“อา……”
จ้าวหวู่กรีดร้องพร้อมทั้งดิ้นทุรนทุรายอยู่ในเพลิงกาฬด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจไหลเวียนพลังลมปราณขึ้นมาเพื่อคุ้มครองร่างกายเอาไว้ได้ จึงได้แต่ปล่อยให้เพลิงกาฬของหลงเฉินแผดเผาไปทั่วทั้งร่าง
อีกทั้งยังถูกมือใหญ่ของหลงเฉินบีบเข้ามาที่คอจนไม่อาจหลบหนีไปได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าความน่าหวาดกลัวของคนที่ถูกกระตุ้นโทสะขึ้นมานั้นเป็นเช่นไร
หากเขาไม่ใช้วาจาดูแคลนหลงเฉินตั้งแต่แรกก็คงถูกปล่อยไปแล้ว ทว่าน่าขบขันที่เขากลับคิดว่าหลงเฉินคงจะไม่กล้าฆ่าเขาจึงเอาแต่พยายามพูดปั่นหัวหลงเฉินมาโดยตลอด
ที่หลงเฉินเอ่ยออกมานั้นไม่มีผิดเลย เขานั้นพ่ายให้แก่หลงเฉินแล้ว ทว่ากลับไม่อาจยอมรับความเป็นจริงเช่นนั้นเอาไว้ได้ จึงพยายามกระตุ้นโทสะของหลงเฉินขึ้นมาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดภายในจิตใจของตัวเอง
ต่อให้สู้ต่อไม่ไหวก็ขอให้ได้ระบายความคับแค้นที่อยู่ในใจออกมาก็พอใจแล้ว เพราะมั่นใจว่าหลงเฉินไม่กล้าฝ่ากฎของทางหมู่ตึกอย่างแน่นอน
“หยุดมือเถิด……ข้ายอมแพ้แล้ว……รีบหยุดมือเถิด” จ้าวหวู่ตะเบ็งเสียงเฮือกสุดท้ายขึ้นมา
เพราะว่าตอนนี้ร่างกายทั้งหมดมีอาการแสบไหม้จนไม่อาจทานรับไหวแล้ว หากปล่อยให้ถูกย่างเช่นนี้ต่อไป เขาคงจะต้องถูกเผาให้ตายไปทั้งเป็นแน่นอน
แม้ว่าพลังเพลิงกาฬของหลงเฉินจะไม่ได้ใช้ออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี ทว่าเขาก็ไม่ใช่นักบวชนักพรตที่จะต้องเห็นอกเห็นใจต่อมนุษย์ผู้หนึ่ง กับคนที่มาดูแคลนบุพการีของตัวเองด้วยแล้วย่อมไม่อาจให้อภัยได้
ถึงแม้ว่าเขาใบหน้าจะเรียบเฉย ทว่าภายในจิตใจกลับปะทุเพลิงโทสะขึ้นมาไม่หยุด ต่อให้ผู้ใดยิ่งใหญ่กว่านี้ก็ไม่สมควรกล่าวถึงมารดาของเขา ผู้ใดกล้าแตะต้อง ผู้นั้นก็ต้องตาย
ฉะนั้นหลงเฉินจึงใช้เพลิงกาฬระดับต่ำเพื่อเผาผลาญร่างกายของจ้าวหวู่ให้เจ็บปวดทรมานไปอย่างช้าๆ อีกทั้งยังเป็นการบอกต่อผู้อื่นที่อยู่โดยรอยว่าจงอย่าได้มาแตะต้องเหล่าคนสำคัญในชีวิตของเขา
“หลงเฉิน เจ้าหยุดมือเถิด หากเจ้าฆ่าเขา เจ้าจะสูญเสียทุกอย่างที่พยายามมาทั้งหมดนะ” ชิงยวูร้องเสียงหลงขึ้นมาพร้อมทั้งจ้องมองไปที่ใบหน้าอันเรียบเฉยหลงเฉิน
หลงเฉินหันมามองมี่ชิงยวูอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะมากความไปบ้าง ทว่าภายในส่วนลึกของจิตใจก็ถือได้ว่าเป็นเด็กน้อยที่ดีคนหนึ่ง
“ขอบคุณมาก ทว่าคนผู้นี้กล้าดูถูกมารดาของข้า คนที่กระทำเช่นนี้มีแต่จะต้องตายไปเท่านั้น” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หลงเฉิน เจ้าคนงี่เง่า ที่เจ้ากระทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้ต่างอันใดไปจากการพาตัวเองไปสู่แดนประหารเลยนะ นี่เจ้าแกล้งโง่หรือโง่จริงๆ กันแน่” ถังหว่านเอ๋อกระทืบเท้าขึ้นมาอย่างเดือดดาล
“ผู้ฝึกยุทธ์จะต้องมีจิตใจแน่วแน่ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ไม่ว่าสิ่งใดขวางทางอยู่ก็ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ หากไม่ทำลายมันก็คงจะไม่สามารถไปต่อได้ ไม่เช่นนั้นจะฝึกยุทธ์ขึ้นมาเพื่อการใดกัน?
อุปสรรคบางอย่างไม่อาจก้าวข้ามไปได้ด้วยดี จึงมีแต่จะต้องบดขยี้มันลงไปเท่านั้น อีกทั้งยังสมควรจะเหยียบย่ำให้จมดินลงไปอย่างไร้เยื่อใยด้วย” ทันทีที่กล่าวจบ หลงเฉินก็ปะทุพลังเพลิงกาฬให้รุนแรงยิ่งขึ้น
“ไม่……หลงเฉิน ข้าสำนึกผิดแล้ว……ขอร้อง ปล่อยข้าไปเถิด……” จ้าวหวู่ครวญครางขึ้นมา พร้อมกับทอแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ต้องขออภัยด้วย มันสายเกินไปแล้ว”
“ซูม”
ทันใดนั้นพลังเพลิงกาฬอันน่าหวาดกลัวก็ได้ปะทุสูงขึ้นกว่าสิบเซียะ บรรยากาศโดยรอบคละคลุ้งไปด้วยไอร้อนระอุจากเปลวเพลิงไม่หยุด
เพียงพริบตาเดียวเพลิงกาฬขุมนั้นก็ได้มลายหายไป บรรยากาศทั่วทั้งฟ้าดินกลับคืนสู่ความปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง หลงเฉินกลับมาอยู่ในท่วงท่าที่สบายกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าที่เบื้องหน้าของเขากลับไร้เงาร่างของจ้าวหวู่
สายลมหอบหนึ่งโชยเข้ามาปะทะร่างของหลงเฉิน พลันก็ได้มีเศษขี้เถ้าหลุดลอยออกไปจากมือใหญ่ข้างนั้น ผู้มีพรสวรรค์ได้ลาลับจากโลกหล้าแห่งนี้ไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ตายแล้วหรือ?”
ผู้คนที่ยืนดูอยู่ตั้งแต่ต้นต่างก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองคล้ายกับจะหยุดเต้นไป หลงเฉินสังหารจ้าวหวู่อย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะท้าทายอำนาจของสำนักพลิกสวรรค์อย่างนั้นหรือ?
“จบสิ้นแล้ว”
ถังหว่านเอ๋อเบิกดวงตากลมโตขึ้นมา ภายในจิตใจบังเกิดเพลิงโทสะขึ้นมาไม่หยุด เจ้าเด็กน้อยผู้นี้มักจะคิดรอบคอบมาโดยตลอด ทว่าในเวลาเช่นนี้กลับเปลี่ยนไปจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมเลย
เมื่อได้แหกกฎของหมู่ตึกแล้ว ผู้ใดก็ไม่อาจช่วยเหลือเขาได้อีกต่อไป เขาจัดการผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่งจนหายสาบสูญไปต่อหน้าผู้คนมากมาย แม้แต่ถังหว่านเอ๋อเองก็ยังเกิดความลำบากใจขึ้นมาไม่น้อย
ชิงยวูเองก็ไม่อาจละสายตาไปจากหลงเฉินได้เลย ช่วงเวลานี้แม้แต่วาจาเพียงคำเดียวก็ยังไม่อาจเอ่ยออกมาได้ นางไม่คิดเลยว่าหลงเฉินจะแข็งแกร่งและหาญกล้าได้ถึงเพียงนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาเป็นเช่นไรทว่าเขาก็ยังกระทำ
“ซูมซูมซูมซูม”
ทันใดนั้นเองเงาร่างของผู้คนสี่คนก็ได้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าหลงเฉิน พวกเขาทั้งหมดต่างก็สวมชุดคลุมสีขาวยาวเต็มตัว บนหน้าอกมีสัญลักษณ์ประจำหมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์ประทับอยู่ พวกเขาเหล่านี้เป็นศิษย์พี่ที่ทำการตรวจสอบบัตรเทียบเชิญเมื่อก่อนหน้านี้นั่นเอง
“หลงเฉิน เจ้าสังหารผู้มารายงานตัว ฉะนั้นเจ้าถูกไล่ออกแล้ว” ชายหนุ่มผู้หนึ่งจ้องมองไปที่หลงเฉิน พร้อมทั้งกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
บริเวณนั้นเงียบสงบลงในทันที สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังผู้มาเยือนทั้งสี่คนอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อได้ยินวาจาที่ศิษย์พี่ผู้หนึ่งเอ่ยออกมา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทว่ามีเพียงเหร่ยเชียนซังเท่านั้นที่มองหลงเฉินด้วยใบหน้ายิ้มเยาะด้วยความสะใจ
“ศิษย์พี่ ความจริงแล้ว……” ในขณะที่ถังหว่านเอ๋อเพิ่งจะเอื้อนเอ่ยวาจาออกไปนั้น ศิษย์พี่อีกผู้หนึ่งก็ได้โบกมือขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องอธิบาย พวกเรามีหน้าที่ทำตามกฎของหมู่ตึก ไม่เช่นนั้นก็จำเป็นจะต้องลงแรง”
ถังหว่านเอ๋อสงบปากสงบคำไปในทันที ดวงตาคู่งามสาดเป็นประกายละอองน้ำขึ้นมาในขณะที่จ้องมองไปทางหลงเฉิน พร้อมจมูกที่เริ่มจะฟึดฟัดขึ้นมาเล็กน้อย
“หลงเฉิน ขอโทษด้วย หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าก็คงจะไม่ต้องกระทำเรื่องเช่นนี้” ถังหว่านเอ๋อกล่าวขึ้นมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
แน่นอนว่าเป็นเพราะนางเรียกขานหลงเฉินออกไป อีกทั้งเป็นเพราะนางเอาแต่ใจจนเกินไปจึงได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น บัดนี้จิตใจของถังหว่านเอ๋อประดุจมีมีดอันแหลมคมเชือดเฉือนเข้ามาไม่หยุดหย่อน
“เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้าได้ เพียงแต่ข้าดวงไม่ดีก็เท่านั้น” หลงเฉินส่ายหน้าไปมา
แม้ว่าหลงเฉินจะกล่าวปัดออกมาเช่นนี้ ทว่าภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อกลับยิ่งเกิดความลำบากใจอย่างถึงที่สุด ในช่วงเวลาเช่นนี้หลงเฉินควรจะด่าทอนางจึงจะถูกต้องสิ
“พร่ำเพ้อกันมากมายเสียจริง เมื่อละเมิดกฎของหมู่ตึกไปแล้ว ก็ถือว่าเจ้าหมดสิทธิ์ในการเข้าทดสอบแล้ว ส่งป้ายหยกออกมา แล้วไสหัวไปซะ” ชายหนุ่มที่มีกระบี่ยาวคาดไว้ที่เอวขมวดคิ้ว แล้วกล่าวขึ้นมาด้วยความรำคาญ
“เจ้ายิ่งใหญ่มาจากที่ใดกัน ถึงกล้าบอกให้ข้าไสหัวไป” หลงเฉินส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชา
ผู้คนทั้งหมดต่างก็ปากอ้าตาค้างไปตามๆ กัน หลงเฉินคิดจะทำอะไรกันนะ? นี่เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไรกัน?
ศิษย์พี่กลุ่มนั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นโดยทั้งสิ้น คำพูดที่เขากล่าวขึ้นมานั้นไม่ต่างอันใดไปจากการหาเรื่องใส่ตัวเลยแม้แต่น้อย
ศิษย์พี่ผู้นั้นหรี่ดวงตาทั้งสองข้างลง มือข้างหนึ่งก็คว้าไปที่ด้ามของกระบี่ยาวที่เอวในทันที “หากเจ้าปรารถนาที่จะหาที่ตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้เจ้าเพียงแค่สามกระบวนท่าเท่านั้น”
“ก็แค่พวกปลายแถว กล้ากล่าววาจาใหญ่โตเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน ถ้าหากข้าสามารถทะลวงขึ้นไปถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นเช่นเจ้าคงจะจัดการผู้คนด้วยฝ่ามือเดียวได้แล้ว มีความสามารถเพียงเท่านั้นยังจะมาโอ้อวดต่อหน้าพวกเราที่เข้ามาใหม่อีก” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างยิ่ง
ศิษย์พี่ผู้นั้นตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด “หาที่ตาย!”
“พอเถิด”
ทันใดนั้นเองศิษย์พี่ที่ยืนอยู่หน้าสุดก็ได้ยกมือขึ้นห้ามทัพ จากนั้นก็หันมาพูดกับหลงเฉินว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ ทว่าเจ้าฝ่าฝืนกฎของหมู่ตึก ฉะนั้นต้องขออภัยด้วย ได้โปรดจากไปแต่โดยดีด้วยเถิด”
ชายหนุ่มจ้องมองไปที่หลงเฉินด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ทว่าในน้ำเสียงของเขากลับมีความเสียดายอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเห็นใจหลงเฉินอย่างเต็มเปี่ยม
“ศิษย์พี่ รบกวนท่านช่วยชี้แนะถึงกฎข้อนั้นอีกครั้งด้วย ข้าจะได้ยอมรับทั้งกายและใจ” หลงเฉินเอ่ยออกมาด้วยความเกรงอกเกรงใจด้วยเช่นกัน
“อย่าได้ต่อปากต่อคำกันอีกเลย ศิษย์พี่ฉาง รีบขับไล่เขาออกไปเถิด กับบุคคลเช่นนี้ ท่านไม่จำเป็นจะต้องเปลืองน้ำลาย” ชายหนุ่มที่ถูกหลงเฉินตอกกลับไปเมื่อก่อนหน้านี้กล่าวเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
“บิดาและมารดาของเจ้าไม่เคยสั่งสอนหรือว่าอย่าได้สอดปากเข้ามาขณะที่ผู้อื่นกำลังสนทนากันอยู่ การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไร้มารยาทเป็นที่สุด เจ้าไม่ทราบหรือ?” หลงเฉินปรายสายตาไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขารู้สึกรำคาญที่ตัวโง่งมผู้นี้เอาแต่หาเรื่อง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยวาจาเหน็บแนมออกไป เพราะเหล่าศิษย์พี่คนอื่นต่างก็ไม่ได้แสดงกิริยามารยาทเช่นนี้ เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเอิกเกริกด้วย
ชายหนุ่มที่ถูกหลงเฉินตอกกลับไปเกรี้ยวกราดขึ้นมายกใหญ่ อีกทั้งยังขยับร่างกายหมายจะพุ่งตัวเข้าไปหาหลงเฉิน ทว่ากลับถูกชายหนุ่มอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังรั้งเอาไว้
ศิษย์พี่ฉางละสายตาจากชายหนุ่มผู้นั้นแล้วหันมามองหลงเฉิน “กฎของหมู่ตึกบอกไว้ว่าภายในการทดสอบไม่อนุญาตให้ผู้ที่เข้ารับการทดสอบทำร้ายร่างกายกันจนถึงขั้นตายตกลงไป ไม่เช่นนั้นจะต้องพ้นจากคุณสมบัติในการเข้ารับการทดสอบ”
“ท่านกล่าวได้ยอดเยี่ยมมาก” หลงเฉินชูหัวแม่โป้งไปทางศิษย์พี่ฉางพร้อมกับกล่าวชมเชยขึ้นมา
“เลียแข้งเลียขาให้มันน้อยลงหน่อยเถิด ในเมื่อศิษย์พี่ได้ตอบกลับไปแล้ว เจ้าก็คงจะยอมรับได้ทั้งกายและใจแล้ว เช่นนั้นก็ไสหัวไปซะ” แม้จะถูกจับตัวเอาไว้อยู่ ชายหนุ่มที่ถูกหลงเฉินตอกกลับไปก็ยังคงด่าทอออกมาไม่หยุด
“พูดเป็นต่อยหอย พูดจนลิงหลับ นี่เจ้าเพิ่งออกมาจากป่าเขาพงไพรหรือ? ถึงได้คันฝีปากถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังชื่นชอบการสอดปากสอดคำกับผู้อื่น หือ?” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
วาจาอันร้ายกาจของหลงเฉินทำให้ผู้คนทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ศิษย์พี่ฉางทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
“หรือเป็นเพราะเจ้าหลุดออกมาจากการกุมขังกัน?” หลงเฉินยังคงเอ่ยต่อไปไม่หยุด
“บัดซบ พวกท่านหลบไป ข้าจะสั่งสอนตัวบัดซบผู้นี้ให้ตายลงตรงนี้แหละ” ชายหนุ่มที่ถูกหลงเฉินตอกกลับไประเบิดโทสะขึ้นมาอย่างรุนแรง อีกทั้งยังด่าทอหลงเฉินเสียยกใหญ่
“พวกเจ้าพาศิษย์น้องหวูไปชมสิ่งอื่นในละแวกนี้ก่อนเถิด ทางนี้มอบให้ข้าจัดการเอง” ศิษย์พี่ฉางกล่าวต่อชายหนุ่มอีกสองคนอย่างอับจนปัญญา
ชายหนุ่มทั้งสองคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พลันก็ได้กระชับวงแขนไปที่ชายหนุ่มที่ถูกเรียกขานว่าศิษย์น้องหวูในทันที ถึงแม้ว่าจะถูกดึงร่างกายเอาไว้ ทว่าสายตาของศิษย์น้องหวูผู้นั้นก็ยังคงจับจ้องไปที่หลงเฉินอย่างอาฆาตมาดร้าย อีกทั้งยังด่าทอขึ้นมาไม่หยุด
“ศิษย์น้องหวูพุ่งพล่านมากเกินไปแล้ว เจ้าเพิ่งจะถูกผู้อาวุโสกักบริเวณไป อีกทั้งยังเพิ่งจะถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อเช้า……แค่กแค่ก ข้าว่าเปลี่ยนมาคุยเรื่องหลักกันเถิด ไม่ว่าอย่างไรหลงเฉินผู้นี้ก็ต้องจากไป ฉะนั้นเจ้าอย่าได้ทำให้ข้าลำบากใจไปด้วยเลย ที่เจ้าทำเช่นนี้ช่างไม่น่าดูยิ่งนัก” ศิษย์พี่ฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ศิษย์พี่ฉาง หากเป็นไปตามกฎของหมู่ตึก ข้าคิดว่าท่านไม่อาจขับไล่ข้าได้” หลงเฉินเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
“หือ?” ศิษย์พี่ฉางขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที
“กฎของหมู่ตึกที่ว่าด้วยกฎของการทดสอบ ในข้อที่สาม วรรคที่เจ็ดเขียนเอาไว้ว่า: ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ ผู้ที่อยู่ในระหว่างการทดสอบย่อมไม่อาจปองร้ายผู้ร่วมการทดสอบคนอื่นจนถึงแก่ชีวิตได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกเพิกถอนออกจากการทดสอบในทันที
ข้าคิดว่าศิษย์พี่ฉางคงจะจำกฎข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นข้าจะไม่กล่าวให้มากความอีก ไม่ทราบว่าท่านจะบอกข้าได้หรือไม่ว่า ‘ปองร้าย’ ในที่นี้มีหมายความว่าอย่างไร?” หลงเฉินกล่าว
“……”
ศิษย์พี่ฉางขมวดคิ้วเข้มเสียยิ่งกว่าเดิม ทว่าเขาก็เข้าใจความหมายของหลงเฉินขึ้นมาได้ทันที หลงเฉินกำลังจะบอกว่าจ้าวหวู่เป็นผู้ท้าทายเขาก่อน อีกทั้งยังดูแคลนและหมายจะเข้ามาทำร้ายเขา
ด้วยเหตุนี้ที่หลงเฉินสังหารเขาไปก็มาจากความในข้อนี้ การลงมือของเขาจึงไม่สามารถเรียกว่าเป็นการสังหารเพราะปองร้ายต่ออีกฝ่ายหนึ่งได้
“นั่นก็มีเหตุผล ทว่าเรื่องเช่นนี้ได้อยู่นอกเหนือการตัดสินของข้าแล้ว ฉะนั้นข้าจำเป็นจะต้องรายงานขึ้นสู่เบื้องบน เพื่อให้ทางเบื้องบนเป็นผู้ตัดสิน” ศิษย์พี่ฉางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยกล่าวออกมา
ถังหว่านเอ๋อที่ยืนมองจากที่ที่ไกลออกไปก็ได้ทอแววตาเป็นประกายลุกวาวขึ้นมา ดูเหมือนว่านางจะดูถูกความสามารถของเจ้าเด็กน้อยผู้นี้มากเกินไปแล้ว
“ไม่ต้องรายงาน จ้าวหวู่ได้ใช้จิตใจอันอำมหิตลงมือ ทั้งหมดนี้จึงมีเหตุและผลในตัวของมันเอง หลงเฉินจึงไร้ซึ่งความผิด การทดสอบยังคงดำเนินต่อไปได้”
และแล้วก็ได้มีเสียงยานคางของเฒ่าชราดังขึ้นมาจากบริเวณสระน้ำที่อยู่ไกลออกไป