เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 82 ความทะเยอทะยานขององค์ชายสี่

แผ่นหนังสัตว์ชิ้นหนึ่งถูกยื่นมายังเบื้องหน้าของชายหนุ่มชุดขาว บนหนังสัตว์มีลวดลายขีดเขียนเอาไว้จนเต็มแผ่น ไม่คล้ายกับเป็นตัวอักษรหรืออักขระอันใด ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าติดต่อกับเผ่าคนเถื่อนได้อย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มชุดขาวอยู่ในอาการตกใจจนพูดติดขัดขึ้นมา

เผ่าคนเถื่อนถูกเรียกขานว่าเผ่าคนเถื่อนก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีพฤติกรรมและวิธีการที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ป่าเลยแม้แต่น้อย ทว่าก็ยังมีวัฒนธรรมและอุดมการณ์ที่ใช้เฉพาะภายในชนเผ่าของตัวเองอยู่

แผ่นหนังสัตว์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาในตอนนี้เป็นเหมือนรหัสลับที่เกิดจากแมลงตัวเล็กปีนป่ายไปมาอย่างไรอย่างนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือตัวอักษรของเผ่าคนเถื่อนนั่นเอง ผู้คนมากมายต่างก็เคยพบเห็นลายลักษณ์อักษรเช่นนี้มาก่อน ทว่าไม่สามารถอ่านออกและเข้าใจความหมายของมันได้ ไม่ทราบว่าองค์ชายสี่สามารถกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร

“บนโลกหล้าใบนี้มีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือผู้คนที่มีความตั้งใจจริง เพื่อให้เป้าหมายสัมฤทธิ์ผลพวกเขาย่อมต้องลงแรงทั้งหมดที่มีอยู่ออกไปจึงจะสามารถกอบโกยผลสำเร็จกลับมาได้

ในช่วงที่ข้ายังเยาว์วัยนั้นข้าได้มองการณ์ไกลถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น ข้าเริ่มเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของข้าให้ออกจากการตกเป็นหมากตัวหนึ่งด้วยมือของข้าเอง

ข้าสั่งการผู้คนมากมายแฝงตัวเข้าไปในเผ่าคนเถื่อน ทว่าคนเหล่านั้นต่างก็กลายไปเป็นอาหารของพวกมันไป หมื่นเรื่องราวย่อมต้องมีข้อบกพร่องเป็นธรรมดา จนกระทั่งมีหนึ่งคนที่สามารถแฝงตัวเข้าไปได้สำเร็จ ทำให้ข้าสามารถติดต่อกับเผ่าคนเถื่อนได้ในที่สุด” องค์ชายสี่เล่าเรื่องราวให้ชายหนุ่มชุดขาวได้รับฟัง

“ข้าและมารดาทำหน้าที่ไส้ศึกได้สำเร็จ อีกทั้งยังชุบเลี้ยงขุมกำลังฝ่ายตัวเองขึ้นมา ตามความสัตย์จริงเลยว่าเมื่อสามปีก่อนข้าคิดว่าข้ามีพลังมากพอที่จะเกื้อหนุนแผนการของท่านแล้วได้ยึดครองจักรวรรดิเฟิงหมิง อีกทั้งยังไม่ทำให้อาวุธของผู้ใดต้องแปดเปื้อนโลหิตอีกด้วย ทว่าอย่างไรเสียในตอนนั้นข้าก็ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของพวกท่านได้”

ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้าไปมา “ต่อเลย”

“ฉะนั้นเพื่อเป็นการต่อกรกับหลงเทียนเซียว ข้าจึงจงใจไม่ส่งมอบรางวัลใดให้แก่เขาเลย อีกทั้งยังกระทำการชักจูงเหล่าประชาชนกลุ่มใหญ่ให้เข้าร่วมฝ่ายของข้า ยื้อแย่งอำนาจของหลงเทียนเซียวให้เป็นไปอีกทิศทางหนึ่ง

ในทางลับสุดยอดอีกอย่างหนึ่งก็คือข้าก็ได้แทรกซึมเข้าสู่ขุมกำลังของหลงเทียนเซียว ให้ทุกคนคิดว่าหลงเทียนเซียวนั้นเป็นดั่งเทพอารักษ์ของพวกเขา ข้านั้นเข้าใจถึงคนอย่างหลงเทียนเซียวดี เขาย่อมไม่อาจปล่อยให้ประชาชนราษฎร์ต้องพบเจอภยันตรายอันใดอย่างแน่นอน” องค์ชายสี่จิบชาครั้งหนึ่งแล้วกล่าวต่อไป

“วีรบุรุษได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ฉู่เซี่ย…เจ้าช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก” เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยปากชมเชยต่อองค์ชายสี่

แผนการขององค์ชายสี่นั้นล้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง การใช้ประชาชนเป็นดั่งหมากตัวหนึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ลดทอนกองกำลังลงได้ แต่ที่สำคัญคือการกดดันความรู้สึกของหลงเทียนเซียวคล้ายกับถูกจองจำจนตายอยู่ในคุก

หากแผนการถูกดำเนินไปด้วยตัวหมากนับหลายร้อยหมื่นคน แม้แต่เป็นหลงเทียนเซียวเองก็คงจะไม่อาจคลี่คลายสถานการณ์เช่นนั้นไปได้ จะทำเป็นมองไม่เห็นชีวิตของประชาชนก็คงจะกระทำไม่ได้เช่นกัน

แผนการที่ง่ายดายเพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้หลงเทียนเซียวคล้ายกับตายทั้งเป็นอยู่ในสนามรบแห่งนั้นได้แล้ว เมื่อได้ฟังมาจนจบ ชายหนุ่มชุดขาวก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความนับถือต่อองค์ชายสี่ขึ้นมา

“น่าเสียดายที่เผ่าคนเถื่อนได้ทำให้ข้าผิดหวังมากจนเกินไป หลายปีมานี้ข้าแอบให้การสนับสนุนแก่พวกเขาอยู่ไม่น้อยเลย ทว่า…

พวกเขาก็ทำได้แค่ส่งกองกำลังเข้าปะทะกับหลงเทียนเซียวอย่างสม่ำเสมอก็เท่านั้น ยิ่งทำให้ศึกยืดเยื้อจนล่วงเลยเวลามานานหลายปี ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเจ้าพวกกลุ่มคนป่าเถื่อนได้เลย” องค์ชายสี่ถอนหายใจรัวแรงพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

ชายหนุ่มชุดขาว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ที่ข้าต้องการอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้หลงเฉินเป็นอย่างไรแล้ว?”

“ถ้าหากแผนการของข้าไม่ผิดพลาดไป เขาคงจะตายไปแล้ว ส่วนศีรษะของเขาก็คงจะกำลังเดินทางกลับมายังจักรวรรดิในเร็วๆ นี้

หลงเฉินผู้นี้เป็นดั่งสัตว์ประหลาดตนหนึ่งอย่างแท้จริง ข้าไม่ชมชอบที่จะให้ผู้ใดสอดมือเข้ามาแล้วสร้างความพลิกผันในแผนการอยู่แล้ว ฉะนั้นข้าจึงส่งยิงฮวาออกไปจัดการ ท่านคงจะทราบดีนะว่ายิงฮวาเป็นผู้ใด” องค์ชายสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ชายหนุ่มชุดขาวทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้โต้ตอบกลับมาแต่อย่างใด เพียงแต่เอ่ยวาจาต่อไปว่า “ข้าย่อมต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดี พลังการฝึกยุทธ์ที่เ**้ยมโหดเช่นนั้น จะให้ไปต่อกรกับเจ้าหนูที่อยู่เพียงระดับพลังขั้นก่อรวมเพียงคนเดียว จะไม่เป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไปหรืออย่างไรกัน”

องค์ชายสี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คำพูดของชายหนุ่มชุดขาวราวกับว่ายอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นอย่างยิงฮวาไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำไป

ทว่าชายหนุ่มผู้นี้คงจะมีอายุเทียบเท่ากับตัวเอง ทว่ากลับมีพลังฝีมือซ่อนเร้นที่สูงล้ำจนน่าหวาดกลัวอยู่หลายขุม องค์ชายสี่จึงต้องยิ่งทวีความระมัดระวังในการต่อรองกับชายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง

“เหอะเหอะ ข้าบอกไปแล้วว่าข้าต้องการผลสำเร็จที่รวดเร็วและรอบคอบ หากเรื่องที่ไม่มีโอกาสสำเร็จได้ข้าก็จะไม่กระทำให้สูญเสียแก่เวลาอันมีค่า ก็เหมือนกับการหยิบยืมหลงเฉินเพื่อลงมือ สังหารเจ้าโง่เซี่ยฉางเฟิงผู้นั้นอย่างไรเล่า” องค์ชายสี่กล่าวอย่างลื่นไหล แม้ว่าในใจจะกระสับกระส่ายอย่างไม่อาจข่มลงไปได้

ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้าไปมาอย่างเข้าใจได้ “แน่นอนว่าเจ้าย่อมเก่งกาจกว่าเซี่ยฉางเฟิง เกี่ยวกับการตายของเซี่ยฉางเฟิงนั้นข้าขอรับรองว่าไม่ต้องเป็นกังวลไป หากมันทำให้แผนการสัมฤทธิ์ผล

ทว่าหากเจ้าสืบทอดงานของเซี่ยฉางเฟิงได้ไม่ดี ข้าขอบอกต่อเจ้าอย่างไม่เกรงใจเลยว่าการตายจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดของผู้ที่ทำผิดพลาด”

ประโยคสุดท้ายเต็มเปี่ยมไปด้วยเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงและถ้อยคำช่างกระแทกกระทั้นเข้ามารุนแรง สัมผัสได้ถึงอันตรายกลุ่มหนึ่งที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องหับ

องค์ชายสี่ราวกับมองไม่เห็นท่าทีที่คุกคามของชายหนุ่มชุดขาว พลันก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าวออกไปว่า “ท่านจงวางใจเถิด โอกาสเช่นนี้ข้าเองก็อดทนรอมานานหลายปีเช่นกัน ข้าย่อมต้องเห็นความสำคัญของมันมากกว่าท่านอย่างแน่นอน”

“อย่างนั้นก็ดี หากวันนี้หลงเฉินได้ตายไปแล้วจริงๆ ข้าคงจำเป็นที่จะต้องทราบถึงแผนการในภายหลังของเจ้าอีก” ชายหนุ่มชุดขาวกล่าว

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจประเมินฝีมือของหลงเฉินจนต่ำต้อยเกินไป ทว่าการที่ให้ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งออกไปไล่ล่า แน่นอนว่าหลงเฉินย่อมไม่มีโอกาสที่จะรอดชีวิตได้เลยแม้แต่น้อย

“หลังจากหลงเฉินตายไป ยิงฮวาจะนำศีรษะของเขากลับมายังจักรวรรดิ ในเวลาเดียวกันเขาก็จะนำภาพที่บันทึกการสังหารเซี่ยฉางเฟิงของหลงเฉินกลับมาด้วย

ฉะนั้นคงจะต้องให้ท่านช่วยไปไกล่เกลี่ยกับทางจักรวรรดิต้าเซี่ย ชักนำให้พวกเขายกกองทัพใหญ่เข้าห้อมล้อมจักรวรรดิเอาไว้

เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้ยิงฮวาและหวูโหวเข้าสนับสนุน ว่าทางต้าเซี่ยต้องการให้จักรวรรดิของเราส่งมอบมือสังหารออกไปเพื่อ ‘ความสัมพันธ์อันดี’ ของทั้งสองจักรวรรดิ ฉะนั้นข้าก็จะสามารถส่งมอบตระกูลหลงออกไปได้ทุกผู้คนแล้ว จากนั้นก็การโอกาสที่เหมาะสมสังหารพวกเขาไปพร้อมกันทั้งหมด” องค์ชายสี่เล่าถึงแผนการที่ถูกคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว

“โอกาสที่เหมาะสมที่เจ้าว่ามานั้นเป็นเวลาใดกัน แล้ว ‘พวกเขา’ ที่ว่านั่นคงจะไม่ใช่แค่คนของตระกูลหลงอย่างเดียวแล้วกระมัง” ชายหนุ่มชุดขาวถามกลับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

องค์ชายสี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับมาว่า “การเจรจากับคนที่ชายฉลาดนั้นช่างไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงเลยจริงๆ ในช่วงเวลาที่คนของตระกูลหลงกำลังเข้าสู่ความตาย ข้าก็จะชักนำเผ่าคนเถื่อนเข้าตีกองทัพของหลงเทียนเซียวด้วยเช่นกัน

เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะส่งสาสน์ของตระกูลหลงให้เขาได้รับทราบ ท่านลองคิดดูว่าในช่วงที่เผชิญหน้ากับการบุกรุกของเผ่าคนเถื่อนที่ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าหวาดกลัว เขาจะยอมยกทัพใหญ่กลับมายังจักรวรรดิได้อย่างไรกัน

หากเป็นตามความเข้าใจของข้าที่มีต่อเขา เขาก็คงจะต้องทิ้งกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดไว้เพื่อคุ้มกันประชาชน และตัวเขาก็เดินทางกลับมายังจักรวรรดิเพื่อช่วยเหลือครอบครัว หึหึ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีทั้งยิงฮวาและหวูโหวที่ร่วมมือกันฆ่าสังหารหลงเทียนเซียว อีกทั้งพวกเรายังมีเหตุผลที่จะกระทำการได้อย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย การกระทำทั้งหมดก็จะไม่กระตุ้นความเคลื่อนไหวของเหล่าผู้คนจนเกินไป

อีกทั้ง ‘พวกเขา’ ก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าแต่อย่างใด หลงเฉินได้รับการ ‘กระตุ้น’ จากองค์ชายใหญ่จนสังหารเซี่ยฉางเฟิง องค์รักษ์ข้างกายของเขาก็ย่อมเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาไปแล้วด้วยเช่นกัน ต่อให้เป็นองค์ชายใหญ่ก็ยังเป็นได้แค่เหยื่อเท่านั้น

และเหล่าพรรคพวกที่ไม่ได้เข้าร่วมโดยตรงก็อาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย เพื่อเห็นแก่ความเป็นพันธมิตรของทั้งสองประเทศพวกเราควรจะต้องอดทนเอาไว้เท่านั้นแล้ว”

ชายหนุ่มชุดขาวมองไปที่องค์ชายสี่ แล้วถอนหายใจออกมา “จิตใจของเจ้าช่างลึกล้ำยิ่งนัก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจักรวรรดิเฟิงหมิงคงจะตกอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว ฉู่เซี่ย…เจ้านั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างถึงที่สุด”

“ขอบพระคุณที่ชมเชย ท่านโปรดวางใจ รากปราณของข้านั้นธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจเข้าสู่เส้นทางของการฝึกยุทธ์ที่สูงล้ำขึ้นไปได้ ตัวข้าจึงไมอาจคุกคามต่อท่านได้แม้แต่ครึ่งเสี้ยว” องค์ชายสี่ตอบกลับไป

ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาย่อมแอบตรวจสอบสภาพร่างกายขององค์ชายสี่ไปแล้วตั้งแต่แรก และแน่ใจในพรสวรรค์ของเขาว่าอยู่ในขั้นปกติธรรมดาเท่านั้น

สำหรับบุคคลที่มีความคิดที่แยบคายและรอบคอบถึงเพียงนี้นับว่าเป็นผู้ที่มีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงไม่อาจไว้ใจได้ในทันที หากไม่ทันระแวดระวังตัวอาจต้องกลายเป็นคนที่เดินเข้าไปติดกับเสียเอง

ถ้าหากองค์ชายสี่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในระดับสูงผู้หนึ่ง เช่นนั้นหากมองจากในมุมมองของเขา ถือได้ว่าเป็นการคุกคามที่ใหญ่หลวงนัก ผู้ใดจะทราบกันว่าองค์ชายสี่จะหลอกใช้ตนเอง เพื่อใช้ปีนขึ้นไปยังจุดที่สูงยิ่งกว่าได้

ห้วงความคิดอันสับสนวุ่นวายเข้าคุกคามเขาอีกครั้ง ด้วยแผนการที่วางไว้มานานจำเป็นจะต้องไตร่ตรองถึงความเสี่ยงในด้านต่างๆ อีกมากมาย องค์ชายสี่ที่ไม่อาจฝึกพลังยุทธ์ที่สูงขึ้นได้จึงพะวงเพียงแค่ส่วนที่ตนจะได้รับเท่านั้น ก็ถูกต้องตามที่เขาได้กล่าวออกมาว่าต่างฝ่ายต่างก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน

ชายหนุ่มชุดขาวยกแก้วชาขึ้นมาจิบแล้วกล่าวออกไปว่า “ยอดมาก เซี่ยฉางเฟิงตายไปก็ดีอยู่เหมือนกัน หวังว่าพวกเราจะสามารถร่วมมือกันได้อย่างสบายใจ”

องค์ชายสี่ก็ได้ยกแก้วชาขึ้นมาจิบด้วยเช่นกัน พลันยื่นแก้วชาจนกับชายหนุ่มชุดขาวครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ดื่มลงไปจนหมดแก้ว

ทันใดนั้นเองชายหนุ่มชุดขาวก็นึกเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้ “เซี่ยฉางเฟิงมีน้องสาวอยู่ไม่ใช่หรือ? นางยังอยู่ที่วังหลวงใช่หรือไม่?”

เมื่อสิ้นคำถามจากชายหนุ่มชุดขาว องค์ชายสี่ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังในทันที “อือ หญิงสาวผู้โง่งมนางนั้น เซี่ยฟางเฉิงได้หลงเหลือไว้ให้พวกเราดูแลเอง”

“เจ้าไม่ได้ฆ่านางไปด้วยอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ได้ นางเป็นถึงผู้หลอมโอสถคนหนึ่งจึงมีสถานะที่พิเศษอันเป็นสิ่งต้องห้าม ข้าได้บรรณาการนางด้วยชายหนุ่มรูปงามถึงสองคน ในเวลานี้นางคงอยู่กับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งคงจะกำลัง****กันอยู่ หญิงสาวผู้โง่งมเช่นนั้นย่อมไม่ตามมารังควานแผนการใหญ่ของพวกเราอย่างแน่นอน” องค์ชายสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางอย่างเกียจคร้าน

ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้าไปมา เซี่ยปายฉือย่อมไม่อาจกระทำการอันใดได้ แผนการจะสำเร็จได้ย่อมต้องไร้ซึ่งข้อผิดพลาดอันใด เมื่อได้ยินว่าองค์ชายสี่ดำเนินการป้องกันอย่างรัดกุมแล้ว เขาจึงรู้สึกวางใจขึ้นมา

ในเมื่อพี่ชายของนางได้ตายไปแล้ว นางย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจสิ่งใดอีกต่อไป เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้เป็นความผูกพันกันดั่งญาติพี่น้องอยู่แล้ว

อีกอย่างหนึ่งก็คือการตายของเซี่ยฉางเฟิงนั้นเกิดจากฝีมือของหลงเฉิน หากนางจะเกิดความเคียดแค้นชิงชังขึ้นมา อย่างไรเสียนางก็ต้องมุ่งเป้าไปที่หลงเฉิน

“ใช่แล้ว พี่โล้ว ข้ายังมีเรื่องหนึ่งที่ใคร่ขอความช่วยเหลือจากท่าน” ในขณะที่เจรจากับชายหนุ่มชุดขาวได้สำเร็จแล้ว องค์ชายสี่ก็ได้เปลี่ยนคำเรียกหาประดุจพี่น้องคลานตามกันมา

“ว่ามา”

“ท่านคงจะทราบแล้วว่าข้านั้นได้ผูกมัดจิตใจต่อยิงฮวาและหวูโหวด้วยเล่ห์เพทุบายบางอย่าง เดิมทีคิดว่าคงจะได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทว่ากลับสำเร็จขึ้นมาได้ ฉะนั้นผลสุดท้ายแล้วพวกเราจำเป็นจะต้องแบ่งสันปันส่วนให้แก่พวกเขาด้วยครึ่งหนึ่ง

เมื่อก่อนนั้นเป็นเพราะข้าเองยังไม่มีความคาดหวังต่อเฟิงหมิงมากเท่ากับตอนนี้ จึงย่อมไม่เกิดความเจ็บปวดใจขึ้นมาแต่อย่างใด

ทว่าในบัดนี้ทั่วทั้งเฟิงหมิงกลับเข้ามาอยู่ในกำมือของข้าเกือบจะทั้งหมดแล้ว ทว่าในยามค่ำคืนข้ากลับยังต้องคอยระแวงพวกเขาจนไม่อาจข่มตาให้ปิดลงได้ ฉะนั้น……”

ชายหนุ่มชุดขาวเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “เจ้าคิดจะให้ข้าช่วยเหลือเจ้าในการจัดการพวกเขาจนยอมศิโรราบเลยอย่างนั้นหรือ?”

“เกือบจะใช่ ข้าหวังว่าพี่โล้วจะช่วยข้าสั่งสอนพวกเขาให้ทราบว่าการว่านอนสอนง่ายนั้นควรจะทำเช่นไร ทว่าไม่ใช่พร้อมที่จะแปรพรรคหรือเกิดจิตกบฏ” องค์ชายสี่กล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง

ชายหนุ่มชุดขาวใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะขึ้นมา “ฉู่เซี่ยนะฉู่เซี่ย ที่แท้เจ้าก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานยิ่งนัก ไม่ว่าจะกระทำการอันใดก็ลงมือทำจนถึงที่สุด เพื่อเป้าหมายแล้วเจ้ากลับไม่เลือกวิธีการ ได้ ข้าจะรับปากเจ้า หลังจากเรื่องราวทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้นด้วยดี ข้าจะสอนวิชาแก่เจ้า ให้พวกเขาทั้งสองต้องก้มหัวยอมเป็นทาสของเจ้า”

เมื่อชายหนุ่มชุดขาวรับปาก องค์ชายสี่ก็ดีใจขึ้นมายกใหญ่ เพียงเท่านี้แผนการทั้งหมดก็ถือว่าเป็นไปตามแผนการที่วางไว้แล้ว เมื่อพบว่าความสำเร็จของแผนการเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว หากถึงตอนนั้นขึ้นมายิงฮวาและหวูโหวก็จะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาอย่างแน่นอน

ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัญญาเอาไว้ว่าจะแบ่งสันปันส่วนของขุนเขาและแม่น้ำครึ่งสายให้แก่พวกเขา หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นจักรพรรดิด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยข้อเสนอเช่นนี้เป็นผู้ใดจะไม่มมีแววตาลุกวาวได้บ้าง?

ฉะนั้นยิงฮวาและหวูโหวจึงถูกองค์ชายสี่ผูกมัดจิตใจด้วยเล่ห์เพทุบายจนตกมาอยู่ภายใต้อาณัติ มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่รับทราบในข้อตกลงนี้

และวันนี้องค์ชายสี่กลับได้รับโอกาสที่เหมือนกับพลิกชะตาชีวิตอย่างแท้จริง เขาไม่อาจแบ่งปันจักรวรรดิให้แก่ผู้อื่นได้ อีกทั้งชายหนุ่มชุดขาวยังได้ให้คำมั่นสัญญาออกมาแล้ว เขาก็เหมือนกับได้ยกศิลาก้อนใหญ่ที่ทับถมอยู่ภายในจิตใจของเขาออกไปจนหมดสิ้น

ถึงแม้ว่าองค์ชายสี่จะไม่ได้เข้าใจชายหนุ่มชุดขาวอย่างลึกซึ้ง ทว่าเขาสืบสาวราวเรื่องมาได้ว่าชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้มีที่มาที่ไปที่น่าตกใจยิ่งนัก

ด้วยเหตุและผลทั้งหมดนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยบารมีของชายหนุ่มชุดขาว ขอเพียงได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิต้าเซี่ยหรือว่าจักรวรรดิเฟิงหมิง เขาก็จะสามารถเรียกลมฝนขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

การเตรียมการนับหมื่นเรื่องดำเนินไปอย่างไม่มีสะดุด ตอนนี้ทำได้แค่รอคอยข่าวความเคลื่อนไหวของยิงฮวาส่งกลับมาก็เท่านั้น ทว่าสิ่งที่พวกเขายังตระหนักไม่ทั่วถึงนั้นก็คือโลกหล้าแห่งนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า—เหนือความคาดหมายอยู่ ….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset