ในเวลานี้หลงเฉินเรียกได้ว่าตกอยู่ในสภาวะหัวเราะไม่ออกร่ำไห้ก็ไม่ได้ ฟางเอ๋อผู้นี้ก็ช่างซุกซนเสียจริง ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงความไร้เดียงสาอยู่ด้วย มีอันใดก็กล่าวออกมาอย่างนั้นให้ความรู้สึกใกล้ชิดขึ้นมาอย่างง่ายดาย
จากหมู่ตึกจิตวายุมาจนถึงที่นี่นั้นห่างไกลกันนับหลายหมื่นลี้ ต้องใช้เวลาเหินเวหามาถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนทีเดียว ต่อให้ลู่ฟางเอ๋อจะมีพาหนะเป็นสัตว์มายาทว่าก็ยังเกิดความเหนื่อยล้าได้ถึงเพียงนี้ เพียงได้หยอกล้อหลงเฉินก็พอจะช่วยบรรเทาความอ่อนล้าไปได้
“ขอบอกข่าวดีอย่างหนึ่งต่อเจ้าเอาไว้ เจี่ยเจี่ยฝากของขวัญมาให้เจ้าชิ้นหนึ่ง” ลู่ฟางเอ๋อชี้นิ้วไปยังกล่องใบเล็กที่วางอยู่ข้างกายตั้งแต่แรกแล้ว
เมื่อสิ้นเสียงนั้นหลงเฉินก็ได้หันไปมองยังกล่องยาวที่มีส่วนสูงถึงสองเซียะที่วางอยู่ข้างกายของหญิงสาว
“ผัวะ”
กล่องใบนั้นถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เขายื่นหน้าเข้าไปในกล่อง พลันดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด
ของชิ้นนั้นคือหมาป่าน้อยขนปุกปุยตัวหนึ่ง ตัวของมันยาวเพียงสองเซียะ ปกคลุมด้วยขนสีขาวโพลน บริเวณระหว่างคิ้วทั้งสองข้างจะมีสีแดงคล้ายเปลวเพลิงสีแดงลุกโชนขึ้นมาที่ปลายขน ดูน่ารักน่าชังเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าหนูตัวนี้คงจะเพิ่งกำเนิดมาได้ไม่นาน ดวงตาของมันยังไม่ตื่นลืมขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เดินชนไปรอบสี่ด้านของกล่องราวกับกำลังค้นหาของกิน
“หมาป่าหิมะแดงเพลิง?”
หลงเฉินตกใจขึ้นมาอย่างรุนแรง นี่เป็นทารกสัตว์มายาตัวหนึ่งที่เขาเคยพบเห็นจากสมุดภาพวาดสัตว์มายามาก่อน เมื่อได้มาเจอกับตัวกลับทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
หมาป่าหิมะแดงเพลิงจะมีร่างกายเป็นสีขาวดุจหิมะ มีเพียงช่วงระหว่างคิ้วเท่านั้นที่จะมีขนสีแดงประดุจมีเปลวเพลิงปะทุขึ้นมา จึงเป็นที่จดจำได้อย่างง่ายดาย
ทว่าหมาป่าหิมะแดงเพลิงจำนวนมากนั้นมีสายโลหิตที่ไม่บริสุทธิ์ บ้างมีทั้งขนบนร่างเป็นสีแดง สีมืดมนบ้าง หรือแม้กระทั่งเป็นจุดด่าง
แต่ว่าทารกหมาป่าหิมะที่อยู่เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้กลับไม่มีขนสีอื่นผสมแม้แต่เส้นเดียว นี่คงจะเป็นหมาป่าหิมะแดงเพลิงที่หายากอย่างยิ่งเลยทีเดียว
หมาป่าหิมะแดงเพลิงที่โตเต็มวัยจะถูกจัดอยู่ในสัตว์มายาระดับสาม กล่าวกันว่าหากเป็นหมาป่าหิมะแดงเพลิงที่มีโลหิตบริสุทธิ์จะสามารถเติบโตไปจนถึงระดับที่สี่ได้เลยทีเดียว ซึ่งเกินกว่ายอดฝีมือพลังขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นไปอีก
“ไม่ผิด นี่เป็นหมาป่าหิมะแดงเพลิงที่มีโลหิตบริสุทธิ์ตัวหนึ่ง เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาได้ไม่นาน อาจารย์ของเจี่ยเจี่ยได้มอบให้แก่นางเพื่อเป็นของขวัญ ทว่าเจี่ยเจี่ยกลับให้ข้าเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อนำเจ้าหนูตัวนี้มาให้แก่เจ้า” ลู่ฟางเอ๋อจ้องมองไปยังใบหน้าตื่นตะลึงของหลงเฉิน
ม่งฉีไม่เพียงแต่ยังไม่ลืมเลือนเขา ยิ่งไปกว่านั้นกลับส่งมอบสิ่งของอันมีล้ำค่าเช่นนี้มาให้ สาวงามเช่นนางช่างมีใจที่หนักแน่นเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้หลงเฉินเกิดแรงกระตุ้นบางอย่างจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“เจี่ยเจี่ยคิดที่จะมอบมันให้เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า ทว่านางย่อมคิดไม่ถึงว่าเจ้าได้กลายเป็นผู้หลอมโอสถผู้หนึ่งไปแล้ว
คิดว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของเจ้าคงไม่ต่ำต่อย ข้าสามารถถ่ายทอดวิชาการควบคุมสัตว์ให้ส่วนหนึ่งได้ หมาป่าหิมะแดงเพลิงที่มีโลหิตบริสุทธิ์เช่นนี้สามารถฝึกให้เป็นสู้ศึกสงครามของเจ้าได้เลยทีเดียว” ลู่ฟางเอ๋อกล่าว
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้รับทารกสัตว์มายาต่างก็ต้องผ่านการฝึกใช้พลังยุทธ์จากผู้ฝึกสัตว์ด้วยกันทั้งนั้น เพื่อฝึกสอนสัตว์มายาของตนให้เชื่องและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดี
ทว่าถึงอย่างไรสัตว์มายาก็ยังคงเป็นสัตว์ตัวหนึ่งที่ยังมีความกระหายฝังรากลึกอยู่ภายในร่างกายอย่างเต็มเปี่ยม สัตว์เลี้ยงที่ย้อนกัดผู้เป็นนายก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าสัตว์มายาก็ยังคงเป็นที่ขาดแคลน ถึงจะมีอันตรายแฝงเอาไว้อยู่บ้าง ก็ยังสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ด้วยพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้สัตว์มายาสามารถถูกฝึกให้เป็นสัตว์เลี้ยงศึกได้ ทว่าจะต้องใช้ทักษะในการควบคุมที่สูงยิ่งกว่า การควบคุมสัตว์มายาจำเป็นที่จะต้องมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเพียงพออีกด้วย
เพื่อใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเชื่อมสัมพันธ์กับสัตว์มายาของตน เมื่อทำได้เช่นนั้นแล้วก็จะสามารถใช้พลังของสัตว์มายาผสานการโจมตีเข้ากับผู้เป็นนายได้ หากการผสานเข้ากันเป็นอย่างดีก็จะก่อให้เกิดพลังการต่อสู้ประดุจพายุหมุนที่บ้าคลั่ง
อีกทั้งโอกาสที่สัตว์เลี้ยงศึกจะทรยศผู้เป็นนายนั้นเท่ากับศูนย์ ทว่ากว่าจะไปถึงขั้นนั้นก็ต้องใช้เวลาร่วมกันอย่างยาวนานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กัน ด้วยเหตุนี้การจะฝึกสัตว์เลี้ยงศึกตัวหนึ่งขึ้นมาได้ช่างสิ้นเปลืองทั้งเรี่ยวแรงและเวลาไปอย่างมหาศาล
แม้ม่งฉีจะไม่ทราบถึงสถานการณ์ของหลงเฉินในช่วงนี้ อีกทั้งยังนำทารกสัตว์มายาส่งมอบมาให้อีก นางคงคาดหวังว่าหมาป่าหิมะแดงเพลิงจะสามารถอยู่ร่วมกันกับหลงเฉินได้จนเติบใหญ่ ทำให้เขายิ่งมีพลังในการรักษาชีวิตได้มากกว่าเดิม เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกปลื้มปริ่มขึ้นมาเต็มหัวใจแล้ว
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเรียนรู้ทักษะการฝึกสัตว์ ลู่ฟางเอ๋อตกใจขึ้นมาไม่น้อยเมื่อเห็นหลงเฉินเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งภายในระยะเวลาไม่นาน อีกทั้งคำถามส่วนหนึ่งที่ถามออกมาต่างก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะรู้เอาไว้เป็นอย่างยิ่ง
หากเป็นไปตามกฎของสำนักแล้ว การสั่งสอนผู้อื่นย่อมมีข้อจำกัด ลู่ฟางเอ๋อทำได้พียงถ่ายทอดวิชาพื้นฐานในการควบคุมสัตว์ให้แก่หลงเฉินไปบางส่วน ส่วนเคล็ดวิชาภายในของสำนักนั้นย่อมไม่หาญกล้าพอที่จะถ่ายทอดออกไปได้
ความฉลาดล้ำลึกของหลงเฉินทำให้ลู่ฟางเอ๋อเกิดความยอมรับทั้งกายและใจ นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดตนหนึ่งหรืออย่างไรกัน สิ่งที่ได้ผ่านหูไปแล้วกลับไม่มีลืมเลือนเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีสามารถแตกแขนงพื้นฐานไปได้อีกหลากหลาย อีกทั้งยังถามออกมาในสิ่งที่แม้แต่ผู้ฝึกสัตว์อย่างนางยังไม่กล้าพอที่จะนึกถึง
เมื่อได้ฝังรากอยู่ในจวนของตระกูลหลงถึงครึ่งวัน ลู่ฟางเอ๋อที่พบว่าหลงเฉินเข้าใจในวิชาที่ได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้นแล้วก็รีบออกจากที่แห่งนั้นในทันที ทว่าก่อนหน้าที่นางจะจากไป หลงเฉินก็ได้ส่งมอบของล้ำค่าอย่างโอสถบำรุงวิญญาณให้แก่ลู่ฟางเอ๋อเพื่อนำไปมอบให้ม่งฉี
หลงเฉินที่กำลังจ้องมองไปยังเจ้าหนูขนปุกปุยสีขาวที่อยู่ในอ้อมอกก็ได้บังเกิดความอบอุ่นขึ้นภายในจิตใจอย่างมหาศาล หมาป่าหิมะแดงเพลิงตัวนี้เป็นเสมือนตัวแทนของม่งฉี และทำให้เขาได้ทราบว่าภายในใจของนางยังคิดถึงเขาอยู่
เมื่อรับความรู้สึกของม่งฉีมาแล้ว ภายในจิตใจเขากลับเต็มเปี่ยวมไปด้วยความกล้าหาญขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ เขาหวังจะสะสางเรื่องทั้งหมดภายในจักรวรรดิให้จบลงไปได้โดยเร็วที่สุด จากนั้นก็จะออกเดินทางไปยังโลกภายนอกและเข้าสู่ท้องนภาอันกว้างใหญ่ไพศาล
เพราะท่ามกลางโลกหล้าที่ภายนอกยังมีอีกหนึ่งคนกำลังรอคอยเขาอยู่ เมื่อนึกถึงใบหน้าอันงดงามของม่งฉีแล้ว โลหิตภายในร่างของเขาก็ร้อนระอุขึ้นมาอย่างหยุดไม่อยู่ ข้าต้องเร่งลงมือขึ้นมาเสียแล้ว
“ฮือฮือ—”
ทันใดนั้นเจ้าหนูขนปุกปุยที่อยู่ในอ้อมอกของหลงเฉินก็ส่งเสียงร้องแผ่วเบาออกมา อีกทั้งยังดิ้นไปมาอยู่ภายในนั้น พลันมุมปากของหลงเฉินก็ปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นมาพร้อมกับจิตสังหารกลุ่มหนึ่ง . .