แผ่นหนังสัตว์ชิ้นหนึ่งถูกยื่นมายังเบื้องหน้าของชายหนุ่มชุดขาว บนหนังสัตว์มีลวดลายขีดเขียนเอาไว้จนเต็มแผ่น ไม่คล้ายกับเป็นตัวอักษรหรืออักขระอันใด ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าติดต่อกับเผ่าคนเถื่อนได้อย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มชุดขาวอยู่ในอาการตกใจจนพูดติดขัดขึ้นมา
เผ่าคนเถื่อนถูกเรียกขานว่าเผ่าคนเถื่อนก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีพฤติกรรมและวิธีการที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ป่าเลยแม้แต่น้อย ทว่าก็ยังมีวัฒนธรรมและอุดมการณ์ที่ใช้เฉพาะภายในชนเผ่าของตัวเองอยู่
แผ่นหนังสัตว์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาในตอนนี้เป็นเหมือนรหัสลับที่เกิดจากแมลงตัวเล็กปีนป่ายไปมาอย่างไรอย่างนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือตัวอักษรของเผ่าคนเถื่อนนั่นเอง ผู้คนมากมายต่างก็เคยพบเห็นลายลักษณ์อักษรเช่นนี้มาก่อน ทว่าไม่สามารถอ่านออกและเข้าใจความหมายของมันได้ ไม่ทราบว่าองค์ชายสี่สามารถกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร
“บนโลกหล้าใบนี้มีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือผู้คนที่มีความตั้งใจจริง เพื่อให้เป้าหมายสัมฤทธิ์ผลพวกเขาย่อมต้องลงแรงทั้งหมดที่มีอยู่ออกไปจึงจะสามารถกอบโกยผลสำเร็จกลับมาได้
ในช่วงที่ข้ายังเยาว์วัยนั้นข้าได้มองการณ์ไกลถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น ข้าเริ่มเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของข้าให้ออกจากการตกเป็นหมากตัวหนึ่งด้วยมือของข้าเอง
ข้าสั่งการผู้คนมากมายแฝงตัวเข้าไปในเผ่าคนเถื่อน ทว่าคนเหล่านั้นต่างก็กลายไปเป็นอาหารของพวกมันไป หมื่นเรื่องราวย่อมต้องมีข้อบกพร่องเป็นธรรมดา จนกระทั่งมีหนึ่งคนที่สามารถแฝงตัวเข้าไปได้สำเร็จ ทำให้ข้าสามารถติดต่อกับเผ่าคนเถื่อนได้ในที่สุด” องค์ชายสี่เล่าเรื่องราวให้ชายหนุ่มชุดขาวได้รับฟัง
“ข้าและมารดาทำหน้าที่ไส้ศึกได้สำเร็จ อีกทั้งยังชุบเลี้ยงขุมกำลังฝ่ายตัวเองขึ้นมา ตามความสัตย์จริงเลยว่าเมื่อสามปีก่อนข้าคิดว่าข้ามีพลังมากพอที่จะเกื้อหนุนแผนการของท่านแล้วได้ยึดครองจักรวรรดิเฟิงหมิง อีกทั้งยังไม่ทำให้อาวุธของผู้ใดต้องแปดเปื้อนโลหิตอีกด้วย ทว่าอย่างไรเสียในตอนนั้นข้าก็ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของพวกท่านได้”
ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้าไปมา “ต่อเลย”
“ฉะนั้นเพื่อเป็นการต่อกรกับหลงเทียนเซียว ข้าจึงจงใจไม่ส่งมอบรางวัลใดให้แก่เขาเลย อีกทั้งยังกระทำการชักจูงเหล่าประชาชนกลุ่มใหญ่ให้เข้าร่วมฝ่ายของข้า ยื้อแย่งอำนาจของหลงเทียนเซียวให้เป็นไปอีกทิศทางหนึ่ง
ในทางลับสุดยอดอีกอย่างหนึ่งก็คือข้าก็ได้แทรกซึมเข้าสู่ขุมกำลังของหลงเทียนเซียว ให้ทุกคนคิดว่าหลงเทียนเซียวนั้นเป็นดั่งเทพอารักษ์ของพวกเขา ข้านั้นเข้าใจถึงคนอย่างหลงเทียนเซียวดี เขาย่อมไม่อาจปล่อยให้ประชาชนราษฎร์ต้องพบเจอภยันตรายอันใดอย่างแน่นอน” องค์ชายสี่จิบชาครั้งหนึ่งแล้วกล่าวต่อไป
“วีรบุรุษได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ฉู่เซี่ย…เจ้าช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก” เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยปากชมเชยต่อองค์ชายสี่
แผนการขององค์ชายสี่นั้นล้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง การใช้ประชาชนเป็นดั่งหมากตัวหนึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ลดทอนกองกำลังลงได้ แต่ที่สำคัญคือการกดดันความรู้สึกของหลงเทียนเซียวคล้ายกับถูกจองจำจนตายอยู่ในคุก
หากแผนการถูกดำเนินไปด้วยตัวหมากนับหลายร้อยหมื่นคน แม้แต่เป็นหลงเทียนเซียวเองก็คงจะไม่อาจคลี่คลายสถานการณ์เช่นนั้นไปได้ จะทำเป็นมองไม่เห็นชีวิตของประชาชนก็คงจะกระทำไม่ได้เช่นกัน
แผนการที่ง่ายดายเพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้หลงเทียนเซียวคล้ายกับตายทั้งเป็นอยู่ในสนามรบแห่งนั้นได้แล้ว เมื่อได้ฟังมาจนจบ ชายหนุ่มชุดขาวก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความนับถือต่อองค์ชายสี่ขึ้นมา
“น่าเสียดายที่เผ่าคนเถื่อนได้ทำให้ข้าผิดหวังมากจนเกินไป หลายปีมานี้ข้าแอบให้การสนับสนุนแก่พวกเขาอยู่ไม่น้อยเลย ทว่า…
พวกเขาก็ทำได้แค่ส่งกองกำลังเข้าปะทะกับหลงเทียนเซียวอย่างสม่ำเสมอก็เท่านั้น ยิ่งทำให้ศึกยืดเยื้อจนล่วงเลยเวลามานานหลายปี ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเจ้าพวกกลุ่มคนป่าเถื่อนได้เลย” องค์ชายสี่ถอนหายใจรัวแรงพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
ชายหนุ่มชุดขาว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ที่ข้าต้องการอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้หลงเฉินเป็นอย่างไรแล้ว?”
“ถ้าหากแผนการของข้าไม่ผิดพลาดไป เขาคงจะตายไปแล้ว ส่วนศีรษะของเขาก็คงจะกำลังเดินทางกลับมายังจักรวรรดิในเร็วๆ นี้
หลงเฉินผู้นี้เป็นดั่งสัตว์ประหลาดตนหนึ่งอย่างแท้จริง ข้าไม่ชมชอบที่จะให้ผู้ใดสอดมือเข้ามาแล้วสร้างความพลิกผันในแผนการอยู่แล้ว ฉะนั้นข้าจึงส่งยิงฮวาออกไปจัดการ ท่านคงจะทราบดีนะว่ายิงฮวาเป็นผู้ใด” องค์ชายสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชายหนุ่มชุดขาวทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้โต้ตอบกลับมาแต่อย่างใด เพียงแต่เอ่ยวาจาต่อไปว่า “ข้าย่อมต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดี พลังการฝึกยุทธ์ที่เ**้ยมโหดเช่นนั้น จะให้ไปต่อกรกับเจ้าหนูที่อยู่เพียงระดับพลังขั้นก่อรวมเพียงคนเดียว จะไม่เป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไปหรืออย่างไรกัน”
องค์ชายสี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คำพูดของชายหนุ่มชุดขาวราวกับว่ายอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นอย่างยิงฮวาไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำไป
ทว่าชายหนุ่มผู้นี้คงจะมีอายุเทียบเท่ากับตัวเอง ทว่ากลับมีพลังฝีมือซ่อนเร้นที่สูงล้ำจนน่าหวาดกลัวอยู่หลายขุม องค์ชายสี่จึงต้องยิ่งทวีความระมัดระวังในการต่อรองกับชายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
“เหอะเหอะ ข้าบอกไปแล้วว่าข้าต้องการผลสำเร็จที่รวดเร็วและรอบคอบ หากเรื่องที่ไม่มีโอกาสสำเร็จได้ข้าก็จะไม่กระทำให้สูญเสียแก่เวลาอันมีค่า ก็เหมือนกับการหยิบยืมหลงเฉินเพื่อลงมือ สังหารเจ้าโง่เซี่ยฉางเฟิงผู้นั้นอย่างไรเล่า” องค์ชายสี่กล่าวอย่างลื่นไหล แม้ว่าในใจจะกระสับกระส่ายอย่างไม่อาจข่มลงไปได้
ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้าไปมาอย่างเข้าใจได้ “แน่นอนว่าเจ้าย่อมเก่งกาจกว่าเซี่ยฉางเฟิง เกี่ยวกับการตายของเซี่ยฉางเฟิงนั้นข้าขอรับรองว่าไม่ต้องเป็นกังวลไป หากมันทำให้แผนการสัมฤทธิ์ผล
ทว่าหากเจ้าสืบทอดงานของเซี่ยฉางเฟิงได้ไม่ดี ข้าขอบอกต่อเจ้าอย่างไม่เกรงใจเลยว่าการตายจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดของผู้ที่ทำผิดพลาด”
ประโยคสุดท้ายเต็มเปี่ยมไปด้วยเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงและถ้อยคำช่างกระแทกกระทั้นเข้ามารุนแรง สัมผัสได้ถึงอันตรายกลุ่มหนึ่งที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องหับ
องค์ชายสี่ราวกับมองไม่เห็นท่าทีที่คุกคามของชายหนุ่มชุดขาว พลันก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าวออกไปว่า “ท่านจงวางใจเถิด โอกาสเช่นนี้ข้าเองก็อดทนรอมานานหลายปีเช่นกัน ข้าย่อมต้องเห็นความสำคัญของมันมากกว่าท่านอย่างแน่นอน”
“อย่างนั้นก็ดี หากวันนี้หลงเฉินได้ตายไปแล้วจริงๆ ข้าคงจำเป็นที่จะต้องทราบถึงแผนการในภายหลังของเจ้าอีก” ชายหนุ่มชุดขาวกล่าว
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจประเมินฝีมือของหลงเฉินจนต่ำต้อยเกินไป ทว่าการที่ให้ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งออกไปไล่ล่า แน่นอนว่าหลงเฉินย่อมไม่มีโอกาสที่จะรอดชีวิตได้เลยแม้แต่น้อย
“หลังจากหลงเฉินตายไป ยิงฮวาจะนำศีรษะของเขากลับมายังจักรวรรดิ ในเวลาเดียวกันเขาก็จะนำภาพที่บันทึกการสังหารเซี่ยฉางเฟิงของหลงเฉินกลับมาด้วย
ฉะนั้นคงจะต้องให้ท่านช่วยไปไกล่เกลี่ยกับทางจักรวรรดิต้าเซี่ย ชักนำให้พวกเขายกกองทัพใหญ่เข้าห้อมล้อมจักรวรรดิเอาไว้
เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้ยิงฮวาและหวูโหวเข้าสนับสนุน ว่าทางต้าเซี่ยต้องการให้จักรวรรดิของเราส่งมอบมือสังหารออกไปเพื่อ ‘ความสัมพันธ์อันดี’ ของทั้งสองจักรวรรดิ ฉะนั้นข้าก็จะสามารถส่งมอบตระกูลหลงออกไปได้ทุกผู้คนแล้ว จากนั้นก็การโอกาสที่เหมาะสมสังหารพวกเขาไปพร้อมกันทั้งหมด” องค์ชายสี่เล่าถึงแผนการที่ถูกคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว
“โอกาสที่เหมาะสมที่เจ้าว่ามานั้นเป็นเวลาใดกัน แล้ว ‘พวกเขา’ ที่ว่านั่นคงจะไม่ใช่แค่คนของตระกูลหลงอย่างเดียวแล้วกระมัง” ชายหนุ่มชุดขาวถามกลับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
องค์ชายสี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับมาว่า “การเจรจากับคนที่ชายฉลาดนั้นช่างไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงเลยจริงๆ ในช่วงเวลาที่คนของตระกูลหลงกำลังเข้าสู่ความตาย ข้าก็จะชักนำเผ่าคนเถื่อนเข้าตีกองทัพของหลงเทียนเซียวด้วยเช่นกัน
เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะส่งสาสน์ของตระกูลหลงให้เขาได้รับทราบ ท่านลองคิดดูว่าในช่วงที่เผชิญหน้ากับการบุกรุกของเผ่าคนเถื่อนที่ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าหวาดกลัว เขาจะยอมยกทัพใหญ่กลับมายังจักรวรรดิได้อย่างไรกัน
หากเป็นตามความเข้าใจของข้าที่มีต่อเขา เขาก็คงจะต้องทิ้งกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดไว้เพื่อคุ้มกันประชาชน และตัวเขาก็เดินทางกลับมายังจักรวรรดิเพื่อช่วยเหลือครอบครัว หึหึ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีทั้งยิงฮวาและหวูโหวที่ร่วมมือกันฆ่าสังหารหลงเทียนเซียว อีกทั้งพวกเรายังมีเหตุผลที่จะกระทำการได้อย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย การกระทำทั้งหมดก็จะไม่กระตุ้นความเคลื่อนไหวของเหล่าผู้คนจนเกินไป
อีกทั้ง ‘พวกเขา’ ก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าแต่อย่างใด หลงเฉินได้รับการ ‘กระตุ้น’ จากองค์ชายใหญ่จนสังหารเซี่ยฉางเฟิง องค์รักษ์ข้างกายของเขาก็ย่อมเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาไปแล้วด้วยเช่นกัน ต่อให้เป็นองค์ชายใหญ่ก็ยังเป็นได้แค่เหยื่อเท่านั้น
และเหล่าพรรคพวกที่ไม่ได้เข้าร่วมโดยตรงก็อาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย เพื่อเห็นแก่ความเป็นพันธมิตรของทั้งสองประเทศพวกเราควรจะต้องอดทนเอาไว้เท่านั้นแล้ว”
ชายหนุ่มชุดขาวมองไปที่องค์ชายสี่ แล้วถอนหายใจออกมา “จิตใจของเจ้าช่างลึกล้ำยิ่งนัก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจักรวรรดิเฟิงหมิงคงจะตกอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว ฉู่เซี่ย…เจ้านั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างถึงที่สุด”
“ขอบพระคุณที่ชมเชย ท่านโปรดวางใจ รากปราณของข้านั้นธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจเข้าสู่เส้นทางของการฝึกยุทธ์ที่สูงล้ำขึ้นไปได้ ตัวข้าจึงไมอาจคุกคามต่อท่านได้แม้แต่ครึ่งเสี้ยว” องค์ชายสี่ตอบกลับไป
ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาย่อมแอบตรวจสอบสภาพร่างกายขององค์ชายสี่ไปแล้วตั้งแต่แรก และแน่ใจในพรสวรรค์ของเขาว่าอยู่ในขั้นปกติธรรมดาเท่านั้น
สำหรับบุคคลที่มีความคิดที่แยบคายและรอบคอบถึงเพียงนี้นับว่าเป็นผู้ที่มีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงไม่อาจไว้ใจได้ในทันที หากไม่ทันระแวดระวังตัวอาจต้องกลายเป็นคนที่เดินเข้าไปติดกับเสียเอง
ถ้าหากองค์ชายสี่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในระดับสูงผู้หนึ่ง เช่นนั้นหากมองจากในมุมมองของเขา ถือได้ว่าเป็นการคุกคามที่ใหญ่หลวงนัก ผู้ใดจะทราบกันว่าองค์ชายสี่จะหลอกใช้ตนเอง เพื่อใช้ปีนขึ้นไปยังจุดที่สูงยิ่งกว่าได้
ห้วงความคิดอันสับสนวุ่นวายเข้าคุกคามเขาอีกครั้ง ด้วยแผนการที่วางไว้มานานจำเป็นจะต้องไตร่ตรองถึงความเสี่ยงในด้านต่างๆ อีกมากมาย องค์ชายสี่ที่ไม่อาจฝึกพลังยุทธ์ที่สูงขึ้นได้จึงพะวงเพียงแค่ส่วนที่ตนจะได้รับเท่านั้น ก็ถูกต้องตามที่เขาได้กล่าวออกมาว่าต่างฝ่ายต่างก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ชายหนุ่มชุดขาวยกแก้วชาขึ้นมาจิบแล้วกล่าวออกไปว่า “ยอดมาก เซี่ยฉางเฟิงตายไปก็ดีอยู่เหมือนกัน หวังว่าพวกเราจะสามารถร่วมมือกันได้อย่างสบายใจ”
องค์ชายสี่ก็ได้ยกแก้วชาขึ้นมาจิบด้วยเช่นกัน พลันยื่นแก้วชาจนกับชายหนุ่มชุดขาวครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ดื่มลงไปจนหมดแก้ว
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มชุดขาวก็นึกเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้ “เซี่ยฉางเฟิงมีน้องสาวอยู่ไม่ใช่หรือ? นางยังอยู่ที่วังหลวงใช่หรือไม่?”
เมื่อสิ้นคำถามจากชายหนุ่มชุดขาว องค์ชายสี่ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังในทันที “อือ หญิงสาวผู้โง่งมนางนั้น เซี่ยฟางเฉิงได้หลงเหลือไว้ให้พวกเราดูแลเอง”
“เจ้าไม่ได้ฆ่านางไปด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ได้ นางเป็นถึงผู้หลอมโอสถคนหนึ่งจึงมีสถานะที่พิเศษอันเป็นสิ่งต้องห้าม ข้าได้บรรณาการนางด้วยชายหนุ่มรูปงามถึงสองคน ในเวลานี้นางคงอยู่กับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งคงจะกำลัง****กันอยู่ หญิงสาวผู้โง่งมเช่นนั้นย่อมไม่ตามมารังควานแผนการใหญ่ของพวกเราอย่างแน่นอน” องค์ชายสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางอย่างเกียจคร้าน
ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้าไปมา เซี่ยปายฉือย่อมไม่อาจกระทำการอันใดได้ แผนการจะสำเร็จได้ย่อมต้องไร้ซึ่งข้อผิดพลาดอันใด เมื่อได้ยินว่าองค์ชายสี่ดำเนินการป้องกันอย่างรัดกุมแล้ว เขาจึงรู้สึกวางใจขึ้นมา
ในเมื่อพี่ชายของนางได้ตายไปแล้ว นางย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจสิ่งใดอีกต่อไป เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้เป็นความผูกพันกันดั่งญาติพี่น้องอยู่แล้ว
อีกอย่างหนึ่งก็คือการตายของเซี่ยฉางเฟิงนั้นเกิดจากฝีมือของหลงเฉิน หากนางจะเกิดความเคียดแค้นชิงชังขึ้นมา อย่างไรเสียนางก็ต้องมุ่งเป้าไปที่หลงเฉิน
“ใช่แล้ว พี่โล้ว ข้ายังมีเรื่องหนึ่งที่ใคร่ขอความช่วยเหลือจากท่าน” ในขณะที่เจรจากับชายหนุ่มชุดขาวได้สำเร็จแล้ว องค์ชายสี่ก็ได้เปลี่ยนคำเรียกหาประดุจพี่น้องคลานตามกันมา
“ว่ามา”
“ท่านคงจะทราบแล้วว่าข้านั้นได้ผูกมัดจิตใจต่อยิงฮวาและหวูโหวด้วยเล่ห์เพทุบายบางอย่าง เดิมทีคิดว่าคงจะได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทว่ากลับสำเร็จขึ้นมาได้ ฉะนั้นผลสุดท้ายแล้วพวกเราจำเป็นจะต้องแบ่งสันปันส่วนให้แก่พวกเขาด้วยครึ่งหนึ่ง
เมื่อก่อนนั้นเป็นเพราะข้าเองยังไม่มีความคาดหวังต่อเฟิงหมิงมากเท่ากับตอนนี้ จึงย่อมไม่เกิดความเจ็บปวดใจขึ้นมาแต่อย่างใด
ทว่าในบัดนี้ทั่วทั้งเฟิงหมิงกลับเข้ามาอยู่ในกำมือของข้าเกือบจะทั้งหมดแล้ว ทว่าในยามค่ำคืนข้ากลับยังต้องคอยระแวงพวกเขาจนไม่อาจข่มตาให้ปิดลงได้ ฉะนั้น……”
ชายหนุ่มชุดขาวเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “เจ้าคิดจะให้ข้าช่วยเหลือเจ้าในการจัดการพวกเขาจนยอมศิโรราบเลยอย่างนั้นหรือ?”
“เกือบจะใช่ ข้าหวังว่าพี่โล้วจะช่วยข้าสั่งสอนพวกเขาให้ทราบว่าการว่านอนสอนง่ายนั้นควรจะทำเช่นไร ทว่าไม่ใช่พร้อมที่จะแปรพรรคหรือเกิดจิตกบฏ” องค์ชายสี่กล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มชุดขาวใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะขึ้นมา “ฉู่เซี่ยนะฉู่เซี่ย ที่แท้เจ้าก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานยิ่งนัก ไม่ว่าจะกระทำการอันใดก็ลงมือทำจนถึงที่สุด เพื่อเป้าหมายแล้วเจ้ากลับไม่เลือกวิธีการ ได้ ข้าจะรับปากเจ้า หลังจากเรื่องราวทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้นด้วยดี ข้าจะสอนวิชาแก่เจ้า ให้พวกเขาทั้งสองต้องก้มหัวยอมเป็นทาสของเจ้า”
เมื่อชายหนุ่มชุดขาวรับปาก องค์ชายสี่ก็ดีใจขึ้นมายกใหญ่ เพียงเท่านี้แผนการทั้งหมดก็ถือว่าเป็นไปตามแผนการที่วางไว้แล้ว เมื่อพบว่าความสำเร็จของแผนการเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว หากถึงตอนนั้นขึ้นมายิงฮวาและหวูโหวก็จะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาอย่างแน่นอน
ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัญญาเอาไว้ว่าจะแบ่งสันปันส่วนของขุนเขาและแม่น้ำครึ่งสายให้แก่พวกเขา หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นจักรพรรดิด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยข้อเสนอเช่นนี้เป็นผู้ใดจะไม่มมีแววตาลุกวาวได้บ้าง?
ฉะนั้นยิงฮวาและหวูโหวจึงถูกองค์ชายสี่ผูกมัดจิตใจด้วยเล่ห์เพทุบายจนตกมาอยู่ภายใต้อาณัติ มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่รับทราบในข้อตกลงนี้
และวันนี้องค์ชายสี่กลับได้รับโอกาสที่เหมือนกับพลิกชะตาชีวิตอย่างแท้จริง เขาไม่อาจแบ่งปันจักรวรรดิให้แก่ผู้อื่นได้ อีกทั้งชายหนุ่มชุดขาวยังได้ให้คำมั่นสัญญาออกมาแล้ว เขาก็เหมือนกับได้ยกศิลาก้อนใหญ่ที่ทับถมอยู่ภายในจิตใจของเขาออกไปจนหมดสิ้น
ถึงแม้ว่าองค์ชายสี่จะไม่ได้เข้าใจชายหนุ่มชุดขาวอย่างลึกซึ้ง ทว่าเขาสืบสาวราวเรื่องมาได้ว่าชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้มีที่มาที่ไปที่น่าตกใจยิ่งนัก
ด้วยเหตุและผลทั้งหมดนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยบารมีของชายหนุ่มชุดขาว ขอเพียงได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิต้าเซี่ยหรือว่าจักรวรรดิเฟิงหมิง เขาก็จะสามารถเรียกลมฝนขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
การเตรียมการนับหมื่นเรื่องดำเนินไปอย่างไม่มีสะดุด ตอนนี้ทำได้แค่รอคอยข่าวความเคลื่อนไหวของยิงฮวาส่งกลับมาก็เท่านั้น ทว่าสิ่งที่พวกเขายังตระหนักไม่ทั่วถึงนั้นก็คือโลกหล้าแห่งนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า—เหนือความคาดหมายอยู่ ….