เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 151 ออกคำสั่ง

“ข้ามีวิธีหนึ่งที่พอจะนำน้ำผึ้งออกมาได้” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

ผู้คนทั้งหมดตกใจขึ้นมาเล็กน้อย พลันก็ได้หันไปมองยังต้นเสียงเป็นสายตาเดียวกัน ชายหนุ่มผู้หนึ่งตบมาที่ไหล่ของหลงเฉินแล้วถามขึ้นมาว่า “เหว่ยซาน เหตุใดต้องทำเสียงแหบเช่นนั้นด้วย?”

หลงเฉินสะดุ้งจนตัวโยนขึ้นมา เด็กน้อยผู้นี้คิดว่าเขาเป็นลูกน้องของตัวเองไปเสียแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะเบาใจลงไปได้ไม่น้อย “เมื่อครู่นี้ข้าถูกต่อยไปครั้งหนึ่ง ร้องคร่ำครวญเสียงดังจนภายในลำคอแห้งเหือดไป”

แล้วก็ได้มีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ที่น่องของข้าก็ถูกต่อยไปครั้งหนึ่งเหมือนกัน เจ็บปวดจนแทบจะล้มทั้งยืนอยู่แล้ว”

เสียงของคนผู้นี้แหบเสียยิ่งกว่าหลงเฉิน อีกทั้งยังแหบพร่าจนน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นเสียงดังเซ็งแซ่ก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาต่างก็แลกเปลี่ยนความรู้สึกเจ็บปวดต่อกัน

ชีซิ่งโบกมือขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนหยุดแบ่งปันความเจ็บปวดต่อกัน พลันก็ได้หันมาที่หลงเฉินแล้วกล่าวว่า “เจ้าชื่อว่าเหว่ยซานอย่างนั้นหรือ?”

“ขอรับ”

“เจ้าบอกว่ามีวิธีอยู่ เช่นนั้นก็บอกออกมาเถิด หากสามารถนำน้ำผึ้งออกมาได้สำเร็จ ข้าจะจดจำความสำเร็จของเจ้าเอาไว้ แน่นอนว่าผลประโยชน์ส่วนหนึ่งต้องเป็นของเจ้าด้วยเช่นกัน” ชีซิ่งกล่าว

“วิธีนี้ช่างง่ายดายนัก ผึ้งโดยส่วนมากหวาดกลัวต่อเพลิง ทว่าเพลิงจะไปกระตุ้นโทสะของพวกมันขึ้นมาจนบ้าคลั่งได้ แต่หากเป็นควันเขม่าจะทำให้พวกมันสลบไป แน่นอนว่าจะต้องสูญเสียความสามารถในการจู่โจมอย่างแน่นอน” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

ภายในจิตใจของหลงเฉินเกิดความร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย เขากลัวว่าชีซิ่งจะจำเสียงของเขาได้ ทว่าชีซิ่งในตอนนี้กลับนึกถึงแต่การขโมยน้ำผึ้งจนไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติภายในน้ำเสียงของหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย

อีกทั้งขุมกำลังผู้หนึ่งของเขาก็ได้เรียกหลงเฉินว่าเหว่ยซาน ทำให้เขาไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด ทว่ากลับยิ่งให้ความสนใจต่อวิธีของหลงเฉินอย่างยิ่ง

“เป็นไปได้หรือ?” ชีซิ่งเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

“เป็นไปได้แน่นอน ข้าพอจะเคยเห็น ชาวไร่ใช้วิธีเช่นนี้ในการนำน้ำผึ้งออกมาจากรังผึ้ง” ชายหนุ่มผู้ที่เรียกขานหลงเฉินว่าเหว่ยซานกล่าวขึ้นมาด้วยแววตาที่ทอแสงประกายเจิดจ้า

“ได้ เช่นนั้นก็ลองดู ไป ลองดูอีกครั้งหนึ่งเถิด” ชีซิ่งพยักหน้าแล้วตะโกนต่อหน้าขุมกำลังทั้งหมด

“พี่ใหญ่ชี พวกเราจะทำอย่างไรกับคนเหล่านั้นดี?” คนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาพร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังร่างนับสิบที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้น

“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ที่ทำให้เสียการใหญ่ หากได้สติแล้วเจ้าก็ไสหัวพวกมันออกไปซะ ที่เหลือไปกับข้า!” ชีซิ่งเอ่ยวาจาไม่สบอารมณ์ขึ้นมาก่อนที่จะชักนำผู้คนที่เหลือกลับไปยังรังของผึ้งหยก

“เจ้าจะใช้ควันเข้าโจมตีอย่างไรกัน?” ชีซิ่งหันไปถามหลงเฉิน

ขณะนี้ชีซิ่งคล้ายกับว่าได้เชื่อใจหลงเฉินอย่างถึงที่สุดจนทำให้ขุมกำลังบางส่วนเกิดความอิจฉาตาร้อนขึ้นมา เจ้าหนูผู้นี้ช่างโชคดีเกินไปแล้ว เพียงเสนอความคิดแค่เล็กน้อยกลับถูกใจชีซิ่งไปเสียได้

“เพื่อความปลอดภัยของผู้คน พวกเราจะถอยห่างจากรังสักครึ่งลี้ แล้วหาต้นไม้ที่มีใบเต็มต้นเพื่อก่อเพลิง เช่นนั้นก็จะได้ควันที่มหาศาลแล้ว ต่อจากนั้นก็ให้ผู้คนช่วยกันสร้างลมเพื่อพัดเขม่าควันไปยังรังผึ้ง ข้าคิดว่าคงจะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็จะเห็นผล” หลงเฉินกล่าว

“ได้ อย่างนั้นก็เป็นไปตามที่เจ้าว่า เรื่องนี้ข้ามอบหมายให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ส่วนพวกเจ้าก็ตามไปช่วยเหว่ยซานด้วย” ชีซิ่งมองไปยังกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งแล้วออกคำสั่ง

หลงเฉินเกิดความยินดีขึ้นมายกใหญ่ ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก “เจ้า เจ้า และเจ้าไปตัดต้นไม้มา จำไว้ว่าจะต้องเป็นต้นที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น ตัดให้มีทั้งกิ่งก้านและใบไม้ ส่วนเจ้าตัวใหญ่ที่ดูโง่งมผู้นั้น อย่ายืนปั้นหน้าฉงนสงสัยอยู่เลย ไปเก็บฟืนแห้งสำหรับจุดเพลิงเสีย

ส่วนที่เหลือก็ไปหาสิ่งที่พอจะใช้พัดควัน ในเมื่อที่แห่งนี้ก็มีต้นไม้เตี้ยขึ้นอยู่เต็มไปหมด คิดว่าคงจะไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเจ้าอย่างแน่นอน

จำเอาไว้ว่าพวกเราเป็นพวกเดียวกัน อย่าได้กินแรงผู้อื่น จงทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อไปเอาน้ำผึ้งมาให้พี่ใหญ่ชี พวกเจ้าทำได้หรือไม่?” เมื่อกล่าวมาถึงตอนท้ายหลงเฉินก็ได้ตะโกนปลุกใจขึ้นมา

ผู้คนกลุ่มนั้นกรอกตาขาวไปมาในทันที เจ้าหนูน้อยผู้นี้พอได้รับโอกาสมาก็ทำตัวเป็นจิ้งจอกข่มขู่สมิงอย่างนั้นหรือ? แม้จะคิดเช่นนั้นทว่าผู้คนเหล่านั้นกลับไม่กล้าเอ่ยวาจาอันใดออกไปแม้แต่น้อย เพราะว่าชีซิ่งยังอยู่ แน่นอนว่าต้องแสดงละครไปถึงที่สุด แม้ว่าภายในใจจะชิงชังต่อเหว่ยซานจนบ้าคลั่งไปแล้ว

“ได้”

“เหตุใดเสียงของพวกเจ้าถึงเบาเช่นนี้ ข้ายังไม่ได้ยินเลย” หลงเฉินกล่าว

“ได้” ผู้คนทั้งหมดตะเบ็งเสียงดังขึ้นมาด้วยโทสะ

ชีซิ่งพยักหน้าไปมาอย่างพึงพอใจ เหว่ยซานผู้นี้มีความสามารถอยู่ไม่น้อยเลย เพียงคำพูดไม่กี่คำก็ทำให้ผู้คนมากมายกระทำตามได้ ช่างเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง

ทว่าที่ชีซิ่งไม่ทราบก็คือเสียงปลุกเร้าเหล่านั้นถูกกระตุ้นขึ้นมาจากความ ‘ขุ่นเคือง’ บนใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนกลับเหยเก อีกทั้งยังกัดฟันกรอดพร้อมทั้งด่าทอเหว่ยซานอยู่ภายในใจ

แม้ว่าทุกคนจะไม่ยอมรับ ทว่าการใหญ่ของชีซิ่งกลับสำคัญยิ่งกว่า เช่นนั้นอย่าให้เสียการใหญ่เพราะความรู้สึกเช่นนี้ไปเลย

“เจ้าทำอะไร ข้าให้เจ้าหาฟืนแห้ง แล้วเหตุใดถึงได้มีแต่เศษไม้เ**่ยวเฉาเช่นนี้ แล้วจะก่อเพลิงได้อย่างไรกัน? ส่วนเจ้า….ฟืนแห้งยังไม่มากพอ แล้วนี่ยังเอาฟืนเปียกมาวางทับอีก แล้วพวกเจ้าจะก่อเพลิงขึ้นมาได้อย่างไรกัน? ……”

หลงเฉินออกคำสั่งต่อผู้คนมากมายอย่างเอิกเกริก เพราะชีซิ่งกำลังมองอยู่ ไม่ว่าหลงเฉินจะตำหนิพวกเขาอย่างไร พวกเขาต่างก็ไม่กล้าขัดขืนเลยแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นเองหลงเฉินก็นึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง แล้วใช้หัวไหล่ของตัวเองกระแทกไปที่หัวไหล่ของชายหนุ่มผู้หนึ่ง เพราะทุกคนต่างก็สวมหมวกปิดใบหน้ากันทั้งหมด จึงไม่อาจจดจำผู้ใดได้ ทว่ากลับจดจำจากเสียงเรียกขาน

“เจ้าไปจุดไฟหน่อยสิ” หลงเฉินกล่าวต่อชายหนุ่มผู้นั้น

ทันทีที่ได้รับคำสั่ง ชายหนุ่มก็ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงภายใต้หมวกสีเงิน เจ้าหนูผู้นี้กระทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ตั้งแต่ต้นตนได้เป็นถึงคนที่โดดเด่นเมื่ออยู่ต่อหน้าของชีซิ่งมาโดยตลอด แล้วเหตุอันใดในเวลานี้กลับมาถูกตำหนิและสั่งงานประดุจเป็นสุนัขรับใช้ของบุคคลเช่นนี้ไปได้

แม้ภายในจิตใจจะบังเกิดความไม่พอใจต่อเหว่ยซาน ทว่ากลับมีอีกเสียงหนึ่งเตือนขึ้นมาว่าอย่าได้ผลีผลามออกไป รอคอยให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้วค่อยสั่งสอนเด็กน้อยผู้นี้สักครั้งหนึ่ง

ประกายเพลิงลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน หลงเฉินสั่งให้คนผู้หนึ่งนำกิ่งไม้และใบไม้สดมากองสุมเอาไว้เพื่อให้เป็นเชื้อเพลิง หลังจากนั้นไม่นานเขม่าควันก็ได้ปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

“เริ่มสร้างลมได้”

ผู้คนมากมายออกแรงเคลื่อนไหวฝ่ามือของตัวเองไปมาอย่างว่าง่าย แรงลมจากยอดฝีมือขอบเขตก่อโลหิตนับสิบคนก่อตัวขึ้นมาอย่างมหาศาลจนน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขม่าควันอันหนาแน่นกลุ่มหนึ่งลอยละล่องไปยังรังผึ้งของผึ้งหยก

หลังจากที่ผ่านไปสักพักใหญ่ ภายในโสตประสาทของพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังฮูมฮูมขึ้นมาจากเบื้องหน้า พลันก็เริ่มค่อยๆ เบาลงไปพร้อมกับผึ้งหยกที่ลับหายไป

“ปลอดภัยแล้ว”

ชีซิ่งดีใจขึ้นมายกใหญ่ เป็นที่ประจักษ์กับสายตาแล้วว่าวิธีของหลงเฉินนั้นประสบความสำเร็จแล้ว

“สามารถเข้าไปดูได้เลยหรือไม่?” ชีซิ่งเอ่ยถามขึ้นมา

หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้ ควรรอให้เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ให้ผึ้งหยกเหล่านี้สลบไปก่อน หากต้องการให้ปลอดภัยมากกว่านี้ ทางที่ดีก็คือรมควันไปให้ครบหนึ่งชั่วยาม”

“ได้ เช่นนั้นก็รมควันต่อไปให้ครบหนึ่งชั่วยาม” ชีซิ่งกล่าวออกมาด้วยความเชื่อมั่นต่อหลงเฉินเป็นอย่างยิ่ง แววตาทอประกายเจิดจ้าราวกับว่าได้รับน้ำผึ้งมาอยู่ในมือแล้ว

ผู้คนมากมายโบกพัดเขม่าควันอย่างขะมักเขม้นจนครบหนึ่งชั่วยามเต็มๆ บางส่วนค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้รังผึ้งเพื่อสังเกตการณ์ และในที่สุดพวกเขาก็พบว่าบนพื้นดินที่ใกล้กับรังผึ้งนั้นมีผึ้งหยกร่วงหล่นอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ขาของพวกมันกระตุกไปมา ทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะบินเข้ามาโจมตีผู้คนแต่อย่างใด

“ไป ไปดูรังผึ้งกัน” ชีซิ่งโพล่งเสียงดังเจื้อยแจ้วด้วยความดีใจแล้วเดินนำผู้คนไปที่รังผึ้ง

“พี่ใหญ่ชี ภายในรังผึ้งอาจจะมีอันตรายอยู่ ให้เหล่าพี่น้องเช่นข้าจัดขบวนเข้าไปดูก่อนจะดีกว่า” ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวขึ้นมาทันควัน

เขานั้นถูกหลงเฉินสั่งการมาอย่างเนิ่นนาน ขณะนี้เมื่อพบว่ามีโอกาสจึงรีบกล่าว แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ให้ผลงานเช่นนี้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเหว่ยซานแต่เพียงผู้เดียวแน่นอน

ทันทีที่กล่าวจบชายหนุ่มผู้นั้นก็รีบพุ่งตัวออกไปยังรังผึ้งอย่างรวดเร็ว ติตามไปด้วยเง่าร่างของผู้คนอีกสิบกว่าคน

หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ ไม่คิดแม้แต่จะกล่าววาจาอันใดออกมา พลันก็ได้ติดตามอยู่ด้านหลังของชีซิ่งไปอย่างช้าๆ

ในขณะที่คนกลุ่มนั้นอยู่ห่างจากรังผึ้งกว่าสิบเซียะ ใบหน้าของพวกเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง พร้อมทั้งร้องเสียงหลงด้วยความแตกตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง พร้อมกับมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งที่เพิ่งจะเข้าไปใกล้รังผึ้งถูกซัดจนลอยกระเด็นออกมาแล้วตกกระแทกกับพื้นดินอย่างรุนแรง

“เพล้ง”

ในมือของผู้คนก็ได้มีดาบยาวเพิ่มขึ้นมาคนละหนึ่งเล่ม พลันก็ได้พุ่งทะยานเข้าไปยังเบื้องหน้าของตัวเองในทันที

รังผึ้งของผึ้งหยกมีเงาร่างขนาดมหึมาคืบคลานออกมาสี่ตัวอีกทั้งยังกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาผู้คนกลุ่มนั้น

“ราชินีผึ้งหยก”

ชีซิ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ บรรยากาศเช่นนี้เป็นของสัตว์มายาระดับสองแล้ว

“ลงมือสังหารราชินีผึ้งหยกซะ!”

ชีซิ่งตะโกนเสียงดังสนั่น ราชินีผึ้งหยกถือเป็นสัตว์มายาที่แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด ตลอดทั่วทั้งร่างกายของมันประดุจเหล็กกล้า การใช้ดาบและกระบี่ฟาดฟันลงไปไม่อาจสร้างความเสียหายต่อราชินีผึ้งหยกได้เลย อีกทั้งยังจะเป็นเพียงการก่อสะเก็ดไฟให้ลอยออกมาก็เท่านั้น

“จงต่อสู้ด้วยทักษะยุทธ์”

ผู้คนทั้งหมดส่งเสียงตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วปะทุพลังต่อสู้ออกมา ประกายแสงแวววับปรากฏขึ้นมาภายในกลุ่มคนจากนั้นก็ได้พุ่งไปที่ราชินีผึ้งหยกอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมเพราะเป็นลูกหลานของตระกูลผู้มั่งคั่ง ทว่าหลงเฉินกลับไม่อาจปฏิเสธถึงพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งของผู้คนเหล่านี้ได้

ราชีนีผึ้งหยกทั้งสี่ตัวไม่อาจทนรับพลังอันมหาศาลเช่นนั้นได้อีกต่อไปจึงได้ระเบิดร่างใส่กลุ่มคนจนสะท้านไปทั่วทั้งผืนฟ้า

ในที่สุดพวกเขาก็สามารถสังการราชินีผึ้งหยกทั้งสี่ตัวลงไปได้ พวกเขาต่างก็ร้องเฮขึ้นมาด้วยความยินดียกใหญ่ รวมไปถึงชีซิ่งด้วย

“เหว่ยซาน วันนี้เจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

ชายหนุ่มผู้ที่แค้นเคืองต่อหลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

“เหอะ เจ้ามีอะไร?” หลงเฉินยกไหล่แล้วกล่าวขึ้นมาอย่างไม่แยแส

“เจ้าหนู เจ้าเพิ่งได้เข้าร่วมกับขุมกำลังนี้ ส่วนพวกเรานั้นเข้ามาก่อนแล้ว ฉะนั้นย่อมอาวุโสกว่า ทางที่ดีเจ้าอย่าได้ทำตัวน่ารำคาญจนเกินไป ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าว

สายตาของผู้คนกลุ่มนั้นทอประกายความเกลียดชังลอดผ่านหมวกเหล็กที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้

“เจ้าหนู อย่าเพิ่งได้ใจไป ความอวดดีจนไม่สนใจผู้ใดเช่นนี้ เจ้าควรจะทราบเอาไว้ว่าเจ้าจะต้องชดใช้ในภายหน้า”

“อย่าใช้ความฉลาดอันน้อยนิดมาปีนข้ามหัวของพวกเรา”

ผู้คนมากมายกล่าวออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เห็นหลงเฉินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

หลงเฉินเพียงส่งเสียงหัวเราะหึหึขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ตอบกลับพวกเขาออกไปแต่อย่างใด ด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ช่างไร้สาระเสียจริง ทว่าสิ่งที่เขากำลังรออยู่นั้นกำลังจะตามมาต่างหาก

“ตูม”

จู่จู่ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างรุนแรง พื้นดินที่อยู่โดยรอบเกิดการสั่นไหวจนทำให้ผู้คนแทบจะทั้งหมดล้มกลิ้งไปตามพื้น บรรยากาศทั่วทั้งบริเวณถูกกดดันด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวที่เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เหอะเหอะ ในที่สุด…เวลาที่ข้ารอคอยก็มาถึงแล้ว” หลงเฉินฉีกยิ้มกว้างขึ้นที่มุมปาก ….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset