ในขณะที่หลงเฉินกำลังชักนำเสี่ยวเสว่ยให้เดินไปที่สะพานอยู่นั้น ก็ได้มีสายลมพวยพุ่งมาจากด้านหลังอย่างรุนแรง
“ไสหัวไป”
หลงเฉินเหวี่ยงตัวหลบไปอีกด้านหนึ่งในทันที แส้ยาวเส้นหนึ่งกวาดเข้ามายังอากาศที่เขาเคยอยู่ สายลมถูกแหวกออกด้วยพลังอันแกร่งกล้าจนเกิดเสียงหวีดดังขึ้นมาทั่วบรรยากาศ
“ซูม”
อินทรีย์ร่างยักษ์โฉบไปตามทางเดินบนสะพานใหญ่ เพียงแค่พริบตาเดียวก็ได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วค่อยๆ เลือนรางไปจากสายตา หลงเฉินทำได้แค่เพียงเหม่อมองไปยังเงาร่างที่นั่งอยู่บนหลังของอินทรีย์ตัวนั้น ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นเจ้าของแส้ยาวที่ฟาดออกมาด้วยความไม่แยแส อีกทั้งยังไม่หันมามองที่หลงเฉินแม้แต่ครั้งเดียว
หลงเฉินบังเกิดโทสะขึ้นมาภายในจิตใจ นี่เป็นการหาเรื่องกันอย่างเห็นได้ชัด ให้ตายเถิด เจ้านั่นนั่งอยู่บนสัตว์มายาที่บินได้ แล้วมาเกี่ยวอันใดกับสะพานที่อยู่เบื้องล่างเช่นนี้กัน หึหึ อย่าให้ถึงคราวของข้าเชียว
ดูจากผู้คนที่สัญจรไปมากว่าแปดเก้าส่วนแล้วก็คงจะมุ่งหน้าไปรายงานตัวเพื่อเข้าทดสอบอย่างไม่ต้องสงสัย นี่เพิ่งจะอยู่กลางทางสู่หมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์เท่านั้นยังได้รับแรงกดดันถึงเพียงนี้แล้ว ฉะนั้นเส้นทางของการร่ำเรียนวิชาคงจะไม่อาจอยู่อย่างสงบอย่างแน่นอน
หลงเฉินเกิดความหดหู่ขึ้นมาภายในจิตใจเล็กน้อย พลันก็ได้ขี่เสี่ยวเสว่ยเดินไปบนสะพานใหญ่ ในขณะที่จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดอันว้าวุ่นของตัวเองนั้น ที่บริเวณอับสายตามุมหนึ่งก็ได้มีเงาร่างขนาดใหญ่ลอยละล่องเข้ามา
ทว่าเงาร่างนั้นกลับไม่ได้จู่โจมเขาเหมือนชายหนุ่มเมื่อครู่นี้ หลงเฉินมองตามร่างเงานั้นอย่างไม่รู้ตัว กลางผืนฟ้าอันกว้างใหญ่มีนกกระยางสีรุ้งตัวหนึ่งกำลังลู่ลมอยู่อย่างสง่างาม เส้นขนที่อยู่ตามร่างกายทอประกายเงามันขลับ เห็นได้ชัดว่านกกระยางตัวนี้จะต้องเป็นพันธุ์ที่ดีเป็นอย่างยิ่งแน่นอน
หลงเฉินเงยหน้ามองไปตามการเคลื่อนไหวอันพลิ้วไหวของเงาร่างนั้น ทว่าดวงตาคู่คมของเขากลับไปผสานเข้ากับสายตาของเงาร่างที่นั่งอยู่บนนกกระยางสีรุ้งพอดี หลงเฉินอุทานขึ้นมาภายในใจ นางถือว่าเป็นสาวงามนางหนึ่งเลยก็ว่าได้
หญิงสาวที่อยู่บนหลังของนกกระยางสีรุ้งน่าจะมีอายุสิบหกสิบเจ็บปี สวมด้วยชุดขนสีขาวประดุจหิมะ มีโครงหน้าเรียวยาว เส้นคิ้วโค้งประดุจดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดวงตาแวววาวประดุจดวงดาราที่สุมด้วยจิตวิญญาณแห่งเพลิงอยู่ขุมหนึ่ง
ดูโดยรวมแล้วหญิงสาวนางนั้นช่างงดงามหมดจดเป็นอย่างยิ่ง ทว่าให้ความรู้สึกที่ที่เย็นชาจนเกินไป หญิงสาวปรายสายตามองมาที่เสี่ยวเสว่ยด้วยความแปลกประหลาดใจ แล้วเบือนสายตากลับไปในทันที
หลงเฉินเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาภายในจิตใจ สาวน้อยผู้นี้คงจะไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบหรอกนะ ดวงตาที่มองมาเมื่อครู่นี้คล้ายกับมองทะลุเข้าไปถึงภายในร่างกายของเสี่ยวเสว่ย
และเขาก็สังเกตเห็นว่าบนร่างกายของหญิงสาวมีหมอกควันอันเย็นเยียบฟุ้งออกมาสายหนึ่ง ทว่าให้ความรู้สึกที่ไม่ใช่หมอกควันแบบธรรมดา อีกทั้งบรรยากาศรอบร่างกายยังมีพลังลมปราณรูปร่างประหลาดปกคลุมเอาไว้จนหลงเฉินไม่อาจมองเห็นพลังการฝึกยุทธ์ของนางได้ ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอันแรงกล้าของหลงเฉินแน่นอนว่าย่อมไม่อาจมีผู้ใดซ่อนเร้นพลังการฝึกยุทธ์ไปจากเขาได้
“เจ้าหนูที่ขวางทางอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่อยากตายก็รีบหลีกทางซะ”
ในขณะที่หลงเฉินกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เสียงตะโกนของชายผู้หนึ่งก็ได้ดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง เมื่อหลงเฉินหันไปก็พบว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังควบอยู่บนหลังของวัวคลั่งตัวใหญ่ อีกทั้งยังมุ่งหน้ามาที่สะพานสายนี้ราวกับหอบพายุลูกใหญ่เข้ามาด้วย
หลงเฉินถูกกระตุ้นโทสะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นี่ถือเป็นการรังแกและเหยียดหยามผู้คนเกินไปแล้ว ข้าผู้นี้มาเพื่อเข้ารับการสั่งสอนจากสำนักพลิกสวรรค์ ไม่ได้มาเพื่อเป็นที่รองรับอารมณ์ของผู้ใด
เมื่อวัวคลั่งตัวนั้นเดินเข้ามาใกล้ หลงเฉินก็ได้เหนี่ยวให้เสี่ยวเสว่ยหลบมาอยู่ทางด้านทางเพื่อเปิดช่องสำหรับเป็นทางเดิน
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินหลีกทางให้แล้ว ชายหนุ่มผู้นั้นก็ได้ส่งเสียงดังชิออกมาอย่างรำคาญใจ “ถือว่าเจ้ารู้จัก……อา”
ยังไม่ทันที่จะเอื้อนเอ่ยวาจาเหยียดหยามออกไปจนจบประโยค ที่ขาหลังของวัวคลั่งก็ได้ถูกเท้าข้างหนึ่งของหลงเฉินกระทุ้งเข้าไปอย่างรุนแรง
แม้วัวคลั่งตัวนั้นจะมีขนาดใหญ่โตกว่าเสี่ยวเสว่ยเป็นเท่าตัว ทว่ากลับไม่สามารถต้านรับแรงกระแทกจากหลงเฉินได้ ทันใดนั้นร่างขนาดใหญ่ก็ได้กระเด็นออกไปในทันทีจนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านบนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด
“จ๋อม”
ทั้งคนทั้งสัตว์ต่างก็พลัดตกลงไปในแม่น้ำสายกว้างที่อยู่เบื้องล่างในทันที
“เจ้าหนู เจ้ารอข้าอยู่ตรงนั้นนะ”
ชายหนุ่มชี้นิ้วมาที่หลงเฉินอย่างเดือดดาล หลงเฉินเองก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมายกใหญ่ เมื่อมองไปทางซ้ายและขวาแล้วไม่พบผู้คน เขาก็ได้ดึงกางเกงลงแล้วสาดน้ำทิพย์สีเหลืองอร่ามทอดสู่แม่น้ำเป็นสายยาว
“ให้ตายเถิด เจ้า……”
ชายหนุ่มผู้นั้นเบิกดวงตากลมโตจนแทบจะถลนออกมา เขาคาดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะหยาบคายจนสามารถปัสสาวะรดลงมาอย่างหน้าตายจนถึงเพียงนี้ ดวงตาที่เบิกกว้างจ้องมองไปยังสายน้ำทิพย์สีเหลืองที่มีฟองฟอดพลันก็รีบดำน้ำหนีจากสายฝนห่านั้นอย่างรวดเร็ว
“ด้วยความฉลาดอย่างเจ้าก็เหมาะแล้วที่จะดื่มน้ำปัสสาวะของข้า” หลงเฉินพยายามเบ่งน้ำทิพย์สีเหลืองอร่ามอย่างเอาจริงเอาจัง พร้อมทั้งตะโกนออกมาด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว
ตั้งแต่เยาว์วัยจนเติบใหญ่มาจนถึงตอนนี้เขาต้องใช้ชีวิตภายใต้ความกดดันและถูกกดขี่มาโดยตลอด ราวกับถูกฝันร้ายตามหลอกหลอนอยู่ทุกค่ำคืน
ในวันนี้เขาสามารถกระทำเรื่องที่เลวร้ายและสบายใจไปพร้อมกันได้จึงทำให้ภายในจิตใจเกิดความตื่นเต้นและเบาหวิวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่าตอนนี้เขาได้เป็นตัวของตัวเองอย่างถึงที่สุด
หลังจากที่ชายหนุ่มผู้นั้นดำดิ่งลงไปใต้น้ำอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเหนือผิวน้ำไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดแล้วจึงค่อยๆ โผล่ศีรษะขึ้นมาช้าๆ ทว่าขณะที่ดวงตาเพิ่งจะโผล่พ้นน้ำมาเท่านั้น สายฝนห่าหนึ่งก็หลั่งลงอย่างบ้าคลั่ง
“เจ้าลูกเต่า ข้าจะฆ่าเจ้า”
หลงเฉินจ้องมองไปยังใบหน้าที่เหยเกของชายหนุ่มผู้นั้น เดิมทีเขาอยากจะมอบของขวัญอีกสักอย่างให้ชายหนุ่มผู้นั้น ทว่ากลับสามารถกระทำได้แล้ว
“เจ้าคนหยาบคาย เหตุใดเจ้าต้องมาปลดทุกข์ในสถานที่แห่งนี้ด้วย”
ในขณะที่หลงเฉินกำลังสวมใส่อาภรณ์ให้เข้าชุดดังเดิมอยู่นั้นก็ได้มีเสียงดังเจื้อยแจ้วสะท้อนลงมาจากเบื้องบน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเป็นร่างของหญิงสาวที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความโกรธกำลังขี่สัตว์มายามีปีกชนิดหนึ่งลอยมา
“เหอะ ถ้ามีมารยาทก็คงจะไม่มองลงมาอย่างนั้นหรอกนะ เห็นอยู่ว่าชาวบ้านกำลังปลดทุกข์ ยังจะแอบดูอยู่อีก แอบชมด้วยความบันเทิงแล้วค่อยๆ จากไปก็ได้ ไม่เห็นจะต้องกล่าววาจาใหญ่โตแล้วชี้หน้าด่าผู้อื่นว่าไร้มารยาทเลย เจ้าไม่ละอายใจบ้างหรืออย่างไรกัน?” หลงเฉินสวนกลับไปด้วยวาจาชุดใหญ่
เหตุใดถึงได้ตื่นเต้นเช่นนี้? เมื่อได้กระทำเรื่องเลวร้ายออกไปอีกครั้งหนึ่ง ก็คล้ายกับว่ากระดูกของเขามีความแข็งแรงขึ้นไปอีกขั้น ราวกับสามารถปลดปล่อยความอัดอั้นในอดีตออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ครั้นที่ยังอยู่ในจักรวรรดิเฟิงหมิงนั้นเขาถูกกดขี่ข่มเหงมามากแล้ว เมื่อมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จักเช่นนี้ เขาจึงอยากจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา จะเป็นนักเลงก็คงจะดี หรือจะเป็นคนคดโกงก็ช่างมันเถิด ในตอนนี้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าผู้อื่นจะมองอย่างไรอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าเศษสวะ ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้” หญิงสาวระเบิดโทสะออกมายกใหญ่ ทว่ามือเรียวเล็กทั้งสองข้างกลับปิดใบหน้าเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วก็ขี่สัตว์มายาบินจากไปในทันที
หลังจากพ่นวาจาด่าทอออกไปชุดใหญ่แล้ว หลงเฉินก็ได้เหลือบลงไปมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธที่กำลังลอยคออยู่ในน้ำแล้วกล่าวออกไปว่า
“คนอัปยศที่ชอบดูถูกผู้อื่น พอถึงคราวต้องโดนเองเสียบ้างกลับโกรธขึ้นมาเสียอย่างนั้น? เจ้าหนู วันนี้ข้าให้บทเรียนแก่เจ้าโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียนสักตำลึงเดียว เช่นนั้นจงว่ายน้ำต่อไปสักพักเถิด ทว่าจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าอย่าได้กลืนน้ำลงไปเชียว”
หลงเฉินกล่าวเตือนสติด้วยความหวังดี จากนั้นก็ควบเสี่ยวเสว่ยแล้วเดินจาก ทิ้งให้ชายหนุ่มผู้นั้นโกรธแค้นเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ที่เบื้องหลังโดยที่ไม่อาจทำอันใดได้ เพราะแม่น้ำสายนี้กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก กว่าจะกลับขึ้นมาที่สะพานได้ก็พบว่าหลงเฉินได้หายลับไปเนิ่นนานแล้ว
หลงเฉินเดินผ่านสะพานสายยาวจนเข้ามายังผืนป่าแห่งหนึ่งอันเป็นอาณาเขตที่อยู่ในความคุ้มครองของหมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์
บริเวณโดยรอบนี้กวาดพื้นที่ไปกว่าสิบหมื่นลี้ ถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นอาณาเขตของสำนักพลิกสวรรค์แล้ว ทว่าหากจะไปที่หมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์จำเป็นจะต้องเดินทางต่อไปอีกสองหมื่นลี้
หลงเฉินนั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวเสว่ยอย่างสบายใจ เพราะยังเหลือเวลาอีกมากจึงไม่ต้องเร่งรีบอย่างไม่คิดชีวิตอีกต่อไป ต่อให้ไปถึงก่อนก็ใช่ว่าจะรายงานตัวได้ในทันที ฉะนั้นจึงไม่มีความหมายอันใดที่จะต้องรีบร้อน อีกทั้งยังถือเป็นการสำรวจสถานที่แห่งนี้อย่างละเอียดไปด้วย
ตลอดการเส้นทางที่เดินผ่านมา หลงเฉินก็ได้พบกับเหล่าบุรุษและสตรีมากมาย อีกทั้งพวกเขาเหล่านั้นยังมีอายุใกล้เคียงกับหลงเฉินเกือบจะทั้งหมด
ที่สร้างความประหลาดใจให้กับหลงเฉินต้องก็คือผู้คนเหล่านั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตเท่านั้น ทว่ากลับมีพลังสภาวะปกคลุมอยู่บนร่างกายอย่างเต็มเปี่ยม ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้า และพวกเขาแทบจะทั้งหมดต่างก็ขยายแรงกดดันมาที่หลงเฉินเป็นระลอก
นอกจากสาวงามที่มีใบหน้าแสนเย็นชาแล้ว หลงเฉินก็สังเกตเห็นว่ามีผู้คนอีกมากมายที่มีพลังคุกคามถึงชีวิตอยู่ หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นชายหนุ่มที่มีหว่างคิ้วเป็นรูปเกล็ด ด้านบนของเกล็ดนั้นสัมผัสได้ถึงความคุกคามอย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ก็มีชายหนุ่มที่มีลวดลายที่แขนกำลังแผ่ซ่านพลังอันมหาศาลราวกับภูเขาไฟปะทุลาวาออกมาอย่างไรอย่างนั้น และชายหนุ่มที่มีกรงเล็บอินทรีประดับไว้ที่มือ เล็บแหลมคมนั้นทอประกายเงางามของเหล็กกล้าที่กำลังแผ่กระจายขุมพลังกดดันอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา
นี่เป็นโลกภายนอกที่เขาปรารถนาจะมาพบเจออย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในขอบเขตก่อโลหิต ทว่าโดยส่วนมากแล้วต่างก็เป็นขอบเขตก่อโลหิตตอนปลายหรืออยู่ในระดับสูงสุดไปเลย
ทว่าบรรยากาศของผู้คนเหล่านี้กลับแฝงเอาไว้ด้วยวิชาลับบางอย่างอยู่ บ้างก็เป็นปราณโอสถอันเป็นวิชาต้องห้ามที่ทำให้ผู้ใช้หยุดอยู่ที่ขอบเขตก่อโลหิตเท่านั้น
จึงไม่แปลกใจเลยที่ชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นมองว่าเขาเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาที่ไม่สมควรอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นเขาจึงกระทำถูกต้องแล้วที่ตัดสินใจมายังสถานที่แห่งนี้
ผู้คนที่เดินทางรวมกลุ่มกันมามีอยู่ส่วนน้อย โดยส่วนมากแล้วมักจะเดินทางมาเพียงคนเดียวด้วยสัตว์ร้ายมากมายหลายชนิดที่กำลังส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
ระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าเดินต่อไปอยู่นั้น เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ได้ดังขึ้นมาจากใจกลางแม่น้ำนับหลายร้อยสายที่มารวมกันจนเป็นดั่งมหาสมุทรผืนใหญ่
“ตูม”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากเบื้องหน้าที่อยู่ไกลออกไป
“มีคนปะทะกันอีกแล้ว รีบไปดูกันเถิด”
คนผู้หนึ่งตะโกนออกมาแล้ววิ่งตะบึงหน้าตั้งไปยังต้นเสียงนั้นในทันที
หลงเฉินเองก็สงสัยจึงให้เสี่ยวเสว่ยเร่งฝีเท้าออกไปทางด้านนั้นด้วยเช่นกัน ท่ามกลางพื้นที่อันราบเรียบของผืนป่าก็มีเงาร่างของชายหนุ่มสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่อย่างบ้าคลั่ง
หลงเฉินตกใจขึ้นมายกใหญ่เมื่อเห็นว่าหนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีกรงเล็บอินทรีประดับไว้ที่มือ กรงเล็บทั้งสองข้างร่ายระบำไปมากลางอากาศประดุจสามารถแหวกทั้งผืนมหาสมุทรให้แตกกระจายออกไปได้ในครั้งเดียว
“เป็นการโจมตีที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก”
“นั่นเป็นวิชาเฉพาะตัวของตระกูลยิงแห่งหุบเขาอินทรี ชายผู้นี้จะต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งที่มีนามว่ายิงหมิงหยางแน่นอน” เสียงพูดคุยอย่างแผ่วเบาดังขึ้นมาจากมุมหนึ่ง
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นชายหนุ่มที่ใช้เพียงหมัดเปล่าเปลือยเท่านั้น ทว่าบนหมัดกลับแฝงเอาไว้ด้วยประกายจากเกล็ดสีแดงที่คล้ายกับเกล็ดของอสรพิษชนิดหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“ฉึก”
ยิงหมิงหยางกวาดกรงเล็บอันแหลมคมออกไปจนเกิดการสั่นไหวไปทั่วทุกสารทิศ ความว่างไวของกรงเล็บไม่อาจถูกจับทิศทางได้ เพียงพริบตาเดียวกรงเล็บสายนั้นก็ฟาดเข้าไปที่หัวไหล่ของชายหนุ่มหมัดเปล่าในทันที
ชายหนุ่มหมัดเปล่าดิ้นพรวดพราดอย่างร้อนรน พร้อมทั้งทอสีหน้าประดุจพบเจอกับความตายออกมา ที่หัวไหล่ข้างหนึ่งมีโลหิตไหลรินออกมาเป็นสาย
“เจ้าหนู ไสหัวกลับไปซะ” ยิงหมิงหยางจ้องมองไปที่อีกฝ่ายแล้วกล่าวออกไปอย่างเย็นชา
ชายหมัดเปล่าผู้นั้นพยักหน้าไปมาอย่างว่าง่าย แล้วเดินออกไปยังอีกเส้นทางหนึ่งในทันที สร้างความตื่นตกใจให้แก่ผู้คนที่อยู่โดยรอบอย่างถึงที่สุด
หากพ่ายแพ้แล้วต้องถอนตัวออกจากการรายงานตัวด้วยอย่างนั้นหรือ? นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?
ในขณะที่หลงเฉินกำลังครุ่นคิดอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้นก็ได้มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่ข้างกายของเขา ….