ไม่เพียงแต่หลงเฉินที่ได้กลิ่นอันหอมหวนชวนหลงใหล ยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดทั้งห้าคนนั้นก็ได้กลิ่นเช่นเดียวกัน พลังกดดันโดยรอบปะทุขึ้นมาอย่างเดือดพล่านยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้หลายเท่าตัว
หลงเฉินที่กำลังเผชิญหน้ากับชีซิ่งอยู่นั้น จู่จู่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นอักขระประหลาดสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่หว่างคิ้วของชีซิ่ง
พลันดาบวารียักษ์ที่อยู่ในมือของเขาก็เคลื่อนไหวไปมาเล็กน้อยประดุจมีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น เสียงแตกกระเซ็นดังขึ้นมาเป็นสายเข้าจู่โจมมาที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว
“ตูม!”
ดาบวารียักษ์ในมือของชีซิ่งฟาดลงมาที่หลงเฉินอย่างหนักหน่วงประดุจกำลังเผชิญหน้ากับขุนเขาลูกใหญ่ หลงเฉินที่ตระเตรียมการป้องกันไม่ทันก็ได้ถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปในทันที
ชีซิ่งทอสีหน้าเย้ยหยันขึ้นมา ไม่คิดแม้แต่จะมองไปที่หลงเฉินแม้แต่ครู่เดียว เพียงแต่รีบพุ่งทะยานร่างไปที่ถ้ำภูเขาอย่างฉับพลัน
เมื่อเห็นสีหน้าของชีซิ่งแล้วหลงเฉินก็ทราบได้ทันทีว่าเขาได้ติดกับยอดฝีมือผู้นั้นเข้าแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือคนอื่นเองก็ติดกับไปด้วยเช่นเดียวกัน
ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าที่ชีซิ่งเกรี้ยวกราดขึ้นมานั้นเป็นการแสร้งทำหรือเป็นความรู้สึกที่แท้จริง ทว่าเขากลับไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะอันชาญฉลาดไปอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีการคาดเดาเหตุการณ์เอาไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบไปอีกขั้นหนึ่ง
เขาจงใจทำให้ตัวเองดูบ้าคลั่งเพื่อเข้าท้าสู้กับหลงเฉิน เพราะว่าตำแหน่งที่หลงเฉินยืนอยู่นั้นใกล้กับปากถ้ำภูเขามากที่สุด เมื่อพบว่าผลปราณลี้ลับสุกงอมจนได้ที่แล้ว เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้
หลังจากที่หลงเฉินมีปฏิกิริยาคืนกลับมาได้แล้ว เท้าข้างหนึ่งก็ก้าวออกไปด้านหน้าประดุจลูกศรออกจากคันธนูพุ่งเข้าไปหาชีซิ่ง ทว่าชีซิ่งนั้นเคลื่อนไหวนำหน้าไปไกลมากแล้ว แม้จะทุ่มความเร็วอย่างไม่คิดชีวิตก็ไม่อาจไล่ตามได้ทันอยู่ดี
“คมวายุผ่าจันทรา”
เสียงเจื้อยแจ้วที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากอีกฟากหนึ่งพร้อมกับคมวายุขนาดใหญ่ฟาดฟันตามหลังชีซิ่งไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ผลปราณลี้ลับได้สุกงอมแล้ว ยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดคนอื่นต่างก็ห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน พวกเขาเองก็ได้หอบสายลมพวยพุ่งไปที่ถ้ำภูเขาแห่งนั้นด้วย
เมื่อถังหว่านเอ๋อเห็นว่าชีซิ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังปากทางเข้าถ้ำจึงรีบละสายตาจากคู่ต่อสู้ของตัวเอง ด้วยพลังสภาวะของนางจัดอยู่ในธาตุลม ฉะนั้นเรื่องของความเร็วย่อมไม่เป็นที่สองรองจากผู้ใดอยู่แล้ว
ชีซิ่งสบถเสียงชิขึ้นมาอย่างเย็นชา การโจมตีด้วยคมวายุจากถังหว่านเอ๋อได้ผนึกพลังทั้งหมดเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม หากเขาไม่สนใจแล้วมัวแต่มุ่งหน้าต่อไป ต่อให้ไม่ตายคาที่ก็คงจะได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส เมื่อคิดได้เช่นนั้นดาบวารียักษ์ที่อยู่ในมือก็ได้ฟาดขุมพลังชนิดหนึ่งออกไปในทันที
คมวายุกับคมดาบวารีปะทะกันจนเกิดเป็นแสงสว่างวาบขึ้นมา พลังอันมหาศาลลูกหนึ่งลอยเข้าไปทางชีซิ่งอย่างรวดเร็วจนต้องกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยเซียะ
เพียงครู่เดียวคนที่อยู่ไกลจากผลปราณลี้ลับมากที่สุดกลับกลายมาเป็นคนที่ดวงดีมากที่สุด ชีซิ่งทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง พลันก็ได้รีบยั้งร่างกายเอาไว้แล้วพุ่งออกไปยังที่ที่จากมาเพื่อฉกฉวยโอกาสนั้นอีกครั้ง
“ระวัง!”
เยี่ยจื่อชิวตะโกนขึ้นมา ในขณะที่ถังหว่านเอ๋อละสายตาจากชีซิ่งไปนั้น เหร่ยเชียนซังก็ได้ออกหมัดโจมตีเข้าไปที่สาวงามผู้นั้นทันที
“ไสหัวไปซะเจ้าวานรยักษ์หัวสีฟ้า”
เสียงทุ้มต่ำคำรามขึ้นมาจนดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ หอกยาวสีดำด้ามหนึ่งพุ่งฝ่าสายลมเข้ามาที่เหร่ยเชียนซังอย่างรุนแรง
เหร่ยเชียนซังถูกโจมตีอย่างกะทันหันจนต้องถอยหลังออกไปถึงสองก้าวจึงเกรี้ยวกราดขึ้นมาเสียยิ่งกว่าเดิม แน่นอนว่ากว่าเขาจะสบโอกาสเช่นนี้ได้นั้นช่างยากเย็นยิ่งนัก หากถังหว่านเอ๋อถูกทำร้ายจนบาดเจ็บแล้วล่ะก็ ผลปราณลี้ลับก็จะกลายเป็นของพวกเขาไปโดยปริยาย
“ไปตายซะ!”
เหร่ยเชียนซังแผดเสียงคำรามขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ตลอดทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยพลังแห่งอัสนีบาต คมหมัดปรากฏแสงสว่างของประกายสายฟ้าวับแวมพวยพุ่งไปที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว
หลงเฉินรีบใช้ปลายหอกรับการโจมตีของเหร่ยเชียนซังจนเกิดเสียงดังกร่อบ หอกยาวสีดำในมือของเขาแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เหลือชิ้นดี หมัดของเหร่ยเชียนซังเองก็ได้หยุดลงไปด้วย ทว่ากลับไปหยุดอยู่ที่กลางหน้าอกของหลงเฉินจนสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
หลงเฉินกระเด็นออกไปไกล ทว่าบนใบหน้าของเขากลับปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัยขึ้นมาจนเหร่ยเชียนซังต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปด้วย
“หยุดเขาไว้!”
พลังอันมหาศาลจากคมหมัดของเหร่ยเชียนซังกลับกลายเป็นการหนุนนำให้หลงเฉินมุ่งหน้าสู่ถ้ำภูเขาได้เร็วขึ้น ฉะนั้นเขาจึงทั้งแตกตื่นและเดือดดาลขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“ปล่อยให้ไปต่อเถิด”
ถังหว่านเอ๋อไหลเวียนพลังขึ้นมาอีกขุมหนึ่ง พลันก็ได้ปล่อยคมวายุที่อยู่ใจกลางฝ่ามือออกไปขวางเส้นทางของเหร่ยเชียนซังเอาไว้
หลังจากที่หลงเฉินลอยละล่องเข้าไปในถ้ำภูเขาได้แล้ว เขาก็ได้นำ**บหยกออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นก็เด็ดผลปราณลี้ลับออกมาจากต้นด้วยความว่องไว หอบประคองอย่างระมัดระวังแล้วเก็บใส่**บหยกเก็บลงแหวนมิติไปอีกครั้งหนึ่ง
ผู้คนทั้งหลายไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าความว่องไวของหลงเฉินสามารถเป็นโจรชิงทรัพย์มืออาชีพได้เลย นับเวลาจากที่เข้าไปในถ้ำจวบจนเด็ดผลปราณลี้ลับเก็บใส่แหวนมิติไป เขาได้ใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ หรือราวครึ่งลมหายใจเท่านั้น
หลงเฉินลุกขึ้นยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของต้นไม้เล็กๆ แล้วกล่าวกับเหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ด้านนอกว่า “การเล่นไล่จับได้จบลงแล้ว พวกเจ้ายังอยากจะเล่นต่อหรือไม่?”
เหร่ยเชียนซังและชีซิ่งที่กำลังวิ่งตะบึงหน้าตั้งเข้ามานั้นอดไม่ได้ที่จะทอสีหน้าชาด้านขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แม้แต่ยวี่จื่อเฟิงเองก็ยังต้องหยุดมือลงพร้อมทั้งมองมาที่หลงเฉินด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนชนิดหนึ่ง ก่อนจะเก็บกระบี่ยาวใส่ฝักแล้วหันกายจากไป
“เป็นอะไรไป? ยังไม่กล้าจากไปอย่างนั้นหรือ? หรือพวกเจ้ากำลังรอให้ข้าทำอาหารให้ทาน?” หลงเฉินกล่าวในขณะที่ยังยืนอยู่หน้าต้นไม้
เขาทราบดีว่าจุดนั้นเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยต่อชีวิตที่สุด ต่อให้เขาทุบตีชายหนุ่มทั้งสองคนจนตาย พวกเขาก็ยังไม่กล้าคิดที่จะลงมือตอบกลับมาแม้แต่น้อย หากว่าต้นไม้แห่งผลปราณลี้ลับได้รับความเสียหาย แม้แต่ชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะชดเชยความผิดได้
เหร่ยเชียนซังสบตากับชีซิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาต่างก็มองออกว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธเกรี้ยวและอับจนปัญญาอยู่ ขณะนี้ผลปราณลี้ลับได้ตกไปอยู่ในมือของศัตรูแล้ว หากเป็นไปตามที่ตกลงกันเอาไว้ แน่นอนว่าพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
เดิมทีพวกเขาก็คิดว่าจะมีเรื่องที่น่ายินดีบังเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว ทว่ากลับมาถูกหลงเฉินทำลายความเป็นไปได้ลงไปจนได้ ความแค้นที่เคยมีต่อหลงเฉินยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเหร่ยเชียนซังที่มักถูกหลงเฉินทำลายโอกาสดีๆ ไปถึงสองครั้งแล้ว
หากพวกเขาใช้สายตาสังหารผู้คนจนตายตกลงไปได้ แน่นอนว่าหลงเฉินคงจะแหลกสลายเป็นผุยผงภายในพริบตาเดียว อีกทั้งยังอาจถูกฆ่าไปกว่าร้อยครั้งเห็นจะได้
ในตอนนี้พวกเขาไม่อาจกระทำอันใดได้แล้ว นอกจากส่งสายตาที่แฝงเอาไว้ด้วยรังสีสังหารมองไปที่หลงเฉิน และหากพวกเขาคิดจะขยับอาวุธในมือออกไป สถานการณ์หลังจากนี้คงจะไม่ใช่เพียงการละเล่นชนิดหนึ่งอีกแล้ว ทว่านั่นจะกลายเป็นศึกชี้เป็นชี้ตายที่แท้จริง
“กล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับ พวกเจ้าคิดจะละทิ้งคำสัตย์อย่างนั้นหรือ?” ถังหว่านเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชีซิ่งสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งแล้วชี้นิ้วไปที่หลงเฉิน “หลงเฉิน จงจำเอาไว้ ข้าจะทำให้เจ้าต้องนั่งเสียใจที่เกิดมาอยู่ใต้โลกหล้าแห่งนี้”
หลงเฉินที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ก่อนนั้นก็ได้สลายรอยยิ้มนั้นไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในดวงตาคู่คมปรากฏความเย็นเยียบขึ้นมาเป็นสาย
“เจ้าแซ่ชี เจ้าปรารถนาที่จะให้หมู่ตึกลงโทษอย่างนั้นหรือ? ถ้าหากอยู่ภายนอก ข้าจะทำให้เจ้าไม่อาจพบเจอแสงตะวันของวันรุ่งขึ้นได้เลย ฉะนั้นข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้แส่หาเรื่องให้ตัวเองอีก”
หลงเฉินกล่าวด้วยวาจาหนักแน่น ไม่หลงเหลือความรู้สึกหยอกเย้าดังเช่นที่เคยเป็นแม้แต่น้อย เหล่าสัตว์ประหลาดที่อยู่โดยรอบต่างก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของหลงเฉิน ความเกลียดชังที่ฝังรากลึกเข้าไปจนถึงกระดูกดำ แม้จะไม่ได้เจาะจงคำพูดมาที่พวกเขา ทว่ากลับทำให้พวกเขาเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
ถังหว่านเอ๋อมองไปที่หลงเฉินด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ฉากการต่อสู้ของเขากับจ้าวหวู่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน การฆ่าคนในสายตาของเขาไม่ต่างอันใดไปจากการทำอาหารที่แสนจพโปรดปรานจานหนึ่งอยู่อย่างไรอย่างนั้น ความจริงแล้วเจ้าตัวบัดซบผู้นี้เคยสังหารผู้คนมาแล้วกี่คนกันนะ?
“ชิ ปากเก่งไปเถิด ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังยืนยันคำเดิม ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจที่ได้เกิดมา จำคำพูดของข้าเอาไว้ให้ดี” ชีซิ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชาพลันก็ได้หันกายเพื่อจากไปด้วยเช่นกัน
เหร่ยเชียนซังหรี่ดวงตาลงพร้อมทั้งจ้องมองไปที่หลงเฉินแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนู คราวหน้าอย่าให้ถึงตาของข้าบ้างก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจกับประโยคที่ว่ามีชีวิตอยู่ก็ไม่สู้ตายไปหรอก”
หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไปว่า “พวกเจ้าเป็นพวกดื้อดึงหรืออย่างไรกัน ความอดทนของข้านั้นมีอยู่จำกัด และค่าตอบแทนของมันก็แสนจะทรมานใจเสียด้วย”
หลงเฉินสัมผัสได้ถึงความชิงชังที่อยู่ภายในจิตใจของเหร่ยเชียนซังและชิซิ่ง ทว่าเขาก็ยังคงแสดงท่าทีราวกับว่าไม่เคยทำสิ่งใดผิดออกมา
หลังจากที่พบเจอกันวันแรก ชีซิ่งก็ได้ทำให้ผู้คนมากมายเกิดความเกลียดชังต่อหลงเฉินราวกับว่าเขาได้กระทำความผิดอย่างร้ายแรงเสียยิ่งกว่าการฆ่าคน หลงเฉินจึงให้เสี่ยวเสว่ยลงมือแทนเพื่อเป็นการเชื้อเชิญชีซิ่งให้ออกมาต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า
ส่วนทางเหร่ยเชียนซังนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย สั่งให้จ้าวหวู่ออกมาจัดการหลงเฉิน อีกทั้งภายหลังนี้ยังปลดปล่อยพิษจากพลังอัสนีบาตเข้ามาไว้ภายในร่างกายของเขาเพื่อทำให้เขาได้รับความเจ็บปวด
หลงเฉินนั้นไม่ได้มีความแค้นฝังใจต่อพวกเขาแต่อย่างใด การท้าทายผู้คนเหล่านั้นก็เหมือนกับการเล่นเกมอย่างหนึ่งที่มีแพ้และมีชนะอันเป็นเรื่องปกติ ทว่าในครั้งนี้ชีซิ่งและเหร่ยเชียนซังกลับมีสัญญาณที่แปลกและแตกต่างออกไปจากครั้งที่แล้วมา พวกเขาคิดที่จะใช้พลังฝีมืออันโหดเ**้ยมจัดการกับหลงเฉิน
หลงเฉินไม่ได้แยแสและใส่ใจว่าพวกเขานั้นเจาะจงมาที่ตัวเองอย่างเปิดเผย ต่อให้พวกเขามาไม้ไหนก็ไม่อาจทำให้หลงเฉินเกิดความหวาดหวั่นอยู่แล้ว ทว่าหากลงมือกันจริงจังและเกินขอบเขตไป ก็อย่าได้โทษว่าหลงเฉินผู้นี้แล้งน้ำใจก็แล้วกัน
“พอเถิด อย่าได้แค้นเคืองต่อกันเลย ภายในหมู่ตึกมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดยิ่งนัก พวกเขาย่อมไม่หาญกล้าพอที่จะกระทำอันใดโดยพลการอย่างแน่นอน” เมื่อเห็นว่าแววตาของหลงเฉินยังคงเย็นเยียบอยู่ ถังหว่านเอ๋อจึงกล่าวท้วงขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุอันใดกันที่นางไม่ชมชอบให้หลงเฉินมีทีท่าจริงจังและร้ายกาจเช่นนี้ นางยินดีที่จะต้องถูกหยอกล้อมากกว่าพบเจอใบหน้าที่ขึงขังราวกับไม่ใช่หลงเฉินที่นางเคยรู้จักเลย
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วข่มโทสะที่อยู่ภายในจิตใจลงไป ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นใบหน้าหยอกเย้าที่แสนคุ้นเคย “คุณหนูหว่านเอ๋อที่รัก จิตวิญญาณของข้าได้ถูกคนเหล่านั้นทำร้าย โปรดเห็นแก่ที่ข้าได้ร่วมต่อสู้ด้วย ท่านช่วยปลอบโยนข้าสักครั้งหนึ่งจะได้หรือไม่? มาโอบกอดเพื่อเป็นการรับขวัญกำลังใจกันเสียหน่อย อืม……ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันไปดีกว่า”
ในขณะที่หลงเฉินกำลังกางแขนพร้อมที่จะเข้ามาโอบกอดอยู่นั้น ถังหว่านเอ๋อก็ได้ส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายมาที่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ใจกลางฝ่ามืออันขาวผ่องก็ได้ปรากฏคมวายุสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว ขอเพียงหลงเฉินเข้ามา นางก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ลิ้มลองแน่นอน
“แค่กแค่ก ข้าแค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้นเอง อย่าได้จริงจังถึงเพียงนั้นเลย” หลงเฉินยิ้มเจื่อนๆ ขึ้นมา พลันก็ได้ล้วง**บหยกออกมาจากแหวนมิติ แล้วยื่นส่งไปที่โฉมงามทั้งสอง
“ให้ผู้ใดดี?” หลงเฉินมองหญิงสาวทั้งสองคนสลับกันไปมา
“ข้าไม่ต้องการแล้ว พวกเจ้าเอาไปแบ่งกันเถิด” ถังหว่านเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าไปมา
“เพราะเหตุใดกัน?”
เยี่ยจื่อชิวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อครู่นี้ถังหว่านเอ๋อยังร่วมต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าตอนนี้กลับยอมเลิกราไปง่ายดาย
“เอ่อ……ความจริงแล้วเส้นรากปราณของข้านั้นอยู่ในระดับเงินขาวแล้ว ฉะนั้นข้าจึงมีโอกาสสูงที่จะทะลวงพลังขึ้นไปได้อย่างหมดจด พวกเจ้าทั้งสองคนเอาไปแบ่งกันจะดีกว่านะ” ถังหว่านเอ๋อกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำพร้อมทั้งชายตามองไปที่หลงเฉิน
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอขอบคุณในน้ำใจของคุณหนูหว่านเอ๋อเป็นอย่างยิ่ง น้ำใจของเจ้าในครั้งนี้ข้าจะขอจดจำเอาไว้ไม่รู้ลืม หลงเฉิน พวกเรามาแบ่งกันเถิด” เยี่ยจื่อชิวกล่าว
ทว่าความจริงแล้วหากผู้มีพรสวรรค์ที่มีเส้นรากปราณระดับเงินขาวได้กินผลปราณลี้ลับไปลูกหนึ่ง ย่อมมีโอกาสเลื่อนระดับให้สูงยิ่งขึ้นไปจากสามส่วนกลายเป็นเจ็ดส่วน
หากแบ่งผลปราณลี้ลับกันคนละครึ่ง ความบริสุทธิ์ก็จะถูกแบ่งด้วยเช่นกัน โอกาสที่จะเข้าถึงความหมดจดก็จะลดทอนลงเหลือเพียงแค่ห้าส่วน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เหร่ยเชียนซังและชีซิ่งมีสีหน้าที่ปั้นยากขึ้นมาเมื่อพบว่าหลงเฉินได้ครอบครองผลปราณลี้ลับที่พวกเขาหมายปองเอาไว้
หลงเฉินมองไปที่ถังหว่านเอ๋อสลับกับเยี่ยจื่อชิวแล้วส่ายหน้าไปมา “เจ้ากินมันเถิด ข้าใช้มันไม่ได้หรอก”
เยี่ยจื่อชิวและถังหว่านเอ๋อจ้องมองไปที่หลงเฉินด้วยความฉงนสงสัยยกใหญ่ แล้วเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกันว่า “ทำไมกัน?”
หลงเฉินจ้องมองไปยังใบหน้าที่งดงามของทั้งสองโฉมงามด้วยทีท่าลังเลใจอย่างถึงที่สุด พลันก็ได้ถอนลมหายใจออกมาอย่างหนักใจแล้วกล่าวว่า “ข้ามีความลับจะบอกพวกเจ้า ทว่าพวกเจ้าเองก็ต้องเก็บงำความลับของข้าด้วย ความจริงแล้วข้าเองก็ถือเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่แท้จริงผู้หนึ่ง เส้นรากปราณของข้านั้นจัดอยู่ในระดับตำนานที่เรียกกันว่า……เส้นรากปราณระดับทองคำทมิฬ”..