เมื่อหลงเฉินหันหน้าไปมองยังต้นเสียงก็พบชายหนุ่มสามคนกำลังยืนอยู่บริเวณที่ห่างไกลออกไปเล็กน้อย ดวงตาเหล่านั้นทอประกายเจิดจ้ามาที่กับดักที่อยู่ในมือของเขา
“เจ้าหนู มัวแต่สงสัยอยู่ได้ รีบส่งปลาฉีหลิงมาได้แล้ว” เมื่อเห็นว่าหลงเฉินเอาแต่จ้องมองกลับมาด้วยความสงสัย หนึ่งในชายหนุ่มกลุ่มนั้นก็ได้ระเบิดโทสะแล้วตะเบ็งเสียงดังขึ้นมา
หลงเฉินพยักหน้าแล้วดึงกับดักจับปลาขึ้นมาไว้ด้านข้าง ทันใดนั้นชายหนุ่มทั้งสามคนก็รีบวิ่งเข้ามาคว้ากับดักปลาฉีหลิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เป็นปลาฉีหลิงอันเลื่องชื่อจริงๆ ด้วย ได้ยินมาเนิ่นนานแล้วว่ารสชาติของปลาชนิดนี้โอชะที่สุดในแดนของมนุษย์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีบุญวาสนาได้ลองลิ้มรสก็วันนี้” เมื่อชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าวจบ ทั้งสามคนก็ได้หัวเราะพร้อมกันเสียยกใหญ่
หลงเฉินจ้องมองไปยังใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรื่นเริงของชายหนุ่มทั้งสามคนด้วยแววตาเย็นชาอย่างถึงที่สุดโดยไม่คิดจะกล่าววาจาอันใดออกมา เขาอยากจะทราบว่าความฉลาดของผู้คนกลุ่มนี้นั้นจะมีมากเพียงใด
“ทว่าน่าเสียดายที่ภายในแหวนมิติของพวกเราไม่มีที่ว่างเพียงพอสำหรับใส่มันลงไปแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะได้สักตัวสองตัวเอากลับไปเลี้ยง เผื่อวันข้างหน้าจะได้ออกลูกเพิ่มอีกมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราคงจะนั่งรอรับทรัพย์อย่างสบายแล้ว” คนผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสลด
“เหอะเหอะ คงจะไม่ยากเกินไปสำหรับข้าหรอก เพราะบรรพบุรุษแห่งตระกูลหลิงหนานจ้าวของข้านั้นเป็นผู้สร้างยุทโธปกรณ์อันลี้ลับที่สืบทอดกันต่อๆ มา พวกเจ้ารู้จักของชิ้นนี้หรือไม่?” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตกล่าวขึ้นมาพร้อมกับล้วงเอาแหวนมิติของเขาออกมาด้วยสีหน้าได้ใจอย่างถึงที่สุด
“นั่นคืออะไรกัน? คล้ายกับแหวนมิติอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มที่มีใบหน้าเศร้าสลดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เหอะเหอะ คงจะไม่รู้จักกันสินะ ของสิ่งนี้เรียกว่าแหวนมิติแห่งชีวิต เป็นแหวนมิติที่สามารถใส่สิ่งที่มีชีวิตลงไปได้” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตตอบกลับไปด้วยท่าทางอกผายไหล่ผึ่ง
“ใส่สิ่งที่มีชีวิตได้ด้วยอย่างนั้นหรือ? เยี่ยมไปเลย เช่นนั้นเจ้าก็สามารถนำสัตว์เลี้ยงใส่ไว้แหวนมิติได้น่ะสิ?” ชายหนุ่มอีกสองคนทอประกายเจิดจ้าขึ้นมาในดวงตาอย่างเห็นได้ชัด
“แค่กแค่ก แน่นอนว่าย่อมได้ ทว่าของสำคัญชิ้นนี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของข้ามอบสืบต่อกันมาเพื่อเป็นของที่ระลึกเท่านั้น ไม่มีผู้ใดคิดที่จะนำสัตว์มายาใส่ลงไป เช่นนั้นจะเป็นการดูหมิ่นต่อบรรพบุรุษอย่างยิ่ง”
ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตกระแอมออกมาด้วยท่าทีที่กระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง ความจริงแล้วแหวนมิติแห่งชีวิตวงนั้นสามารถใส่สัตว์มายาลงไปได้ ทว่าบรรพบุรุษของกลับมีส่วนในการสร้างยุทโธปกรณ์ชิ้นนี้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายก็คือเป็นเพียงศิษย์ของผู้อื่นที่ช่วยเหลืออาจารย์ในการสร้างแหวนมิติแห่งชีวิตขึ้นมา
อีกทั้งแหวนมิติแห่งชีวิตวงนี้จัดอยู่ในระดับต่ำจึงสามารถใส่สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแออยู่เท่านั้น หากเป็นสัตว์ป่าขนาดใหญ่หรือเป็นสัตว์มายาขึ้นไปย่อมไม่อาจใส่ลงไปได้ ทว่าเขาไม่อาจกล่าวถึงความเป็นจริงในข้อนี้ออกมาได้
“ความหมายของเจ้าก็คือพวกเราสามารถเก็บปลาฉีหลิงเหล่านี้ไว้ในแหวนมิติแห่งชีวิตได้อย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าย่อมไม่มีปัญหา”ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตกล่าวขึ้นมาอย่างหนักแน่น
“แล้วเจ้าไม่กลัวว่าจะกลายเป็นการดูหมิ่นต่อบรรพบุรุษหรือ?”
“เหตุผลนั้นแตกต่างกัน สัตว์มายาสามารถถ่ายของเสียอยู่ในนั้นได้ หากเป็นเช่นนั้นถือเป็นการดูหมิ่นต่อบรรพบุรุษอย่างยิ่ง
ทว่าปลาฉีหลิงเหล่านี้เป็นความเลิศรสแห่งหมู่มวลมนุษย์ แน่นอนว่าเหล่าบรรพบุรุษของข้าย่อมมีความสุขไปด้วย จึงถือไม่เป็นการดูหมิ่นแต่อย่างใด” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตทอสีหน้าไม่แยแสแล้วกล่าวขึ้นมา
“นี่……” ชายหนุ่มคนอื่นๆ ต่างลังเลขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่ง
ภายในกับดักมีปลาฉีหลิงอยู่ทั้งหมดสามตัว หากแบ่งกันแล้วก็จะได้รับไปกันคนละตัว ทว่าหากเก็บเอาไว้ในแหวนมิติแห่งชีวิตย่อมต้องตกเป็นของชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตแต่เพียงผู้เดียว ภายในใจของพวกเขาจึงเกิดความไม่วางใจขึ้นมาส่วนหนึ่ง
“พวกเจ้าไม่เชื่อใจข้าอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นใบหน้าครุ่นคิดของพวกพ้อง “พวกเราได้ติดตามยอดฝีมืออย่างพี่เหร่ยด้วยกันแล้ว ทว่าพวกเจ้ากลับไม่มีความเชื่อใจต่อพวกเดียวกันเองอย่างนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มทั้งสองจึงรีบพ่นวาจาออกมาทันที “จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกัน พวกเราแค่สงสัยว่าภายในแหวนมิติแห่งชีวิตจะเลี้ยงปลาได้อย่างไรกัน เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด”
ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตมองค้อนกลับไป มีหรือที่เขาจะอ่านความคิดของพวกเขาไม่ออก เพียงแต่ไม่อยากจะกล่าววาจาโหดร้ายให้เสียเรื่องก็เท่านั้น “พวกเราต่างก็เป็นผู้ติดตามของพี่เหร่ยแล้ว ส่วนทางตระกูลก็ได้ส่งสิ่งของบรรณาการให้แก่พี่เหร่ยจนยอมรับพวกเราเอาไว้
และพวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าหลังจากที่มาเยือนที่แห่งนี้แล้วก็ยังไม่มีผู้ใดแย่งชิงด้วยวิธีการดุเดือดมากนัก ด้วยพลังการต่อสู้ของพวกเราคงจะสามารถผ่านด่านแรกไปได้แน่นอน……บัดซบ เจ้าหนู เจ้ากำลังขบขันเรื่องอันใด?”
ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตหันมาด่าทอหลงเฉินด้วยความขุ่นเคือง หลังจากที่ได้ยินเสียงฮาฮาเล็ดรอดจากไรฟันของหลงเฉินออกมา
“ไม่มี……พวกเจ้าเล่าต่อเถิด” หลงเฉินเก็บรอยยิ้มกลับไปในทันที เขารู้สึกทนไม่ไหวกับวาจาโอ้อวดของพวกคุณหนูกลุ่มนี้เต็มทีแล้ว
หลงเฉินกวาดสายตามองไปยังรูปลักษณ์อันโง่งมของบุคคลเหล่านั้นนี้ ก็นึกคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าเหร่ยเชียนซังย่อมไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแน่นอน ทว่าเพียงแต่ไม่อาจขัดตระกูลใหญ่ที่นำของบรรณาการมากมายมาให้ ฉะนั้นจึงรับพวกเขาเอาไว้อย่างอับจนปัญญา
หลงเฉินจึงหันไปง่วนอยู่กับการสาวเชือกแทน ทันใดนั้นชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตจึงคิดว่าหลงเฉินเกิดความหวาดกลัวต่อเขา พลันก็ได้กล่าวต่ออีกว่า “พลังการต่อสู้ของพวกเราเป็นเพียงขั้นแรกเริ่ม ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับผู้คนส่วนมาก ทว่ายังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่แข็งแกร่งกว่า ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ควรคลายความระมัดระวังได้”
ชายหนุ่มอีกสองคนพยักหน้าไปมาอย่างเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องที่สุด”
“ฉะนั้นพวกเจ้าอย่าได้คิดวุ่นวายไปเลย สิ่งของเหล่านี้ พวกเราจะต้องนำไปผ่านความเห็นชอบจากพี่เหร่ยก่อน พวกเห็นด้วยหรือไม่?” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตถามขึ้นมา
“ใช่ใช่ใช่ พูดอีกก็ถูกอีก หากไม่ได้เจ้าชี้แนะ พวกข้าคงลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียแล้ว เจ้ามีสายตาที่มองไปถึงการณ์ไกลยิ่งนัก ขอนับถือจากใจจริง” ชายหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยวาจาชื่นชมขึ้นมาไม่หยุด
ดวงตาของชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตทอเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมา แล้วตอบกลับไปว่า “เหอะเหอะ พวกเจ้าก็ยอกันเกินไปแล้ว ข้าก็เป็นเพียงคนที่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดสมควรจะกระทำออกไปอย่างไรก็เท่านั้น”
หลงเฉินที่ยืนฟังอยู่ก็เกือบจะสำลักออกมาในทันที ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตผู้นี้ช่างหน้าด้านหน้าทนเกินไปแล้ว
เมื่อกล่าวอย่างถ่อมตัวจบแล้ว ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตก็ได้นำแหวนมิติแห่งชีวิตยื่นไปข้างสระน้ำใส พลันก็ได้ตักน้ำใส่ถังกรอกเข้าไปในแหวนมิติ เมื่อพบว่าน้ำภายในถังน้ำหมดแล้ว นั่นก็แสดงว่าเขาสามารถบรรจุน้ำเอาไว้ในแหวนมิติแห่งชีวิตได้แล้ว
“ภายในแหวนมิติแห่งชีวิตของข้ามีขนาดโดยรอบเพียงสิบเซียะ ข้าตักน้ำในสระเพื่อสร้างเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กขึ้น เช่นนั้นก็สามารถปล่อยปลาฉีหลิงเข้าไปแหวกว่ายได้แล้ว”
จากนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ได้ส่งกับดักปลาฉีหลิงให้ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาต ในเวลาต่อมาเขาก็ได้เทปลาฉีหลิงลงไปในแหวนมิติแห่งชีวิตจนหายวับไปกับตา
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาทั้งสามคนก็ได้หันไปหาหลงเฉิน และก็พบว่าหลงเฉินกำลังจ้องมองมาที่แหวนมิติแห่งชีวิตของชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตอยู่ “เจ้าหนู เจ้าคงจะไม่เคยพบเห็นสมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้มาก่อนสินะ อย่าได้อิจฉาไปเลย
ชิ ก็แค่สามัญชนผู้หนึ่งเท่านั้น ถึงแม้จะมีสัตว์มายาระดับสามเป็นพาหนะ ก็ใช่ว่าจะยิ่งใหญ่จนโบยบินขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้ คิดว่าตระกูลอื่นไม่มีสัตว์มายาระดับสามหรืออย่างไรกัน? พวกเราเพียงไม่ได้นำออกมาด้วยก็เท่านั้น
และที่เจ้าใช้สัตว์มายาระดับสามเข้าต่อกรกับชีซิ่ง คิดว่าเก่งกล้าสามารถที่สุดแล้วหรือ? พอตอนนี้ไม่มีสัตว์มายาระดับสามอยู่ด้วยจึงรู้สึกเสียใจขึ้นมา? เจ้าก็แค่หอยทากตัวหนึ่งที่เก่งแต่อวดดีต่อหน้าผู้คนก็เท่านั้น
หากอยากให้พวกข้าละโทษถลกหนังของเจ้าออกมา จงบอกมาซะว่าเจ้าจับปลาฉีหลิงเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน?” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตจ้องเขม็งมาที่หลงเฉิน
พวกเขาทั้งสามคนพบปลาฉีหลิงเวียนว่ายอยู่ในสะน้ำนี้มาก่อนหลงเฉินแล้ว ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะใช้เบ็ดตกปลา หรือแม้แต่แหจับหลา ก็ไม่มีปลาติดขึ้นมาเลยแม้แต่ตัวเดียว
พวกเขาจึงหมายจะลองไปเสาะหาสิ่งของที่จะนำมาจับปลาในละแวกนี้ทว่าหาไม่เจอ จึงกลับมายังสระน้ำแห่งเดิม เมื่อเห็นว่าหลงเฉินสามารถจับปลาฉีหลิงขึ้นมาได้จึงคิดจะเข้ามาข่มเหงในทันที
หลงเฉินกอดอกแล้วจ้องกลับไปด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวตอบกลับไปว่า “การมาเยือนของพวกเจ้าทำให้ข้ามีความสุขยิ่งนัก”
“กล่าววาจาไร้สาระอยู่ได้ รีบบอกวิธีจับปลาออกมาเร็ว” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตระเบิดโทสะขึ้นมาอย่างรุนแรง
“ข้ามีข้อเสนอที่ต้องการเจรจากับพวกเจ้าสักหน่อย”
ทันทีที่กล่าวจบ หลงเฉินก็ฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตอย่างไร้วี่แววและซุ่มเสียง
“เพียะ”
เสียงดังสะท้านไปทั้งโสตประสาทของชายหนุ่มผู้นั้น อีกทั้งยังล้มกลิ้งไปกับพื้นติดต่อกันอยู่หลายตลบ เนื้อตัวถูกเสี้ยนหนามลนพื้นทิ่มตำจนเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาจนดิ้นทุรนทุราย
“สะใจจริงๆ”
หลงเฉินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับพยักหน้าไปมา ในสายตาของเขามองเห็นชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตผู้นั้นเป็นเพียงเศษขยะที่น่ารังเกียจชิ้นหนึ่งก็เท่านั้น การได้ฟาดผ่ามือออกไปก็เหมือนกับได้ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจที่เอ่อล้นออกมา
“หาที่ตาย”
หลังจากที่ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล พวกพ้องอีกสองคนก็ได้ตะเบ็งเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะขึ้นมาพร้อมกัน พลันก็เข้าจู่โจมมาที่หลงเฉินในทันที
ชายหนุ่มทั้งสองคนนั้นมีพลังอยู่ในขอบเขตขั้นก่อโลหิตตอนปลาย ทว่าการโจมตีของพวกเขากลับมีช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด ร่างกายเหล่านั้นแข็งทื่อมากเสียจนมองเห็นการเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน มีเพียงสิ่งเดียวที่น่าพึงพอใจและให้ความเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง นั่นก็คือเสียงตวาดที่แผดออกมา
“เพียะเพียะ”
มือใหญ่ตบเข้าไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองคนจนใบหน้าหัน พลันก็ได้ลอยทะยานติดตามชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตไปติดๆ
ในขณะที่ชายหนุ่มผู้มีดวงตาไก่พิฆาตกำลังจัดการกับดวงดาวนับพันในห้วงสมองได้แล้ว ทว่ากลับไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะถูกสหายตามมาสมทบในไม่ช้า
ตุบ!
ร่างทั้งสามปะทะกันอย่างรุนแรง เมื่อตั้งสติได้แล้ว พวกเขาก็ตรงมาหาหลงเฉินด้วยเพลิงโทสะพุ่งพล่านขึ้นมายกใหญ่ พลันก็ได้ปะทุพลังสภาวะของโลหิตอันคลุ้มคลั่งขึ้นมาประดุจฝูงราชสีที่กำลังเกรี้ยวกราด
“เพียะเพียะเพียะ ตูมตูมตูม……”
เสียงปะทะดังติดต่อกันอยู่หลายครั้งพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมาจากสระน้ำใส สร้างความแตกตื่นให้กับฝูงนกที่เคยเกาะอยู่ขอบสระจนบินพล่านไปทั่วทุกสารทิศ
เวลาผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เสียงที่ดังขึ้นมาต่อเนื่องก็ได้หยุดลง เข้าสู่ความเงียบงันประดุจป่าช้า ชายหนุ่มทั้งสามคนจ้องมองไปยังใบหน้าที่บวมเป่งเหมือนซาลาเปาลูกใหญ่ของสหายด้วยความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้าของตัวเอง
ก่อนหน้านี้พวกเขามองว่าหลงเฉินเป็นเพียงผู้ดีจากตระกูลหนึ่งที่มั่งคั่งกว่าพวกเขา จึงมีสัตว์มายาระดับสามเป็นสัตว์พาหนะได้ ทว่ากลับไม่คิดว่าจะมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งแต่อย่างใด
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็สัมผัสไม่ได้ว่าหลงเฉินเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง ไม่เหมือนกับที่พวกเขามองเห็นบรรยากาศบนตัวของเหร่ยเชียนซัง
หลงเฉินเผยรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้นมาในทันที พร้อมกับเอ่ยถามชายหนุ่มทั้งสามคนว่า
“ตอนนี้พวกเราคงจะเจรจากันแต่โดยดีได้แล้วกระมัง”….