ยิงฮวารีบมุ่งหน้าไปยังซุ่มเสียงแรกที่อาจเป็นร่องรอยของหลงเฉินอย่างไม่คิดชีวิต ด้วยความเร็วประดุจเหาะเหินเดินอากาศระยะห่างเจ็ดแปดลี้กลับใช้เวลาไม่กี่พริบตาก็มาถึงแล้ว
เสียงที่ได้ย่อมไม่ใช่เสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันจะต้องเป็นเสียงที่ดังขึ้นมาจากศิลาที่ร่วงหล่นลงมาจากความไม่ระวังตัวอย่างแน่นอน ด้วยความเงียบสงัดเช่นนี้แล้วมีเพียงหลงเฉินเท่านั้นที่ทำให้เกิดซุ่มเสียงขึ้นมาได้
ยิงฮวาเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะอยู่เต็มท้อง คืนวันก่อนเขาไม่ได้พักผ่อนเลยทั้งคืน แม้แต่ช่วงเวลาที่ไหลเวียนพลังเพื่อฟื้นฟูก็ไม่มีเช่นกัน สัตว์ป่าคลุ้มคลั่งกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าเข้าใกล้เขา ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้คุกคามแต่อย่างใด ทว่ากลับรบกวนจิตใจในการตั้งสมาธิเพื่อรักษาบาดแผล
อาการบาดเจ็บของเขาย่อมไม่อาจพึ่งพาเฉพาะโอสถรักษาแล้วจะหายขาดได้ จำเป็นจะต้องมีการผนึกเข้ากับลมปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ฉะนั้นตลอดทั้งคืนเขาจึงไม่อาจกระทำเช่นนี้ได้
ในเมื่อไม่สามารถรักษาร่างกายจนมีพลังการต่อสู้ในระดับสูงสุดได้จึงทำให้ยิงฮวาเกิดความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องหาหลงเฉินให้พบและสังหารชายหนุ่มผู้นั้นให้จงได้ แล้วค่อยกลับไปพักรักษาตัวที่จักรวรรดิ
เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ในที่สุดยิงฮวาก็มาถึงบริเวณที่เป็นต้นเสียงที่ว่า ทว่ากลับไม่พบสิ่งที่น่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย มีเพียงศิลาก้อนหนึ่งที่กลิ้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ อีกทั้งด้านบนของก้อนศิลายังคล้ายกับมีลายคัดบางอย่างสลักอยู่
ยิงฮวาหรี่ตามองไปทั่วทุกสารทิศครู่หนึ่งก็ยังไม่พบแม้แต่ร่อยรอยของหลงเฉิน จึงยิ่งไม่สบอารมณ์อย่างมาก มีความเป็นไปได้สูงว่าตัวเองคงจะถูกลวงหลอกเข้าเสียแล้ว
ยิงฮวาค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปยังศิลาก้อนนั้นเพื่อตรวจสอบว่าหลงเฉินหลงเหลืออักษรอันใดต่อตัวเองเอาไว้บ้าง เมื่อเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหันเมื่อจับความเคลื่อนไหวบางอย่างได้ที่บริเวณพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็พบว่าของสิ่งนั้นมีลักษณะเป็นก้อนกลมห่อด้วยใบไม้จ่อมาทางด้านที่เขายืนอยู่
ยิงฮวาส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา พลันกวาดกระบี่ยาวในมือออกไปฟันเข้าที่สิ่งของชิ้นนั้น
“ชิ ฝีมืออันน้อย……”
“พรวด”
ในขณะที่กระบี่ยาวเล่มนั้นแตะเข้าไปยังสิ่งของที่ถูกห่อหุ้มด้วยใบไม้สดอยู่นั้น จู่จู่ก็เกิดระเบิดขึ้นมาเละเทะคล้ายกับเป็นน้ำผลไม้สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งผืนฟ้า
เหตุการณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและไม่คาดฝัน อีกทั้งยังอยู่ในระยะที่ใกล้กับร่างของยิงฮวามาก จนชายฉกรรจ์ไม่ทันที่จะได้ป้องกันตัว ร่างจึงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำผลไม้ ส่งกลิ่นเหม็นอย่างไร้ที่เปรียบกลุ่มหนึ่งลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งบรรยากาศ
บ้างก็กระเด็นเข้าปากไปส่งกลิ่นฉุนตลบอบอวนอยู่ในโพรงจมูก ด้วยกลิ่นเหม็นที่รุนแรงเป็นอย่างมากทำให้ยิงฮวาแตกตื่นขึ้นมาเสียยกใหญ่ ขยับฝีเท้าไปมาอย่างร้อนรนด้วยความคิดที่ว่าสิ่งของนี้น่าจะมีพิษร้ายแรงอยู่
แม้ว่าน้ำที่สาดกระเซ็นมานั้นจะเหม็นอย่างไร้สิ่งใดมาเปรียบได้ ทว่ากลับไม่ได้ให้รู้สึกคล้ายกับต้องพิษเลยแม้แต่น้อย โลหิตทั่วร่างยังคงไหลเวียนได้อย่างปกติ
ทันใดนั้นเองเขาจึงนึกคิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันกายกลับไปยังศิลาก้อนเดิมที่อยู่บนพื้น พร้อมทั้งอ่านลายคัดอักษรที่สลักเอาไว้ด้านบนว่า
‘ของขวัญเล็กน้อยคงไม่อาจแสดงความเคารพได้อย่างเต็มที่ ตอนแรกข้าคิดจะปรุงให้เจ้าเยอะกว่านี้เสียหน่อย ทว่าด้วยท้องไส้ในช่วงนี้ไม่ค่อยจะสบายนัก หากไม่เพียงพออย่างไรโปรดใต้เท้ายิงฮวาอย่าได้ถือสา’
เมื่อกวาดสายตาไปตามลายลักษณ์อักษรจนครบถ้วนทุกข้อความแล้ว ยิงฮวาก็มีใบหน้าขาวซีดลงไปในทันที ปราดสายตามองไปยังสิ่งของที่แปดเปื้อนอยู่ตามร่างกาย รู้สึกได้ว่าภายในกระเพาะคล้ายกับมีคลื่นมหาสมุทรพลิกกลับไปมาอย่างรุนแรง
“โฮกกก……”
“หลงเฉิน……”
ยิงฮวาส่งเสียงดังออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวจากไม่อาจจะพรรณนาออกมาได้ ราวกับความแค้นของเขาได้ฝักรากลึกลงไปในก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของจิตใจ เสียงดังแผดทะลุผ่านม่านหมอกไปในทันที เสียงสะท้อนดึงกึกก้องไปทั่วทั้งผืนป่า เกิดการสั่นไหวไปมาจนสิงสาราสัตว์ต่างก็วิ่งพล่านแตกตื่นออกไปทั่วทุกสารทิศ
หลงเฉินที่แอบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเหม่อมองไปยังนกกลุ่มใหญ่ที่แตกรังออกมาจากที่ที่ห่างไกล พลันมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้น ความเคียดแค้นที่ได้ถูกยิงฮวาไล่ล่ามาหลายวัน ในที่สุดก็ได้รับการคลี่คลายไปจนหมดสิ้นแล้ว
ใบหน้าของยิงฮวาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นที่ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า ฉะนั้นหลงเฉินก็ต้องยิ่งทวีความระมัดระวังมากขึ้นไปอีก ไม่อาจหาญกล้าจัดสร้างหลุมพรางเช่นนี้ได้อีกต่อไป
อีกทั้งหากในระหว่างที่สร้างหลุมพรางเกิดพลาดท่าขึ้นมา ผู้ที่ต้องตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถก็คงจะเป็นคราวของเขาเสียเอง ทว่าหลุมพรางที่วางไว้ก็เพียงเพื่อจะระบายอารมณ์ของตัวเองก็เท่านั้น ตอนนี้จึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง
ขณะนี้สิ่งที่อยากทำทั้งหมดก็ได้กระทำลงจนหมดสิ้นแล้ว ตัวของเขาเองก็สมควรที่จะรามือด้วยเช่นกัน ช่วงเวลาเช่นนี้คือ ‘การเอาตัวรอดเป็นยอดดี’ เขาไม่คิดที่จะพาตัวเองไปเกิดเรื่องที่พลิกผันได้อีก
ผู้หนึ่งติดตามอีกผู้หนึ่งหลบหนีวนกันอยู่ภายในฝืนป่าลึกลับ ไม่นานนักก็ผ่านพ้นไปถึงแปดวันแล้ว เมื่อเข้าสู่วันที่แปดนั้นหลงเฉินได้ใช้ทักษะเฉพาะบางอย่างออกมาเพื่อสลัดเหล่าสัตว์ป่าที่เข้ามากวนใจในยามที่เขาเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บ
ด้วยพลังหนุนจากโอสถรักษาทำให้หลงเฉินสามารถฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เส้นลมปราณบนมือขวาก็งอกขึ้นมาจนสมบูรณ์แล้ว ส่วนอาการบาดเจ็บภายในก็ถูกฟื้นฟูไปกว่าแปดส่วนแล้ว
ทางด้านของยิงฮวาก็พลิกแพลงสถานการณ์ได้ดีขึ้น ในวันแรกที่ลงมือฆ่าสัตว์ป่าไปทำให้เขาถูกรังควานจากสัตว์ป่าชนิดอื่นอีกมากมาย ในภายหลังก็เริ่มเรียนรู้มากขึ้นโดยในยามกลางคืนเขาจะกระโดดขึ้นไปพักผ่อนบนต้นไม้สูง ทั้งได้พักผ่อนทั้งยังได้รักษาอาการบาดเจ็บ ด้วยพลังที่ลึกล้ำของเขาจึงทำให้การฟื้นฟูเป็นไปได้รวดเร็วอย่างยิ่งยวด
เข้าสู่วันที่เก้า เมื่อหลงเฉินเดินผ่านสายธารสายหนึ่งเข้าสู่ผืนป่าทึบแห่งใหม่ที่อยู่ทางด้านหน้า ทันใดนั้นเองที่เหนือศีรษะก็เกิดความเคลื่อนไหวของบางอย่างขึ้นมาเป็นสาย
หลงเฉินเงยหน้าขึ้นไปช้าๆ พลันสีหน้าก็เหยเกขึ้นมาอย่างรุนแรง: ชีวิตข้าจะมาลงเอยเช่นนี้อย่างนั้นหรือ!