“หลงเฉิน”
หลงเฉินหันไปมองยังต้นเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง บริเวณนั้นมีร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งกำลังยืนกอดอกพร้อมกับจ้องมาที่เขาอยู่
“เจ้าคือ……” หลงเฉินแน่ใจอย่างยิ่งว่าไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับนางมาก่อน
“ข้ามีนามว่าชิงยวู เป็นหนึ่งในขุมกำลังของคุณหนูหว่านเอ๋อ” หญิงสาวรีบเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหลงเฉินเริ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ออ แล้วเรียกข้าด้วยเหตุอันใดกัน?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไป
“ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูหว่านเอ๋อกำลังเปิดศึกกับเหร่ยเชียนซัง เหมือนจะอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก” หญิงสาวที่มีนามว่าชิงยวูกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ผู้ใดจะกระทำการอันใดก็ทำไปสิ นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา เจ้าจะใส่ใจไปเพื่อสิ่งใดกัน” หลงเฉินส่ายหน้าไปมา พลันก็ได้หันหลังเพื่อเดินจากไป
อยากจะเปิดศึกกันก็ตามอัธยาศัย ข้าไม่ได้ชมชอบความคึกครื้นอยู่แล้ว ตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่สามารถดึงดูดข้าเอาไว้ได้ สิ่งนั้นก็คือเหล่าของดีที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ฉะนั้นข้าจึงไม่มีเวลาไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้หรอก
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าหลงเฉินกำลังจะจากไปอย่างไม่แยแสจึงรีบรั้งหลงเฉินเอาไว้ด้วยการตะเบ็งเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “เหตุใดเจ้าถึงกล้ากล่าววาจาเช่นนั้นออกมาได้ เป็นเจ้าเองไม่ใช่หรือที่ตอบรับการเข้าร่วมขุมกำลังของคุณหนูหว่านเอ๋อ ฉะนั้นเจ้าก็สมควรแสดงความภักดีต่อคุณหนูหว่านเอ๋อจึงจะถูกต้อง
ที่เจ้ากระทำอยู่ตอนนี้ราวกับไม่เห็นแก่ความปลอดภัยของคุณหนูเลยแม้แต่น้อย นี่เรียกว่าการเป็นปรปักษ์ต่อกันอย่างถึงที่สุด เจ้าไม่รู้สึกละอายต่อฟ้าดินบ้างหรืออย่างไร แล้วเจ้าจะสามารถไปเผชิญหน้ากับเหล่าวีรชนบนโลกหล้าแห่งนี้ต่อได้อย่างไรกัน เจ้า……”
“หยุดหยุดหยุด เชื่อเจ้าเลยจริงๆ หากยังพูดต่อ ข้าคงจะต้องกลายเป็นคนที่ชั่วช้าสามานย์อย่างไม่อาจให้อภัยได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นเพียงข้าตกลงจะไปกับเจ้าก็เพียงพอที่จะให้เจ้าหุบปากแล้วใช่หรือไม่” หลงเฉินรีบตอบกลับไปเพราะคร้านจะฟังวาจาด่าทอจากหญิงสาวปากคอเราะร้ายนางนี้
“เจ้าจะกล่าวเช่นนี้ขึ้นมาก็ไม่ถูก อันใดเรียกว่าเชื่อข้าเลย นี่เจ้ายังไม่ยอมรับความผิดของตัวเองอย่างนั้นหรือ ถึงแม้ว่าคุณหนูหว่านเอ่อจะเป็นผู้เอ่ยปากชวนเจ้าก่อน ทว่าเจ้าก็ควร……” ชิงยวูทอสีหน้าบึ้งตึงแล้วกร่นด่าหลงเฉินขึ้นมาอีกครั้ง
“พอเถิด กว่าเจ้าจะต่อว่าข้าจนสาแก่ใจแล้ว ชาวบ้านก็คงจะต่อสู้กันจนแยกย้ายไปหมดแล้ว ฉะนั้นจะไปหรือไม่ไปก็ให้เจ้าตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยความรำคาญอย่างถึงที่สุด
“ออ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รีบไปดูคุณหนูหว่านเอ๋อกัน หลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว พวกเราค่อยมาจัดการปัญหานี้กันอีกที” ชิงยวูพยักหน้าไปมาแล้วกล่าวออกไป
“คุณหนูชิงยวู ข้าขอถามคำถามสักข้อหนึ่งได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
“ว่ามา” ชิงยวูกล่าว
“มีชายหนุ่มเคยไล่ตามเจ้าบ้างหรือเปล่า?” หลงเฉินถาม
ชิงยวูทอสีหน้าโง่งมขึ้นมาในทันที พลันก็ได้ส่ายหน้าไปมา “ไม่มี ทำไม?”
“ออ ข้าเข้าใจแล้ว” หลงเฉินพยักหน้าไปมา
“หมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่มี ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว ออ ใช่แล้ว เจ้ากับถังหว่านเอ๋อมีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างไร” หลงเฉินเอ่ยถามออกไป
“ท่านปู่ของข้ามอบหมายให้ข้าตามมาเป็นหญิงรับใช้ส่วนตัวของคุณหนู ตัวข้านั้นได้ติดตามคุณหนูมานานกว่าสิบปีแล้ว มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและเรื่องจิปาถะของคุณหนูหว่านเอ๋อ” ชิงยวูกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เด็กน้อยผู้นี้เป็นแม่บ้านแม่เรือนนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่มีฝีปากกับความคิดอันร้ายกาจ อีกทั้งยังคอยจู้จี้จุกจิกไปหมดเสียทุกอย่าง
“พวกเราก็เดินไปคุยไปก็แล้วกัน เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าคุณหนูของเจ้ากำลังต่อสู้กับเหร่ยเชียนซังอยู่ใช่หรือไม่? เจ้าลิงอุรังอุตังผู้นั้นชมชอบคุณหนูหว่านเอ๋อของเจ้าไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงได้ลงไม้ลงมือกันได้เล่า?” หลงเฉินทางหนึ่งเดิน ทางหนึ่งก็ได้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“เจ้ากำลังล้อเลียนผู้อื่นอยู่ใช่หรือไม่……”
“คิดเสียว่าข้าไม่ได้กล่าวเช่นนั้นก็แล้วกัน ขอเชิญคุณหนูชิงยวูช่วยตอบคำถามของข้าด้วย” หลงเฉินรีบตัดบทพูดของหญิงสาวอย่างทันควัน
“เรื่องที่ว่าเหร่ยเชียนซังนั้นชื่นชอบคุณหนูหว่านเอ๋อนั้นไม่มีผิด ทว่าไม่มีชายใดที่ใช้วิธีไล่ตามเพื่อให้ได้มาครอบครองหรอก โดยมากแล้วพวกเขามักจะใช้วิทยายุทธ์เข้าสยบเสียมากกว่า ให้อีกฝ่ายหมอบอยู่แทบเท้าของพสกเขาโดยไม่มีข้อกังหาอื่นใดอีก นี่เป็นเรื่องปกติที่ชายหนุ่มอย่างพวกเจ้าใช้กันไม่ใช่หรือ” ชิงยวูกล่าว
หลงเฉินกรอกตาไปมาอย่างเอือมระอา เหตุใดหญิงสาวถึงชอบเหมารวมผู้คนให้ตายยกกลุ่มกันด้วยนะ เดิมทีหลงเฉินคิดจะบอกให้ชิงยวูนำคำว่า ‘พวกเจ้า’ ทิ้งไป ทว่าหญิงสาวนางนี้คงจะกล่าวหาว่าเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นชายหนุ่มแล้วอย่างแน่นอน เขาจึงสงบปากสงบคำเอาไว้
ทว่าคำพูดของชิงยวูนั้นกลับทำให้หลงเฉินเข้าใจจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์มากยิ่งขึ้น เสน่ห์ของชายหนุ่มนั้นย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของฝีมือการใช้วิทยายุทธ์ ซึ่งคล้ายกับสัตว์ที่มักจะใช้ความแข็งแกร่งเพื่อดึงดูดเพศเมีย ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ย่อมได้รับความรักและสิ่งที่คู่ควรกลับมา
และในเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ไม่ได้มีสิ่งใดที่ตายตัว ทว่ากลับตรงไปตรงมาเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดแข็งแกร่งย่ออยู่รอด ไม่สามารถผูกมัดด้วยคำว่าศีลธรรม มีเพียงพละกำลังเท่านั้นที่จะกำหนดทุกสิ่งอย่าง
“แล้วเหตุใดพวกเขาต้องต่อสู้กันด้วย?” หลงเฉินยังคงถามขึ้นมาต่อเนื่อง
“พวกเขาเจอสมบัติประหลาดชิ้นหนึ่งในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าผู้ใดยอมอ่อนข้อให้กัน จึงมีเพียงวิทยายุทธ์เท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้” ชิงยวูกล่าว
“สมบัติประหลาด?”
หลงเฉินทอแววตาเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมา สิ่งของที่แม้แต่ถังหว่านเอ๋อกับเหร่ยเชียนซังยังต้องยอมแลกชีวิตต่อกัน แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“แค่กแค่ก ในเมื่อคุณหนูหว่านเอ๋อต้องพบเจอภยันตราย พวกข้าที่เป็นบริวารย่อมต้องบุกน้ำลุยไฟ เข้าไปช่วยเหลือให้จงได้
เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่คุณหนูมีต่อข้า สมบัติประหลาดชิ้นนั้น ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องช่วยคุณหนูช่วงชิงมันมาให้ได้” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางขึงขังจริงจัง พร้อมทั้งออกแรงที่ใต้ฝ่าเท้าพุ่งทะยานไปยังเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่ง
ชิงยวูทอสีหน้าโง่งมขึ้นมาครู่หนึ่ง ทันใดนั้นบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาพร้อมกับคิดได้ว่าในที่สุดหลงเฉินผู้นี้ก็ยอมเปิดใจแล้ว
เงาร่างของหลงเฉินทะยานออกไปด้วยความเร็วของฝีเท้าที่แม้แต่นางยังต้องตกใจ เพียงสองก้าวก็สามารถพุ่งตัวออกไปได้ไกลถึงเพียงนั้นแล้วหรือ ช่างเป็นความเร็วที่ไร้สิ่งใดมาเปรียบได้อย่างแท้จริง
อีกทั้งการตะบึงหน้าตั้งของหลงเฉินกลับไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ออกมาเลยด้วยซ้ำ แม้นางจะเร่งฝีเท้าตามไปอย่างไม่คิดชีวิต ก็ยังกระทำได้แค่ตามรั้งท้ายหลงเฉินไปตลอดทาง
เมื่อเดินทางผ่านเขาลูกหนึ่งไปก็พบหุบเขาขนาดเล็กอยู่ทางด้านหน้า ภายในหุบเขานั้นมีผู้คนอยู่สิบกว่าคนกำลังเปิดศึกกันอยู่อย่างวุ่นวาย บ้างก็ออกหมัด บ้างก็ใช้เท้ารับ จนบริเวณโดยรอบนั้นเกิดกระแสลมกรรโชกมาอย่างรุนแรง
ถัดจากกลุ่มคนนับสิบก็ได้มีสองเงาร่างประจันหน้ากันอยู่ที่หน้าผาแห่งหนึ่ง ร่างหนึ่งมีรูปร่างกำยำแข็งแรงของชายหนุ่ม อีกร่างนั้นเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น
บัดนี้ร่างกายของเหร่ยเชียนซังถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยประกายแสงสว่างอันหนาแน่นที่ขยับไปมา แสงสว่างนั้นก็คือการไหลเวียนของพลังอัสนีบาตที่มีปะทุออกมาไม่หยุดนั่นเอง เส้นผมของเหร่ยเชียนซังชี้ตั้งขึ้นไปกลางอากาศ พลันก็ได้ออกหมัดผ่าอากาศจนเกิดเสียงดังเพียะพะขึ้นมาต่อเนื่อง
เบื้องหน้าของเขานั้นเป็นถังหว่านเอ๋อ ที่บัดนี้มีขุมพลังแห่งสายลมพัดผ่านไปทั่ว มืออันขาวผ่องของนางพลิกไปตามจุดต่างๆ จนเกิดคมวายุปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย พลังสภาวะของถังหว่านเอ๋อก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหร่ยเชียนซังเลยแม้แต่น้อย
สองเงาร่างพุ่งทะยานเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาหลายครั้ง ทันทีที่เท้าของทั้งสองคนเหยียบลงสู่พื้นดินก็ได้เกิดการแตกระแหงคล้ายกับใยแมงมุม
“เป็นการละเล่นที่หาชมได้ยากเสียจริง” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าพลังการต่อสู้ของทั้งสองยอดฝีมือนั้นช่างแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าอย่ามัวแต่ยืนดูอย่างโง่งมอยู่เลย รีบเข้าไปช่วยเร็ว!” ชิงยวูรีบชักนำหลงเฉินออกไป พร้อมทั้งกล่าวขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
“แค่กแค่ก ข้าไม่ได้ดูอย่างโง่งม ทว่ากำลังสังเกตการณ์ก่อนก็เท่านั้นเอง หลังจากที่มีข้อมูลการต่อสู้ที่แน่นอนแล้วจึงจะเข้าไปช่วยคุณหนูหว่านเอ๋อได้” หลงเฉินรีบตอบกลับไป
ความจริงแล้วหลงเฉินไม่ได้คิดจะลงมือออกไปจริงๆ เพราะเขาย่อมต้องเก็บงำพลังฝีมือของตัวเองเอาไว้บ้าง อีกทั้งยังไม่แน่ว่าเด็กสาวนางนี้จะหลอกใช้ตัวเองด้วยวาจาเฉกเช่นเดียวกับที่ถังหว่านเอ๋อหว่านล้อมให้เขาเข้าร่วมขุมกำลังด้วยหรือไม่
“ที่เจ้ากล่าวมานั้นถือว่ามีเหตุผล ลองตรวจสอบดูกันก่อนเถิด ข้าจะออกไปช่วยอีกแรงหนึ่งก่อน” หลังจากกล่าวจบ ชิงยวูก็ได้กระโดดลงไปจากหุบเขา แล้วมุ่งหน้าไปยังกลุ่มผู้คนนับสิบในทันที
หลงเฉินกวาดสายตามองไปยังฉากต่อสู้โดยรอบอย่างละเอียดก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าผู้คนนับสิบนั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่ายนั่นก็คือฝ่ายของเหร่ยเชียนซังกับฝ่ายของถังหว่านเอ๋อ
ใบหน้าของถังหว่านเอ๋อในตอนนี้กลับดูอ่อนล้าโรยแรงลงไปมาก ทว่าในด้านของพลังกลับยังคงแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะเพียงพอที่จะจัดการอีกฝ่ายให้ถอยร่นไปเป็นฉากๆ ได้
และหลังจากที่ชิงยวูผู้เป็นยอดฝีมือขอบเขตก่อโลหิตขั้นสูงสุดได้เข้าไปร่วมการต่อสู้ก็ไม่พบว่ามีอันใดให้ต้องน่าเป็นห่วง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่ง
เมื่อกวาดสายตามองไปยังฉากต่อสู้อย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดหลงเฉินก็เสาะหาสมบัติประหลาดที่ว่านั่นจนเจอ
“ใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์หรือ? ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงได้เปิดศึกกันขึ้นมา”
ใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์นั้นจัดเป็นโอสถบำรุงร่างกาย ที่มีคุณค่ามากที่สุดชนิดหนึ่ง ด้วยฤทธิ์โอสถอันเข้มข้นจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี จะกลืนลงไปทั้งใบก็ย่อมไม่เป็นปัญหาอันใด ทว่าหากนำไปหลอมเป็นโอสถจะให้ผลลัพธ์ที่แกร่งกล้ามากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
นอกจากนี้ผลลัพธ์ของใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ยังสามารถซ่อมแซมกระดูกและเส้นเอ็น อีกทั้งยังผลัดเปลี่ยนผิวที่ตายไปแล้วออกจนทำให้ผู้คนมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งเสียยิ่งกว่าเดิม
แน่นอนว่าหญิงสาวที่งดงามอย่างถังหวานเอ๋อย่อมหมายปองผลลัพธ์ในข้อนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้ทั้งสองฝ่ายจึงไม่อาจอ่อนข้อให้แก่กันได้
ใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ดึงดูดความสนใจจากหลงเฉินเป็นอย่างมาก นอกจากมีผลลัพธ์ในการบำรุงกายเนื้อแล้ว ยังสามารถเพิ่มพูนพลังแฝงภายในเส้นลมปราณ ได้เป็นอย่างดีด้วย
ทว่าด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของหลงเฉิน ต่อให้ได้รับใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ไปก็เกรงว่าจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่มากมายเท่าที่ควร แต่หากนำมาหลอมเป็นโอสถย่อมต้องสร้างประโยชน์ให้ตัวเองอย่างแน่นอน
ใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหน้าผา หากคิดจะเข้าไปเอาก็จำเป็นจะต้องผ่านจุดต่อสู้ทั้งหมดไป เห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีโอกาสที่จะได้มาครอบครองเลย
ทว่าเมื่อกวาดสายตามองไปอีกครั้งหนึ่ง ก็พบว่าทั้งเหร่ยเชียนซังและถังหว่านเอ๋อต่างก็เพ่งสมาธิอยู่กับฝ่ายตรงข้าม จึงไม่ได้ให้ความสนใจต่อใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์แม้แต่น้อย
อีกทั้งการต่อสู้ระหว่างพวกเขากลับไม่ถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย ต่างฝ่ายต่างก็เก็บงำพลังเอาไว้ส่วนหนึ่ง แน่นอนว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะต้องดำเนินต่อไปอีกยาวนานแน่นอน ฉะนั้นเขาต้องคอยหลบการต่อสู้เพื่อแอบไปเอาใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์นั่นมาให้จงได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้บนใบหน้าของหลงเฉินก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ทันทีที่ถอยเท้าออกไปก็ได้มีเสียงหนึ่งเรียกขานขึ้นมา
“หลงเฉิน เจ้ายังไม่เข้ามาช่วยอีกหรือ”….