เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 120 แมงป่องทะเลทราย

หลงเฉินสะดุ้งตื่นขึ้นมาในยามที่ท้องฟ้ายังคงมืดมิด แสงสว่างอ่อนๆ จากดวงดาวสาดส่องลงมาให้พอเห็นเงาร่างขนาดใหญ่จางๆ ที่อยู่เบื้องหน้า

พลังแห่งจิตวิญญาณถูกเบิกขึ้นมาในทันที เมื่อสามารถมองเห็นเงาร่างได้อย่างชัดเจนแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาครั้งหนึ่ง

สัตว์ขนาดมหึมาตัวนี้มีความยาวถึงสามจั่ง ด้านหน้าของมันมีก้ามขนาดใหญ่กว่าลำตัวยื่นออกมาสองข้าง ด้านหลังมีหางชูชันขึ้นมาแท่งหนึ่ง ปลายหางคล้ายกับตะขอกำลังชี้มาที่บริเวณที่พวกเขาอยู่ ดวงตากลมเล็กของมันจดจ้องพวกเขาราวกับเห็นอาหารอันโอชาอย่างไรอย่างนั้น

“แมงป่องทะเลทราย”

หลงเฉินใจเต้นระรัวอย่างรุนแรง เขาจำได้ในทันทีว่าเจ้าตัวนี้ก็คือจ้าวแห่งทะเลทรายผืนนี้นั่นเอง

แมงป่องทะเลทรายเป็นสัตว์มายาระดับสอง ทว่าความร้ายกาจของมัน ต่อให้เป็นสัตว์มายาระดับสามมาอยู่ตรงหน้าก็ยังต้องรีบถอยออกไป เพราะหาดพลาดท่าขึ้นมาก็คงจะย่ำแย่จนถึงแก่ชีวิตได้

แมงป่องทะเลทรายถูกขนานนามว่าเป็นนักฆ่าที่หลบซ่อนเก่งที่สุด อีกทั้งยังอยู่ในผืนทรายที่เป็นข้อได้เปรียบ มันจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วอย่างไร้ที่เปรียบเสมือนกับปลาได้น้ำอย่างไรอย่างนั้น

ถึงแม้ว่าร่างกายของมันจะใหญ่โต ทว่าผืนทรายนั้นนิ่มและละเอียดอ่อนจึงทำให้มันเคลื่อนที่ได้อย่างไร้ซึ่งซุ่มเสียง อีกทั้งแข้งขาของมันยังมีถึงหกข้างจึงยิ่งเข้าใกล้เหยื่อได้รวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว

ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของแมงป่องทะเลทรายกลับเป็นปลายหางรูปตะขอขนาดใหญ่ของมัน หากถูกตะขอนั้นทะลวงร่างกายแล้วต้องกับพิษที่อยู่ภายใน แม้แต่สัตว์มายาระดับสามก็ไม่อาจทานรับได้ จากนั้นก็จะตายลงไปในเวลาไม่ถึงพริบตาเดียว

แมงป่องทะเลทรายถือเป็นสัตว์มายาที่มีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับพิเศษซึ่งน้อยนักจะได้พบเจอ ถ้าหากมันไม่ได้เป็นสัตว์ที่อยู่เฉพาะในทะเลทราย ด้วยชื่อเสียงเรียงนามของมันแล้วกลับไม่ได้ต่างจากสัตว์ระดับสามอย่างเสี่ยวเสว่ยเลยแม้แต่น้อย

ทว่าด้วยประสาทการดมกลิ่นที่เฉียบคมของเสี่ยวเสว่ยกลับรับรู้ได้ตอนที่มันเข้ามาใกล้ถึงระยะยี่สิบจั่งแล้ว

ฮูม !

เส้นขนบนร่างกายของเสี่ยวเสว่ยชูชันขึ้นมาอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็ส่งเสียงคำรามจนดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ พร้อมทั้งตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้

จี๊!

แมงป่องทะเลทรายก็ได้ส่งเสียงลอดผ่านจากคมเขี้ยวเล็กๆ มาด้วยเช่นกัน ขาทั้งหกเริ่มขยับเข้ามาหาเสี่ยวเสว่ยอย่างรวดเร็วและเร็วขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งพุ่งก้ามทั้งสองข้างออกมาด้านหน้า

ทันใดนั้นเองเสี่ยวเสว่ยก็อ้าปากแล้วปลดปล่อยคมวายุประดุจดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวออกมาหลายสาย ประกายจากคมวายุสาดส่องไปยังลำตัวของแมงป่องทะเลทรายในทันที

เสี่ยวเสว่ยในตอนนี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้รบในศึกครั้งล่าสุดเป็นอย่างมาก คมวายุที่พวยพุ่งออกมาในครั้งนี้ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณอย่างมากมายจนเป็นที่น่าตกใจ

“เคร้ง”

อีกทั้งพลังที่แฝงอยู่ในคมวายุยังมหาศาลจนสามารถสังหารยอดฝีมือพลังขอบเขตก่อโลหิตผู้หนึ่งไปได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว และแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นเองก็ยังไม่หาญกล้าพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเสี่ยวเส่วยได้

เมื่อคมวายุแห่งสายน้ำปะทะเข้ากับก้ามอันเร่าร้อนของแมงป่องทะเลทรายก็ได้บังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นระลอก

แมงป่องทะเลทรายสั่นไหวตามแรงกระแทกเล็กน้อย ร่างกายของมันคล้ายกับหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งทว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด เท้าทั้งหกหยั่งลงบนพื้นทรายแล้วพุ่งเข้าไปหาเสี่ยวเสว่ยอีกครั้ง

“เป็นพลังการป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งนัก”

หลงเฉินตกใจขึ้นมายกใหญ่ สมแล้วที่เป็นถึงราชาแห่งท้องทะเลทราย ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก็ยังไม่อาจมีพลังป้องกันเฉกเช่นนี้ได้

“หมัดทลายวายุ”

หลงเฉินขยับเท้าครั้งหนึ่งแล้วติดตามคมวายุลูกที่สองของเสี่ยวเสว่ยไป พลันก็ได้พุ่งหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว

เขาทราบดีว่าเสี่ยวเสว่ยย่อมไม่อาจโจมดีสัตว์มายาที่มีเปลือกหนาเช่นนี้ได้ อีกทั้งทั่วร่างกายของมันยังเต็มไปด้วยอาวุธมีพิษ เพียงคมวายุของเสี่ยวเสว่ยย่อมไม่อาจสร้างความเสียหายให้แมงป่องทะเลทรายได้อยู่แล้ว

“ตูม”

หมัดของหลงเฉินที่เล็งเข้าไปยังศีรษะของแมงป่องทะเลทราย ทว่าด้วยปฏิกิริยาตอบกลับอันที่รวดเร็วของมัน จึงใช้ก้ามขนาดใหญ่ข้างหนึ่งรับพลังหมัดของหลงเฉินเอาไว้

ละอองเม็ดทรายลอยคละคลุ้งขึ้นมาเป็นวังวน ความแข็งแกร่งของกายเนื้อของหลงเฉินอยู่ในระดับที่ยากจะคาดเดาขอบเขตของพลังได้แล้วจึงทำให้แมงป่องทะเลทรายที่ถูกหมัดกระแทกเข้าไปอย่างเต็มแรงมุดหลบลงไปในผืนทรายจนเกิดคลื่นยักษ์เป็นระลอก

“แย่แล้ว”

แมงป่องทะเลทรายที่เคยตระหง่านอยู่เบื้องหน้าก็ได้หายวับไปในพริบตา หลงเฉินจึงแตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แล้วทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็ทะยานขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นปลายหางรูปตะขอก็โผล่ขึ้นมาจากกองทราย หากเขาเคลื่อนไหวช้ากว่านี้เพียงเสี้ยวเดียวก็คงจะถูกตะขอนั้นแทงทะลุร่างกายไปเสียแล้ว

“ซูม”

ใต้ผืนทรายเกิดคลื่นลูกเล็กๆ เป็นระลอก อีกทั้งยังสั่นสะเทือนไปทั่วจนไม่อาจจับการเคลื่อนไหวได้

“เสี่ยวเสว่ย ระวัง มันดำดิ่งลงไปอีกแล้ว”

หลงเฉินขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน แมงป่องทะเลทรายเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวรวดเร็วประดุจสายลมหอบหนึ่ง อีกทั้งยังมีพลังป้องกันที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาคงจะต้องถูกจัดการไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนเสี่ยวเสว่ยเองก็เป็นสัตว์ยืนพื้น ด้วยสถานที่ที่เอื้อต่อศัตรูเช่นนี้ย่อมไม่สามารถแสดงพลังการต่อสู้ของตัวเองออกมาได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน ในขณะที่หลงเฉินลังเลอยู่นานก็ได้คิดบางอย่างขึ้นมาได้

ต้องกดดันให้มันออกมาให้จงได้ !

หลงเฉินพยายามจ้องไปที่พื้นทรายจนลูกตาแทบจะถลนออกมา พร้อมทั้งใช้พลังสภาวะแห่งจิตเข้าตรวจสอบ หมายจะหลอกล่อให้แมงป่องทะเลทรายออกมาจากใต้ท้องทะเลทรายผืนนี้

ทว่าหลงเฉินกลับต้องผิดหวังอย่างไร้ที่เปรียบ แมงป่องทะเลทรายแหวกว่ายอยู่ในทะเลทรายประดุจปลาอยู่ใต้น้ำ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยและซุ่มเสียง แม้แต่ใช้จิตเข้าสังเกตการณ์ยังแทบจะเรียกว่าไร้ประโยชน์อย่างถึงที่สุด

“เสี่ยวเสว่ยหลบไป”

ทันใดนั้นหลงเฉินก็ตะโกนออกมาเสียงดังกะทันหัน ด้วยจิตปราณที่ผสานเข้าด้วยกันของเสี่ยวเสว่ยและหลงเฉินก็ทำให้เจ้าหนูน้อยกระโดดขึ้นไปกลางอากาศที่ความสูงกว่าหนึ่งจั่งในทันที

“เหอะ”

ปลายหางรูปตะขอแทงออกมาจากผืนทรายอันนุ่มนวลแล้วก็ถูกรั้งกลับเข้าไปเมื่อไม่อาจทำลายเหยื่อได้ แล้วทรายบริเวณนั้นก็กลับคืนสู่ความราบเรียบและสงบดังเดิม

หลงเฉินเกิดอาการปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาอย่างรุนแรง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง เมื่อต้องกลายมาเป็นเป้าที่มีชีวิตก็ยิ่งทำให้เขาเดือดดาลขึ้นมาเป็นอย่างมาก

จากนั้นหลงเฉินก็ได้ขยับเท้าไปมาครู่หนึ่ง พลันก็ถอยฝีเท้าไปทางด้านหลัง แล้วตะขอสายหนึ่งก็ทะยานขึ้นมาจากผืนทรายตรงมาที่ร่างของหลงเฉินในทันที

“มาดูกันว่าเจ้าจะหนีไปได้อีกสักกี่น้ำ”

หลงเฉินสบถขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ ฝุ่นละอองจากทรายตลบขึ้นไปถึงศีรษะของเขา พลันก็ได้เกิดเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาว่า

“เพลิงโอสถ”

“ตูม”

บริเวณในระยะร้อยจั่งร้อนระอุขึ้นมาประดุจถูกต้มด้วยน้ำจนเดือดเป็นฟองฟอด อีกทั้งไอร้อนยังปะทุออกจากเม็ดทรายอย่างบ้าคลั่ง เสียงหวีดโหยหวนดังขึ้นมาจากใต้พิภพ แล้วร่างใหญ่ของสัตว์มายาตัวหนึ่งก็ได้กระโจนออกมาอย่างทุรนทุราย

“ฮูม”

ทันทีที่เสี่ยวเสว่ยเห็นแมงป่องทะเลทรายทะยานขึ้นมากลางอากาศก็ได้พ่นคมวายุขนาดใหญ่ที่แฝงด้วยพลังอันมหาศาลลอยออกไปกระแทกเข้ากับเงาร่างของแมงป่องทะเลทรายอย่างรุนแรง

“ฉับ”

เกราะอันแข็งแกร่งของแมงป่องทะเลทรายราวกับถูกสับออก ของเหลวสีเขียวพุ่งกระจายออกมาจากลำตัวของมันจนละเลงไปทั่วทั้งผืนทราย

เมื่อเห็นเช่นนั้นหลงเฉินก็เอะใจขึ้นมาได้ในทันที เขาค้นพบจุดอ่อนของแมงป่องทะเลทรายแล้ว

ในขณะที่แมงป่องทะเลทรายได้โผล่พ้นขึ้นมาจากใต้ท้องทะเลทราย ก็ได้ประจวบกับคมวายุของเสี่ยวเสว่ยที่เฉียดเข้าไปยังใต้ท้องของมันอย่างพอดิบพอดี ด้วยเหตุนี้จุดอ่อนของมันก็คือส่วนที่อ่อนนุ่มมากที่สุดของร่างกายนั่นเอง

หลังจากถูกโจมตีจนเกิดบาดแผล แมงป่องทะเลทรายก็ได้ขยับไปมาอย่างทุรนทุรายครู่หนึ่ง จากนั้นเปลือกนอกของมันก็ถูกเคลือบด้วยบางอย่างที่แข็งแรงประดุจเหล็กกล้า เห็นได้ชัดว่าพลังการป้องกันในตอนนี้ช่างน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าเดิม

ทว่าเมื่อได้ค้นพบจุดอ่อนแล้ว หลงเฉินจึงไม่ลังเลอีกต่อไป ในมือข้างหนึ่งมีกระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในทันที

“ลี้ลมทลาย”

“ฉับ”

คมกระบี่สาดประกายความคมกริบออกมา เฉือนลงไปที่ท้องของแมงป่องทะเลทรายด้วยพลังทั้งหมดที่มี จนอวัยวะภายในของมันไหลพรวดออกมาจนชวนคลื่นไส้ พร้อมทั้งของเหลวสีเขียวก็สาดกระเซ็นออกมาประดุจเขื่อนแตก ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ

แม้ว่าในท้องของมันจะกลายเป็นความว่างเปล่า ทว่าแมงป่องทะเลทรายกลับไม่ได้ตายลงไปในทันที มันยกปลายหางรูปตะขอส่ายระบำไปมาอย่างวุ่นวายไปรอบด้าน จากนั้นก็ดำลงไปใต้ผืนทรายอย่างบ้าคลั่ง

หลงเฉินจึงรีบพาเสี่ยวเสว่ยถอยออกไปบริเวณนั้น แมงป่องทะเลทรายตัวนี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส ทว่าก็ยังไม่ยอมตายไปเสียที

อีกทั้งสัตว์มายาชนิดมีเปลือกแข็งนั้นต่างจากสัตว์มายาชนิดอื่นตรงที่หลังจากพวกมันได้สัมผัสกับความตายแล้ว สติสัมปชัญญะทั้งหมดก็จะเริ่มว้าวุ่นทำให้จู่โจมออกไปอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อเข้าสู่ความตายอย่างสมบูรณ์

สัตว์มายาชนิดนี้จึงมีความน่ากลัวมากที่สุด ต่อให้สามารถฟันจนศีรษะของมันหลุดกระเด็นออกมาได้ พวกมันก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกระยะหนึ่ง

ดวงตาคู่คมมองตามตะขอที่ส่ายระบำไปมา อีกทั้งยังมีก้ามขนาดใหญ่ที่เอาแต่จ้วงแทงไปรอบด้านจนละอองเม็ดทรายปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้าที่มืดมิด จากนั้นการเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งนั้นก็ค่อยๆ หยุดลง

หลงเฉินกำชับเสี่ยวเสว่ยว่าอย่าได้เข้าไปใกล้ในตอนนี้ พลันก็ได้ก้าวเท้าไปยังร่างเปล่าเปลือยของแมงป่องทะเลทรายอย่างแผ่วเบา เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่โรยรินของมัน เขาจึงก้าวเข้าไปใกล้อีก

“ปัง”

หลงเฉินฟันลงไปที่หางของแมงป่องทะเลทรายด้วยกระบี่หยกที่ช่วงชิงมาจากชายหนุ่มชุดขาว คมของกระบี่ช่างไร้เทียมทานเป็นอย่างยิ่งถึงกับตัดเปลือกแข็งที่หุ้มหางของสัตว์มายาตัวนี้ได้ในครั้งเดียว

ปลายหางรูปตะขอมีขนาดใหญ่เท่ากับขาโต๊ะ ภายในตะขอนั้นเคลือบเอาไว้ด้วยของเหลวสีเหลืองนั่นก็คือพิษของมันซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพิษที่ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง

เพียงได้รับไปเพียงแค่หยดเดียวก็สามารถสังหารสัตว์มายาระดับสามให้ตายไปได้เลยทีเดียว พิษเช่นนี้จึงเป็นดั่งสมบัติชิ้นหนึ่งของนักล่าเลยก็ว่าได้

เมื่อมองไปที่ซากศพของแมงป่องทะเลทราย หลงเฉินก็คล้ายกับเห็นอาวุธนับสิบชิ้น ที่เปลือกแข็งชั้นนอกของมันคงจะสร้างขึ้นจากเนื้อมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะที่หลงเฉินกำลังยกก้ามขนาดใหญ่ขึ้นมาเปรียบเทียบกันอยู่นั้น เสียงของเสี่ยวเสว่ยก็ดังขึ้นมาอย่างร้อนรน จากนั้นเขาก็ได้กวาดสายตามองไปทั่วทุกสารทิศแล้วทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาเห็นเงาร่างขนาดใหญ่ที่คล้ายกับเจ้าตัวที่เพิ่งจะโค่นล้มลงไปเพิ่มขึ้นมาอีกหลายสิบสายกำลังทะยานเข้าที่บริเวณนี้ด้วยระดับความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด เกรงว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจก็คงจะสามารถมายืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของเขาได้แล้ว

ช่างเถิด แมงป่องทะเลทรายนั้นเป็นสัตว์มายาที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เขาเองก็ลืมความข้อนี้ไปเสียสนิท พลันก็ได้กระโจนขึ้นไปอยู่บนหลังของเสี่ยวเสว่ยแล้วตะโกนขึ้นมาว่า

“หนีเร็ว”

ทว่าเสี่ยวเสว่ยกลับไม่ได้รีรอคำสั่งของหลงเฉินแต่อย่างใด เจ้าหนูน้อยขยับเท้าวิ่งหน้าตั้งจนลับหายไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าพวกเขาดูแคลนความว่องไวของแมงป่องทะเลทรายจนเกินไป เงาร่างนับสิบของสัตว์มายาระดับสองไล่ตามมาทางด้านหลังอย่างคลุ้มคลั่ง อีกทั้งยังไล่ตามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เมื่อนึกคิดว่าจะต้องมาถูกแมงป่องทะเลทรายกว่าสิบตัวโจมตีก็ทำให้หลงเฉินเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นเองประกายแสงสว่างวาบก็ได้พุ่งขึ้นมาจากเบื้องหน้า และก็แทบจะไม่ต้องคิดหลบหนี หลงเฉินก็ให้เสี่ยวเสว่ยทะยานฝ่าประกายแสงนั้นไปในทันที …

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset