยฉีเยวี่ยอย่างแท้จริง เพียงแต่กำลังบอกเป็นความนัยว่าเขานั้นเป็นถึงศิษย์พี่ของฉีเยวี่ยนั่นเอง
ถังหว่านเอ๋อพยักหน้ารับแล้วเดินจากมา พลันก็ได้มุ่งหน้าที่ที่ฉีเยวี่ยแล้วกล่าวออกไปว่า “ขอรบกวนศิษย์พี่ฉีเยวี่ยช่วยรักษาศิษย์น้องด้วย”
ถังหว่านเอ๋อนั้นได้ผ่านพ้นการต่อสู้ครั้งใหญ่มาถึงสองครั้งด้วยกัน ฉะนั้นร่างกายของนางจึงอยู่ในสภาวะที่อ่อนแออย่างถึงที่สุด ภายในจิตใจของนางจึงอยากจะลองสัมผัสดูว่าวิชาธาตุไม้นั้นมีความพิสดารมากถึงเพียงใดกัน
ฉีเยวี่ยฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นมือขวามาแตะที่ไหล่ของถังหว่านเอ๋อเบาๆ พลันก็ค่อยๆ ไหลเวียนพลังลมปราณอันบริสุทธิ์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“เจ้า……เจ้าปลุกพลังของต้นตระกูลให้ตื่นขึ้นมาได้แล้วอย่างนั้นหรือ?” ฉีเยวี่ยทอสีหน้าแตกตื่นในทันทีที่ไหลเวียนพลังลมปราณเข้าไป
ถังหว่านเอ๋อพยักหน้ารับ แล้วแอบส่งสายตาไปที่หลงเฉินด้วยความปิติยินดีอย่างยิ่งยวด การที่นางสามารถปลุกพลังของต้นตระกูลขึ้นมาได้นั้นเป็นเพราะหลงเฉินมีส่วนช่วยเหลืออยู่ไม่น้อยเลย
ก่อนหน้าที่จะเข้ามายังหมู่ตึกพลิกสวรรค์แห่งนี้ ทางตระกูลของนางก็ได้สร้างแรงกดดันขึ้นมามากกมาย ทว่าแม้จะตกอยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายอยู่หลายครั้ง นางก็ยังไม่อาจปลุกพลังของต้นตระกูลให้ตื่นจากการหลับใหลได้เลย
ทว่าในช่วงเวลาที่กำลังต่อสู้ในครั้งนี้ นางและเยี่ยจื่อชิวต่างก็สามารถปลุกพลังของต้นตระกูลขึ้นมาได้ ฉะนั้นภายในเส้นโลหิตของพวกนางจึงมีรอยประทับของความบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม สิ่งนี้จึงทำให้จิตใจของพวกนางเกิดอาการลิงโลดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“น้องหญิงช่างร้ายกาจยิ่งนัก”
ฉีเยวี่ยกล่าวชื่นชมขึ้นมาจากใจจริง พร้อมกับถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกายของถังหว่านเอ๋ออีกครั้ง พลังลมปราณของฉีเยวี่ยกลายเป็นพลังชีวิตอันแข็งแกร่งจนทำให้ถังหว่านเอ๋อรู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่างกายในทันที
อีกทั้งยังรับรู้ได้ว่าอาการบาดเจ็บภายในกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง พลังลมปราณของฉีเยวี่ยที่ไหลเวียนไปมาราวกับเป็นกระแสน้ำอุ่นไหลหลากไปมาไม่หยุด จนถังหว่านเอ๋อสามารถจับความรู้สึกของการไหลเวียนไปได้ทุกหยด แม้กระทั่งบาดแผลแทรกซ้อนที่สาหัสก็ยังถูกพลังลมปราณขุมใหญ่เข้าสมานจนไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอย
ทว่าอาการบาดเจ็บของถังหว่านเอ๋อนั้นกลับแตกต่างจากผู้คนโดยส่วนมาก ยิ่งไหลเวียนพลังเข้าไปก็ยิ่งพบว่าภายในร่างกายของถังหว่านเอ๋อนั้นมีอาการบาดเจ็บซ่อนเร้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ฉีเยวี่ยถ่ายเทพลังลมปราณเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ฉีเยวี่ยกำลังไหลเวียนด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ออกไปนั้น ที่ใจกลางฝ่ามืออันขาวผ่องของนางก็มีประกายแสงอันคมกล้าบังเกิดขึ้นมา บนร่างกายของหญิงสาวทั้งสองนางก็คลายกับมีขุมพลังอันเข้มข้นระอุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
เดิมทีแล้วความงดงามของถังหว่านเอ๋อก็สามารถล้มเมืองทลายด่านได้อยู่แล้ว ทว่าในตอนนี้ได้มีประกายแสงทอสว่างขึ้นมาหนุนเสริมจึงยิ่งทำให้นางคล้ายกับเป็นนางเซียนที่ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางกองเพลิงอย่างไรอย่างนั้น
ชายหนุ่มที่เอ่ยปากว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้กับถังหว่านเอ๋อก็ได้ทอแววตาเป็นประกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหลงใหล ให้ความรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดที่จะสามารถต้านทานความงดงามของนางได้อีกแล้ว
หลงเฉินปรายสายตาไปมองยังใบหน้าของชายหนุ่มเหล่านั้นทีละคน การแสดงในตอนนี้ไม่ต่างอันใดไปจากการเผยความสง่างามท่ามกลางฝูงไก่ตัวผู้ด้วยการใช้เส้นขนอันเงางามของตัวเองเท่านั้น สิ่งนี้ก็สามารถดึงดูดผู้คนได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
หากพวกเจ้าภูมิใจจริงก็จงภูมิใจให้เต็มที่ในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นใบหน้าที่คล้ายกับตือโป้ยก่ายของพวกเจ้าในตอนนี้ ช่างเป็นการเสแสร้งที่น่าชิงชังอย่างไร้ที่เปรียบเสียจริงเชียว
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดหลงเฉินถึงได้รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเมื่อมองไปยังเหล่าชายหนุ่มกลุ่มนั้น ทว่าหลงเฉินก็ไม่อยากจะเป็นตัวโง่งมไปท้าทายต่อคนเหล่านั้น ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็มาเพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้ผู้คน
การรักษาอาการบาดเจ็บของถังหว่านเอ๋อนั้นใช้เวลานานกว่าผู้อื่นหลายเท่าตัว จนผู้คนอื่นต่างก็เข้ารับการรักษาไปจนเกือบจะครบทุกคนแล้ว
ทันใดนั้นหญิงสาวนางหนึ่งก็ใคร่ขอเข้ามารักษาอาการบาดเจ็บให้กับหลงเฉิน ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะปฏิเสธออกไปเพราะทราบดีอยู่แล้วว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บ และเกรงว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ถึงเส้นลมปราณภายในร่างกายของเขา ว่าภายในจุดตันเถียนไม่มีเส้นรากปราณ หากถูกเปิดเผยออกไปคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะเขาไม่ชมชอบที่จะให้ผู้คนนินทาลับหลัง
จู่จู่ศิษย์พี่ผู้นั้นก็คล้ายกับถูกขัดขวางเอาไว้เสียก่อน หลงเฉินฉงนสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย บนใบหน้าของศิษย์พี่ผู้นั้นจ้องมองมาที่เขาอย่างเย็นชา อีกทั้งยังไม่กล่าวอธิบายใดใดออกมาทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าภายในจิตใจของหลงเฉินจะเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมาไม่น้อย ทว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว พลันก็ได้เบยสายตากลับไปมองที่ถังหว่านเอ๋ออีกครั้งหนึ่ง
“ซูม”
ฉีเยวี่ยถอนหายใจออกมาเสียยืดยาวแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “สมกับเป็นศิษย์สายตรงที่มีพลังของต้นตระกูล การรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าทำให้ข้าหมดสิ้นพลังลมปราณไปที่มากกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว”
เหล่าศิษย์จากศาลาการแพทย์ที่ติดตามฉีเยวี่ยมานั้นต่างก็ทอสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าฉีเยวี่ยนั้นถือเป็นผู้ฝึกพลังธาตุไม้ชั้นแนวหน้าในกลุ่มของพวกเขา นอกเสียจากศิษย์พี่ผู้นั้นแล้วก็มีนางที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว
อีกทั้งยังเป็นการรักษาศิษย์สายตรงที่มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตผู้เดียวเท่านั้น ถึงกับทำให้นางต้องสูญเสียพลังลมปราณไปมากกว่าครึ่งได้ ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ดูเหมือนว่านางเซียนผู้นี้จะต้องเป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งแน่นอน
“เจี่ยเจี่ยคงจะลำบากเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นท่านโปรดรอสักครู่”
ถังหว่านเอ๋อรู้สึกว่าร่างกายของนางกระปี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างถึงที่สุด อาการบาดเจ็บภายในคล้ายกับว่าไม่หลงเหลือเลยแม้แต่น้อย จึงอดไม่ได้ที่เกิดความรู้สึกขอบคุณต่อฉีเยวี่ยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกล่าวจบนางก็เร่งฝีเท้าย้อนกลับไปที่ถ้ำที่พักในทันที จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับผลึกแห่งราชินีผึ้งหยกชามหนึ่ง
“เหอะเหอะ น้องหญิงช่างเข้าใจการเอาอกเอาใจผู้คนยิ่งนัก ขอบคุณเจ้ามาก เอ๊ะ……นี่คือน้ำผึ้งของราชินีผึ้งหยกอย่างนั้นหรือ? ไม่ น้ำผึ้งของราชินีผึ้งหยกจะไม่สดใสถึงเพียงนี้ อย่าบอกนะว่านี่คือ……ผลึกแห่งราชินีผึ้งหยก?” ฉีเยวี่ยจ้องมองไปที่ถังหว่านเอ๋อด้วยสีหน้าแตกตื่น เห็นได้ชัดว่าในมือของนางเป็นสมบัติอันล้ำค่าของทางหมู่ตึก
ถังหว่านเอ๋อยิ้มน้อยๆ แล้วตอบกลับไปว่า “ศิษย์น้องแค่โชคดีเท่านั้น สามารถขโมยมาได้เพียงชิ้นเดียว เจี่ยเจี่ยรีบดื่มเถิด”
หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมา นี่เป็นการใช้สิ่งของเพื่อมัดใจผู้คนอย่างเห็นได้ชัดเจนเลย นังหนูผู้นี้ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไปแล้ว
“ศิษย์น้อง ข้าคิดว่าร่างกายของเจ้าไม่สู้ดีนัก มาให้ข้าตรวจสอบดูเสียหน่อยเถิด โดยปกติแล้วข้าไม่ยินยอมที่จะรักษาผู้ใดง่ายๆ หรอกนะ” คนผู้หนึ่งส่งยิ้มให้หลงเฉินพร้อมกับเดินเข้ามาประจันหน้า