กระนั้นเมื่อปรากฏขึ้นมายังเบื้องหน้าของอาหมานแล้วก็เหมือนกับเป็นลูกไก่ในกำมือของยักษ์มารอย่างไรอย่างนั้น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านพละกำลังอันมหาศาลนั้นจนถูกหักคอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งวิธีการต่อสู้ที่อาหมานชื่นชอบมากที่สุดนั่นก็คือใช้เพียงพลังกายอันแข็งแกร่งกดขี่ฝ่ายศัตรู ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หลงเฉินต้องปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมามากที่สุดเช่นกัน
อาหมานยังคงแสดงท่าทีราวกับเป็นสัตว์มายาตัวหนึ่ง ชมชอบการจัดการคู่ต่อสู้ทั้งหมดด้วยพละกำลังของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ยืนยันเอาไว้แล้วว่าจดจำคำสอนสั่งของหลงเฉินได้อย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง ทว่าพอเข้าสู่การต่อสู้จริงๆ กลับลืมเลือนไปจนหมดสิ้น
“เอาเถิด พวกเรามาจัดการกับวัวป่าตัวนี้กัน ลอกหนังของมันออก ทิ้งเครื่องในไป เหลือไว้เพียงชิ้นเนื้อก็พอ”
หลงเฉินควักเอามีดพกขนาดเล็กอันแหลมคมออกมาเล่มหนึ่งปาดไปที่ผิวหนังของวัวป่าตัวนั้น เรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ไม่อาจชี้นิ้วสั่งอาหมานให้กระทำได้อยู่แล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะต้องลงมือเอง
กลิ่นคาวโลหิตของสัตว์มายาตัวหนึ่งสามารถโชยพัดกลิ่นอันรุนแรงออกไปได้ไกลหลายร้อยลี้จนทำให้สัตว์มายาตัวอื่นตามกลิ่นมาได้ หลังจากที่จัดการชำแหละซากวัวป่าแล้ว อาหมานก็ได้หอบเอาเครื่องในของวัวป่ากลับไปที่จุดตั้งค่ายในทันที
หลงเฉินเลือกบริเวณด้านหลังของน้ำตกแห่งหนึ่งเป็นจุดตั้งค่าย ที่แห่งนั้นมีถ้ำภูเขาที่ผุดขึ้นมาตามธรรมชาติอยู่แห่งหนึ่ง สามารถใช้เป็นเกราะคุ้มกันจากสิ่งมีชีวิตอื่นไปในตัวด้วย
อีกทั้งตัวถ้ำยังรายล้อมเอาไว้ด้วยสายธารที่สามารถซ่อนกลิ่นอายบนตัวของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพื่อลดทอนการซุ่มโจมตีจากสัตว์มายาตัวอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้
ถึงแม้ว่าสัตว์มายาจะไม่ได้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ทว่าการถูกสัตว์มายาซุ่มโจมตี ย่อมเป็นเรื่องที่น่ารำคาญเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งหากเป็นสัตว์มายาชนิดพิษก็จะยิ่งเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตอันสงบสุขของพวกเขาอย่างแน่นอน
ภายในถ้ำอันกว้างขวาง หลงเฉินก็ได้ก่อสุมเพลิงขึ้นมาชุดใหญ่เพื่อย่างเนื้อของวัวป่าตัวเมื่อครู่นี้ ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม กลิ่นหอมหวนจากเนื้อที่สุกได้ที่ก็ตลบอบอวนไปทั่วทั้งบรรยากาศภายในถ้ำ
“ฮือฮือ……”
แววตาของเสี่ยวเสว่ยมองไปยังเนื้อวัวขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอ พลันก็ตะเกียกตะกายแหวกอ้อมแขนของหลงเฉินออกแล้วพุ่งตัวไปยังเนื้อวัวป่าทันที
หลงเฉินเกิดอาการแตกตื่นถึงขีดสุด ใช้มือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าไปที่ขาหลังของมันอย่างรวดเร็ว หากช้าไปกว่านี้เพียงครึ่งก้าว เจ้าหนูตัวนี้คงจะหลุดเข้าไปนอนแผ่อยู่ในกองเพลิงอย่างแน่นอน
“อย่าได้ทำตัววุ่นวาย” หลงเฉินจ้องเขม็งไปที่หมาป่าหิมะแดงเพลิงด้วยความโกรธด้วยคิ้วขมวดคิ้วย่น
คล้ายกับสามารถรับรู้ถึงอารมณ์โกรธของหลงเฉินได้ เจ้าหนูก็หยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างว่าง่ายขึ้นมาทันตาเห็น ดวงตากลมโตประดุจไข่มุกมองต่ำลงไปพื้นดิน ไม่กล้าสบสายตาของหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะยังไม่ได้ประทับสัญญาทาสให้แก่เสี่ยวเสว่ย ทว่ากลับใช้ทักษะเฉพาะอีกอย่างหนึ่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับสัตว์มายาตามที่ลู่ฟางเอ๋อได้ถ่ายทอดวิชาให้
ทว่าการประทับสัญญาทาสกับสัตว์มายาจะทำให้ผู้เป็นนายสามารถตัดสินความเป็นตายของมันได้เลยโดยไม่มีข้อยกเว้น ฉะนั้นสัตว์มายาจึงไม่อาจเกิดจิตคิดทรยศได้ตลอดกาล
หลงเฉินไม่ได้คิดว่าเจ้าหนูตัวนี้เป็นทาสของเขา ไม่เคยปฏิบัติตนว่าเขาคือผู้เป็นนายแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ากลับใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสหายผู้หนึ่ง ทั้งนี้ในตอนนี้หมาป่าหิมะแดงเพลิงยังอยู่ในช่วงวัยเด็ก จึงจำเป็นที่จะต้องสั่งสอนให้มันทราบว่าสิ่งใดคือเรื่องที่สมควรกระทำและไม่สมควรกระทำ
หลังจากที่เจ้าหนูสำนึกผิดไปได้สักพักหนึ่ง ก็ได้หันหน้ามองไปยังหลงเฉิน ก็เห็นว่าหลงเฉินยังคงมีใบหน้าไม่พึงพอใจอยู่ จึงค่อยคืบคลานแล้วยื่นหัวของมันถูไปถูมาที่มือข้างหนึ่งของหลงเฉิน คล้ายกับกำลังออดอ้อนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ภายในจิตใจของหลงเฉินก็บังเกิดเสียงหัวเราะขึ้นมาเพราะความน่ารักของเสี่ยวเสว่ย ทว่ากลับต้องปั้นหน้าเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย ครั้งนี้ดุด่าไว้เพียงเท่านี้ หากมีครั้งต่อไปที่มันหาญกล้ายิ่งกว่านี้ คงจะต้องสั่งสอนให้หลาบจำอีกสักครั้งหนึ่ง
หลงเฉินจ้องมองไปอีกครั้งก็แทบจะไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง ไม่ผิด นั่นคือน้ำตา อีกทั้งจมูกยังมีเสียงดังฟืดฟาดดังออกมาเป็นสาย นั่นมันกำลังสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้นหรือ
“เอาเถิด อย่าได้ทำเช่นนี้อีก มันอันตรายมากนะ อาจจะทำร้ายเจ้าได้ เข้าใจหรือไม่?” หลงเฉินยิ้มขึ้นมาแล้วลูบไปที่หัวของเจ้าหนูเบาๆ
เสี่ยวเสว่ยคล้ายกับฟังเข้าใจในคำพูดของหลงเฉิน พลันก็ใช้หัวน้อยๆ ถูไปถูมาที่มือของหลงเฉินอย่างประจบประแจงอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าเนื้อย่างกำลังสุกได้ที่แล้ว หลงเฉินก็แบ่งเนื้อชิ้นใหญ่ออกมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หมาป่าหิมะแดงเพลิงที่นั่งจ้องอยู่ เจ้าหนูตัวนี้ไม่ชมชอบการกินเนื้อบดชิ้นเล็ก หลงเฉินจึงต้องหั่นแบ่งเป็นชิ้นที่ใหญ่โตแทน
ส่วนของเขาเองก็กินไปเพียงสิบกว่าชั่งเท่านั้น ชิ้นเนื้อที่เหลือก็ได้ตกลงท้องของอาหมานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คล้ายกับมีห้วงมิติอันไร้ขีดจำกัดอยู่ในร่างกายกำยำของชายหนุ่มผู้นั้นอย่างไรอย่างนั้น ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่หลงเฉินเห็นว่าอาหมานได้กินอิ่มแล้วมาก่อนเลย
ตามคำกล่าวของอาหมาน เมื่อเขาได้กินเนื้อของสัตว์มายาจะรู้สึกว่ารสชาติของมันนั้นดีกว่าเนื้อของสัตว์ชนิดอื่นเป็นพิเศษ อีกทั้งทั่วทั้งร่างกายก็เหมือนกับมีพลังมหาศาลที่ใช้ออกมาอย่างไรก็ไม่มีวันหมด หากเทียบกับการกินเนื้อวัวธรรมดาแล้วให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
หลงเฉินสำรวจไปยังภายในร่างกายของอาหมานอยู่หลายครั้งก็พบว่าเนื้อเยื่อของเขายังคงหลับใหลอยู่ส่วนหนึ่ง ทว่าอยู่ในสภาพที่กำลังจะฟื้นคืนกลับมาในไม่ช้า ช่างเป็นสัญญาณที่ดีอย่างยิ่งเลยก็ว่าได้
ในขณะเดียวกันหลงเฉินก็เข้าใจเหตุผลขึ้นมาได้อีกข้อหนึ่ง โลหิตและเนื้อของสัตว์มายามีความสำคัญต่ออาหมานอย่างถึงที่สุด โลหิตและเนื้อที่มีพลังอันแกร่งกล้าก็จะยิ่งช่วยให้เนื้อเยื่อของอาหมานตื่นจากนิทราได้ง่ายขึ้น
หลังจากที่ทานจนอิ่มหนำกันถ้วนหน้าแล้ว เจ้าหนูที่กินจนหนังท้องพองกลมก็ได้เริ่มเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันอยู่ข้างกายของหลงเฉิน จากนั้นหลงเฉินก็ได้เตรียมตัวฝึกยุทธ์ขั้นต่อไปอีก ในเมื่อไม่อาจทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขั้นก่อโลหิต เช่นนั้นก็คงจะต้องทะลวงขั้นก่อรวมขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว
ส่วนอาหมานที่ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ได้แบกขวานยักษ์ที่หลงเฉินได้มอบให้เขาออกไปสู้กับสัตว์ป่าต่อ ดูเหมือนว่าเนื้อของวัวป่าเมื่อครู่จะยังไม่ถึงครึ่งท้องของเขาเลยด้วยซ้ำไป
ในวันที่สองที่แสงแดงในช่วงกลางวันกำลังส่องรำไรเข้ามาภายในถ้ำ ทันใดนั้นก็มีเสียงรถลากดังขึ้นมาเป็นสาย หลงเฉินที่กำลังนั่งสมาธิอยู่นั้นก็ได้ลืมตาขึ้นมาในทันที ในที่สุดคนที่เขารออยู่มาโดยตลอดก็ได้มาถึงที่แห่งนี้เสียที . . .